Posted on

อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย – เมื่อความประณีตของอาหารไทยถูกยกระดับที่ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย – เมื่อความประณีตของอาหารไทยถูกยกระดับที่ Royal Osha

“อาหารไทย” เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก เพราะอาหารไทยนั้นไม่เพียงแค่มีรสชาติที่เข้มข้น จัดจ้าน และกลมกล่อมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิต และความใส่ใจในรายละเอียดของคนไทยในทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสรรวัตถุดิบ การปรุงรสอย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงการจัดจานอย่างมีศิลปะ ทำให้อาหารไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และเมื่อโลกของการรับประทานอาหารได้พัฒนา และยกระดับเข้าสู่การรับประทานในสไตล์ “ไฟน์ไดนิ่ง” ซึ่งอาหารไฟน์ไดนิ่ง คือ การรับประทานอาหารแบบหรูหราที่เน้นประสบการณ์รอบด้าน ทำให้อาหารไทยก็ได้ถูกนำมาตีความใหม่ในรูปแบบที่ยังคงรากเหง้าความเป็นไทย แต่เพิ่มเติมด้วยการจัดวางอย่างงดงาม เทคนิคการปรุงสมัยใหม่ และบรรยากาศการรับประทานที่หรูหรา ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างศิลปะ และวัฒนธรรมอาหารอย่างลงตัว

โดยอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยไม่ได้เน้นเพียงแค่รสชาติเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดเรื่องราว ความหมาย และประสบการณ์ผ่านแต่ละจานอาหาร เช่น การเลือกเมนูจากตำนานพื้นบ้าน วัตถุดิบท้องถิ่นที่หายาก หรือการออกแบบจานให้สะท้อนวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้รับประทานได้สัมผัสถึงความลึกซึ้งของอาหารไทยในมุมมองที่แตกต่างได้ และหนึ่งในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่โดดเด่นในการนำนิยามของ “อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย” มาถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ คือ Royal Osha ร้านอาหารระดับพรีเมียมที่ผสมผสานความหรูหรากับความละเมียดละไมของอาหารไทยไว้อย่างกลมกลืน ไม่เพียงแต่มอบรสชาติอาหารไทยได้อย่างแท้จริงเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องผ่านทุกองค์ประกอบของจานอาหาร ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่ต้องการสัมผัสอาหารไทยในมิติที่เหนือระดับ ดังนั้น ในบทความนี้ก็จะพานักชิมทุกคนมาทำความรู้จักกับ Royal Osha กันว่าทำไมถึงเป็นร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่ผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยควรลิ้มลองให้ได้สักครั้ง

1. พบกับอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย ศิลปะในจานอาหารของ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

สำหรับอาหารไทยนั้นเป็นหนึ่งในประเภทอาหารที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก ทั้งในด้านวัตถุดิบ เทคนิคการปรุง และรสชาติที่ซับซ้อน จนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้าน อาหารชาววัง อาหารริมทาง หรืออาหารร่วมสมัย โดยแต่ละรูปแบบต่างสะท้อนเอกลักษณ์ของภูมิภาค วัฒนธรรม และยุคสมัยที่แตกต่างกันออกไป และในช่วงหลังมานี้ “อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย” ได้กลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของอาหารไทยที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารแบบแปลกใหม่ หรือผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่เหนือกว่า เพราะว่าอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยไม่เพียงแต่ยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นของล้ำค่า แต่ยังคงไว้ซึ่งรากเหง้าของอาหารไทยดั้งเดิม พร้อมทั้งนำเสนอผ่านการจัดวางที่วิจิตรสวยงาม เทคนิคการปรุงที่ทันสมัย และเรื่องราวเบื้องหลังที่ลึกซึ้งตามแบบฉบับของอาหารไทยดั้งเดิมอีกด้วย

โดยจุดเด่นของอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยอยู่ที่ “ความประณีตในทุกมิติ” ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่ยังคงความกลมกล่อมแบบไทยแท้ การนำเสนอที่วิจิตรบรรจงเหมือนงานศิลป์ ไปจนถึงการเล่าเรื่องของแต่ละเมนูที่สร้างอารมณ์ร่วมระหว่างผู้รับประทานกับอาหาร จึงไม่น่าแปลกใจที่อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยจะได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศ และสากล และสามารถยืนหยัดท่ามกลางไฟน์ไดนิ่งแบบตะวันตกได้อย่างสง่างาม และอีกหนึ่งความพิเศษของอาหารไทยในสไตล์อาหารไฟน์ไดนิ่ง คือ “การตีความใหม่ที่เคารพต้นฉบับ” หมายความว่าแม้จะมีการใช้เทคนิคการปรุงอาหารระดับสูง หรือการตกแต่งจานอย่างร่วมสมัย แต่ยังคงยึดมั่นในรสชาติ วัตถุดิบ และความเป็นไทยไว้ทุกประการ จึงทำให้เป็นความสมดุลที่หาได้ยากในโลกของอาหารที่มีความหรูหรา

และในบรรดาร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งแบบไทยทั้งหมดนั้น “Royal Osha” ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่น่าจับตามอง ด้วยการรังสรรค์เมนูที่ไม่เพียงแค่แสดงออกถึงความสามารถของเชฟ แต่ยังสะท้อนความลึกซึ้งของวัฒนธรรมไทยได้อย่างมีชั้นเชิง และที่นี่ไม่ได้มุ่งเพียงแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ต้องการให้ทุกจานอาหารกลายเป็น “ประสบการณ์” ที่ผู้รับประทานจะจดจำ ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีตามฤดูกาล รวมถึงการจัดจานอย่างวิจิตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะไทยโบราณ เสมือนว่าทุกจานเป็นการแสดงของศิลปะไทยบนโต๊ะอาหาร อีกทั้งยังมีบริการระดับพรีเมียม และบรรยากาศการตกแต่งที่งดงาม ทำให้ Royal Osha กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสัมผัสอาหารไทยในรูปแบบที่เหนือระดับทั้งทางรสชาติ และอารมณ์

2. เมนูซิกเนเจอร์อาหารไทยไฟน์ไดนิ่งจาก Royal Osha ที่ควรลอง

Fine Dining Cuisine

สำหรับเมนูของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยอย่าง Royal Osha นั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งแบบ A Lar Carte และแบบ Set Menu อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนเมนูในแต่ละช่วงฤดูตามวัตถุดิบแบบ Seasonal ทำให้นักชิมสามารถแวะเวียนมาลิ้มลองเมนูใหม่ๆ แบบไม่ซ้ำได้ตลอดทั้งปี แต่ถึงแม้ว่าเมนูจะมีการเปลี่ยนตามฤดูกาล แต่ว่าก็ยังมีเมนูซิกเนเจอร์ของ Royal Osha ที่นักชิมตัวจริงต้องห้ามพลาด ดังนี้

    • ข้าวแช่ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่นักชิมคนไหนได้ลิ้มลองแล้วจะต้องกลับมาซ้ำเป็นประจำทุกปี โดยทำมาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดี ลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 เพื่อทำการแช่ข้ามคืน ที่จะช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้ได้กลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน ที่มาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ เช่น กระชาย ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวา ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต 
  •  
    • ชุดน้ำพริกต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่รวบรวมวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม ละเมียดละไมตามวิถีครัวไทยโบราณ พร้อมจัดเสิร์ฟอย่างประณีตตามสไตล์ของ Royal Osha โดยภายในชุดน้ำพริกนั้นจะประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ กุ้งแชบ๊วยย่างพร้อมสมุนไพรกรอบ ปลาทูทอดกรอบพร้อมพริกทอด มะเขือยาวชุบไข่ทอด และไข่ทอดชะอม เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก และผักแกะสลัก และมีน้ำพริกตำรับพิเศษให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกไข่ปู และน้ำชุบกุ้ง และหลนหมูสับกับกุ้ง ให้ได้เลือกรับประทานกันตามใจชอบ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสมุนไพรอย่างน้ำอัญชันมะนาว และชาไทย ที่สามารถช่วยล้างปากในตอนท้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  •  
    • หยกมณีสตรอเบอร์รี เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของ Royal Osha ที่มาในรูปแบบขนมหวาน และถือว่าเป็นอีกเมนูที่ใครได้ชิมก็ต้องติดใจ ด้วยการนำขนมไทยโบราณอย่างหยกมณีมาผสมผสานกับสตรอเบอร์รีลูกใหญ่ที่มีความหอม หวาน และสดใหม่ โดยเนื้อของหยกมณีนั้นจะมีความนุ่มละมุน มาพร้อมกับถั่วทองบด และห่อหุ้มสตรอเบอร์รีสดอย่างประณีต ทำให้ในทุกคำที่ได้สัมผัสนั้นจะมีทั้งความหอม นุ่ม และหวานฉ่ำ ที่รับประทานแล้วจะสัมผัสประสบการณ์จากขนมไทยรสเลิศ พร้อมกับความสดชื่นของผลไม้ระดับพรีเมียมได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่มีความหรูหราพรีเมียม ไม่ว่าจะซื้อรับประทานเอง หรือซื้อเป็นของฝากให้คนสำคัญก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี


ดังนั้น นักชิมคนไหนที่อยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย หรืออยากจะสัมผัสความอร่อยของเมนูซิกเนเจอร์จาก Royal Osha ก็สามารถสำรองที่นั่งได้แล้ว วันนี้ ผ่านช่องทาง Line Official : @royalosha หรือผ่านช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

3. เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยภายใต้บรรยากาศไทยแท้ที่ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

สำหรับบรรยากาศ และการตกแต่งภายในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งอย่าง Royal Osha นั้นจะเป็นแบบไทยๆ ทำให้นักชิมทุกคนสามารถรับประทานอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งภายใต้บรรยากาศแบบไทยแท้ ด้วยการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น พร้อมกับทำการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด อีกทั้งยังมีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลามาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอกในช่วงเวลากลางคืน และจุดเด่นที่สำคัญของบรรยากาศภายในห้องอาหารของ Royal Osha คือ โคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร นอกจากนั้นก็ยังมีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้นักชิมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารไทยในรูปแบบของอาหารไฟน์ไดนิ่ง และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ที่ช่วยสร้างความประทับใจ และเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้ได้อย่างแท้จริง และสำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะลองเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศความเป็นไทย พร้อมกับลิ้มลองอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha ก็สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางการติดต่อต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

4. สัมผัสกับบริการ และประสบการณ์ที่มากกว่าการรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งที่ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยนั้นแตกต่างจากการรับประทานอาหารทั่วไป ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในรสชาติ หรือการจัดวางจานที่สวยงามเท่านั้น หากแต่อยู่ที่ “การบริการ” อันเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้นักชิมรู้สึกประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ร้าน จนถึงวินาทีสุดท้ายของมื้ออาหาร ทำให้การบริการในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งเปรียบเสมือนศิลปะที่ต้องใช้ทั้งความเชี่ยวชาญ ความใส่ใจ และความเข้าใจในวัฒนธรรมไทยด้วย

เมื่อนักชิมก้าวเข้าสู่ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย นักชิมจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และอ่อนน้อมตามแบบฉบับไทย ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวทักทายด้วยไมตรี การไหว้ การเชื้อเชิญไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต หรือแม้กระทั่งการแนะนำเมนูด้วยภาษาที่สุภาพ และให้เกียรติ และสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงมารยาทไทยที่ได้รับการยกระดับในรูปแบบของบริการระดับมืออาชีพ และในการรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยนั้นพนักงานเสิร์ฟไม่ใช่เพียงแค่ผู้ให้บริการเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว” ของอาหารแต่ละจาน โดยจะอธิบายรายละเอียดของเมนู ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ วัตถุดิบ เทคนิคการปรุง และความหมายเชิงวัฒนธรรมเบื้องหลังอย่างลึกซึ้ง และสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับจานอาหาร และทำให้นักชิมสามารถเข้าใจความตั้งใจของเชฟมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเสิร์ฟอาหารก็จะเป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย จานหลัก ไปจนถึงของหวาน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการจัดมื้ออาหารเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรสชาติที่มีความต่อเนื่อง เข้ากัน และความพึงพอใจทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย

ด้วยทุกองค์ประกอบของอาหาร การบริการ การจัดเสิร์ฟ และบรรยากาศนั้นถูกออกแบบเพื่อให้การรับประทานอาหารเป็นมากกว่าแค่ “การกิน” แต่คือ “การดื่มด่ำทางวัฒนธรรม” และทั้งหมดนี้ทำให้บริการในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยไม่ได้เป็นเพียงเบื้องหลังของความหรูหรา แต่คือหัวใจของประสบการณ์ที่นักชิมจะจดจำไม่รู้ลืม

5. สำรองที่นั่ง เพื่อสัมผัสความหรูหราอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยแท้ที่ Royal Osha ได้แล้ว วันนี้!

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu อีกทั้งยังมีเมนูที่ปรุงแต่งขึ้นมาตามวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาล ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เปิดประสบการณ์ Fine Dining หรูหรา และมีเอกลักษณ์

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เปิดประสบการณ์ Fine Dining หรูหรา และมีเอกลักษณ์

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เป็นอีกร้านอาหารกรุงเทพแบบ Fine Dining ยอดนิยมของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพราะว่าอาหารทุกจานนั้นสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรม และรสชาติของความเป็นไทยได้อย่างทรงคุณค่า และเป็นหนึ่งในร้านที่สะท้อนภาพลักษณ์ของอาหารไทยระดับโลกได้ดีที่สุด และความพิเศษของการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ ที่ Royal Osha นั้นไม่ได้เพียงแค่เสิร์ฟอาหารให้นะกชิมได้ลิ้มลองเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านวัตถุดิบ การจัดจาน และบรรยากาศอันหรูหรา โดยยังคงความเคารพในรากเหง้าของอาหารไทยไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการตกแต่งภายในร้านที่นำเสนอความร่วมสมัยของศิลปะไทย ร่วมกับการบริการระดับพรีเมียม ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่นี่เหนือไปกว่าแค่ “ความอร่อย” แต่กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ดังนั้น Royal Osha จึงเหมาะสำหรับทั้งนักชิมตัวยง ผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่ต้องการสัมผัสมิติใหม่ของอาหารไทย ที่หรูหรา ละเมียดละไม และเปี่ยมด้วยเรื่องราวอันลึกซึ้งในทุกคำที่ลิ้มลอง

1. Royal Osha ร้านอาหารไทย กรุงเทพ ระดับมิชลินที่สื่อสารความเป็นไทยอย่างประณีต

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

Royal Osha คือ หนึ่งในร้านอาหารไทย กรุงเทพ ระดับ Fine Dining ที่ผสมผสานความเป็นไทยแบบต้นตำรับกับความหรูหราทันสมัยได้อย่างมีชั้นเชิง การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide อย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายปี และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย และเหตุผลที่ทำให้ Royal Osha กลายเป็นร้านอาหารไทย กรุงเทพ ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีดังนี้

    • การออกแบบภายในที่ถ่ายทอดความเป็นไทยอย่างมีระดับ สำหรับ Royal Osha ร้านอาหารไทย กรุงเทพนั้นสามารถสร้างความประทับใจแรกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหรา มีชั้นเชิง และสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยในแบบร่วมสมัย ที่มีการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด โดยภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ มีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลา มาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอก ทำให้เวลาที่นักชิมกำลังอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยสุดพรีเมียมนั้นก็ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานความวิจิตรของศิลปะไทยกับความหรูหราสมัยใหม่ Royal Osha จึงให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่น สงบ และสง่างาม เป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบในการนำเสนออาหารไทยแบบ Fine Dining อย่างแท้จริง
  •  
    • เมนูที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพสูง เบื้องหลังรสชาติระดับตำนานของร้านอาหารกรุงเทพ Royal Osha คือ การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ของ Royal Osha และเป็นการคัดสรรวัตถุดิบภายใต้แนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร รวมถึงยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รสตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อใช้ในแต่ละเมนู และการให้ความสำคัญกับคุณภาพตั้งแต่ต้นทางเช่นนี้ คือ สิ่งที่ทำให้อาหารทุกจานของ Royal Osha สื่อถึงความตั้งใจ และความรักในศิลปะอาหารไทยอย่างแท้จริง
  •  
    • การจัดจานที่เป็นงานศิลปะ สำหรับอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ที่ Royal Osha ไม่เพียงเป็นเรื่องของรสชาติ แต่ยังถูกยกระดับให้เป็นงานศิลปะบนจาน เพราะว่าทุกองค์ประกอบของการจัดจานผ่านการวางแผน และออกแบบอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นสีของอาหาร พื้นผิว รูปทรง หรือองค์ประกอบต่างๆ เช่น กลีบดอกไม้ไทย ก้านสมุนไพร หรือภาชนะที่ออกแบบเฉพาะ ทำให้การรับประทานกลายเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ และทำให้อาหารทุกจานไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตา และน่ารับประทานเท่านั้น แต่ยังเชื้อเชิญให้สัมผัสผ่านทุกประสาทสัมผัส
  •  
    • การบริการที่อบอุ่น และใส่ใจในรายละเอียด หนึ่งในความประทับใจที่ลูกค้าหลายคนพูดถึงร้านอาหารไทย กรุงเทพ คือ การบริการที่อบอุ่น ประณีต และใส่ใจทุกช่วงเวลา โดยพนักงานของ Royal Osha ผ่านการอบรมด้านการบริการแบบ Fine Dining มาอย่างเข้มข้น ทั้งเรื่องของมารยาท มาตรฐานการเสิร์ฟ และความรู้เกี่ยวกับอาหารที่สามารถอธิบายให้ผู้รับประทานเข้าใจถึงที่มาที่ไปของแต่ละจาน และที่นี่ไม่ได้ให้บริการแบบทางการจนเกินไป แต่เน้นความเป็นกันเองอย่างมืออาชีพ ถ้าหากนักชิมมีข้อจำกัดเรื่องอาหาร เช่น แพ้อาหาร หรือทานมังสวิรัติ พนักงานจะรีบประสานกับเชฟเพื่อปรับเมนูให้เหมาะสมอย่างใส่ใจ หรือแม้แต่การพูดคุยถามไถ่ความพึงพอใจอย่างนุ่มนวล ล้วนสะท้อนวัฒนธรรม “การต้อนรับแบบไทย” ที่แฝงด้วยความอบอุ่น และความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด
  •  
    • การเล่าเรื่องผ่านอาหารไทย อาหารที่ดีไม่ใช่แค่การรวมวัตถุดิบ และรสชาติ แต่ต้องมีการเล่าเรื่องราวให้นักชิมได้สัมผัส ซึ่ง Royal Osha ใช้แนวคิดนี้ในการสร้างเมนูแต่ละจานให้มีความหมาย และเรื่องราวเบื้องหลัง และเรื่องราวที่เล่าผ่านอาหารเหล่านี้ไม่ได้หยุดแค่ชื่อเมนู แต่ขยายไปสู่การจัดจาน ภาชนะ และการเสิร์ฟ รวมถึงคำอธิบายจากพนักงานที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้นักชิมได้ “สัมผัสอาหารด้วยจิตใจ” ไม่ใช่แค่ลิ้น ทำให้ประสบการณ์ในแต่ละมื้อกลายเป็นการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และภูมิปัญญาไทยอย่างลึกซึ้ง
  •  
    • รสชาติที่สะท้อนความเป็นไทย หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha แตกต่างจากร้านอาหารกรุงเทพทั่วไป คือ “รสชาติ” ที่ไม่ใช่เพียงอร่อย แต่ยังสะท้อนอัตลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างลึกซึ้ง และประณีต โดยยังคงเคารพต้นตำรับอาหารไทยอย่างมั่นคง พร้อมกับปรับให้ร่วมสมัยในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย แต่ยังเปี่ยมด้วยความซับซ้อนทางรสสัมผัส และไม่เพียงรักษารสชาติแบบไทยแท้ แต่ยังตีความอาหารไทยในแบบใหม่ โดยไม่ทำลายจิตวิญญาณของเมนู นอกจากนี้ทางร้านยังใส่ใจในเรื่องของ กลิ่นและสัมผัส ของอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติที่สำคัญในวัฒนธรรมไทย จึงทำให้รสชาติของอาหารที่ Royal Osha มอบให้ไม่ได้มีเพียง “ความอร่อย” แต่ยังเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ความเคารพ และความภูมิใจในวัฒนธรรมไทย ผ่านรสมือเชฟมือทองมากประสบการณ์ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ทุกจานกลายเป็นบทกวีที่เล่าเรื่องราวของไทยด้วยรสชาติอย่างแท้จริง
  •  
    • ทำเลใจกลางกรุงเทพ เดินทางสะดวก Royal Osha ร้านอาหารไทย กรุงเทพตั้งอยู่บนบนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวันซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลทองของกรุงเทพฯ ที่มีทั้งความสงบ หรูหรา และสะดวกต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่ หรือรถไฟฟ้า BTS โดยสามารถลงสถานีเพลินจิต และต่อรถเพียงไม่กี่นาที และบริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยโรงแรมหรู แกลเลอรี ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทำให้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้บริหาร หรือคู่รักที่ต้องการดินเนอร์ในบรรยากาศหรูแต่เข้าถึงง่าย อีกทั้งยังมีที่จอดรถภายในอาคารที่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ และการตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองแบบนี้ ไม่เพียงให้ประสบการณ์การรับประทานอาหาร Fine Dining ที่เหนือระดับ แต่ยังให้ความสะดวกในทุกแง่มุมของการใช้บริการ

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

2. เมนูแนะนำของร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ที่นักชิมตัวจริงต้องห้ามพลาด

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะสัมผัสถึงรสชาติของอาหารไทยแท้จากร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ต้องห้ามพลาด 3 เมนูแนะนำที่เหล่านักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาลิ้มลองติดใจ และต้องกลับมารับประทานทุกครั้ง โดยแต่ละเมนูนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูแนะนำ และถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่นำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย และเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาด ทำให้มีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต เช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น เพื่อให้นักชิมได้เข้าถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววังได้อย่างแท้จริง
  • ชุดน้ำพริก ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูแนะนำจาก Royal Osha ที่รวบรวมวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม ละเมียดละไมตามวิถีครัวไทยโบราณ พร้อมจัดเสิร์ฟอย่างประณีตตามสไตล์ของ Royal Osha ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ กุ้งแชบ๊วยย่างพร้อมสมุนไพรกรอบ ปลาทูทอดกรอบพร้อมพริกทอด มะเขือยาวชุบไข่ทอด และไข่ทอดชะอม เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก และผักแกะสลัก และมีน้ำพริกตำรับพิเศษให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกไข่ปู และน้ำชุบกุ้ง และหลนหมูสับกับกุ้ง ให้ได้เลือกรับประทานกันตามใจชอบ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสมุนไพรอย่างน้ำอัญชันมะนาว และชาไทย เพื่อให้ทุกคำที่ลิ้มรส เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ความละเมียดละไม และกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมไทย
  • ชุดเมนูมะยงชิดเลิศรส เป็นเมนูแนะนำจาก Royal Osha ที่รังสรรค์มาจากมะยงชิดสายพันธุ์ที่อร่อยที่สุด รสชาติเป็นเอกลักษณ์ และพิถีพิถันในการคัดเลือกทุกลูกเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีให้เลือกทั้งเมนูคาว และหวาน ไม่ว่าจะเป็นยำมะยงชิด ทาร์ตมะยงชิด และส้มฉุนมะยงชิด ให้นักชิมได้เลือกสัมผัสความอร่อยที่ไม่เหมือนใครในเมนูของคิมหันตฤดู

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

3. ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เหมาะกับการรับประทานในโอกาสไหนบ้าง?

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

สำหรับร้านอาหารไทย กรุงเทพ อย่าง Royal Osha ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร กรุงเทพ สำหรับการรับประทานทั่วไปเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง และสร้างความประทับใจในโอกาสสำคัญต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งในแต่ละโอกาสที่เหมาะกับการแวะเวียนมารับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ อย่าง Royal Osha นั้นมีดังนี้

  • ดินเนอร์ฉลองวันครบรอบ หรือโอกาสพิเศษกับคนรัก เพราะว่าภายในร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha นั้นมีบรรยากาศสุดโรแมนติก รวมถึงมีแสงไฟที่ให้บรรยากาศอบอุ่น พร้อมกับการตกแต่งแบบไทยหรูหรา และคอร์สอาหารสุดประณีต ที่ช่วยเสริมให้ค่ำคืนของคู่รักได้กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ อีกทั้งยังมีบริการจัดโต๊ะแบบพิเศษสำหรับการขอแต่งงาน หรือเฉลิมฉลองแบบส่วนตัวได้อีกด้วย
  • งานเลี้ยงรับรองแขกต่างชาติ หรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ถ้าหากใครที่กำลังมองหาสถานที่ที่สะท้อนภาพลักษณ์มืออาชีพ แต่ยังคงความอบอุ่น และมีความเป็นไทยแท้ เพื่อจัดเลี้ยงแขกต่างชาติ หรือพูดคุยทางธุรกิจ ต้องที่ Royal Osha เพราะว่าการเลือกที่นี่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียด และความสามารถในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแขก หรือพาร์ทเนอร์
  • ฉลองวันเกิดแบบหรูหรา สำหรับผู้ที่ต้องการฉลองวันเกิดในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ก็สามารถแวะมาที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ได้ เพราะที่นี่สามารถจัดโต๊ะพิเศษ หรือห้องส่วนตัว พร้อมเมนูที่สามารถเลือกรับประทานตามความชอบส่วนตัวได้ เพื่อให้วันเกิดนั้นมีความสุข และเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจมากที่สุด
  • รับประทานกับครอบครัวในช่วงวันหยุด สำหรับในช่วงเวลาสำคัญ เช่น วันแม่ วันพ่อ หรือวันหยุดยาว การแวะมาที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ถือว่าเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับการพาครอบครัวมาร่วมรับประทานอาหารที่มีทั้งความอร่อย ใส่ใจต่อคนทุกวัย การบริการที่อบอุ่น และบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
  • นักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสอาหารไทยแท้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์อาหารไทยแท้ๆ แบบเหนือระดับ ก็สามารถแวะมาได้ที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ที่มีดีมากกว่าอาหารจานอร่อย ด้วยการเล่าเรื่อง วัฒนธรรม และรสชาติที่กลมกล่อมอย่างไทยแท้ ถือเป็นจุดหมายที่ควรมีใน Bucket List ของนักเดินทางสาย Gourmet

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. ช่องทางการติดต่อ และพิกัดร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทย กรุงเทพ ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารกรุงเทพที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

5. ดูเมนูอาหาร หรือสำรองที่นั่งกับ Royal Osha คลิก ที่นี่

Posted on

Royal Osha ร้านมิชลินใกล้ฉันในกรุงเทพ หนึ่งในร้านหรูที่สายกินตัวจริงไม่ควรพลาด

Michelin Near Me Restaurant

Royal Osha ร้านมิชลินใกล้ฉันในกรุงเทพ หนึ่งในร้านหรูที่สายกินตัวจริงไม่ควรพลาด

ถ้าหากนักชิมคนไหนกำลังมองหาร้านอาหารมิชลินในกรุงเทพ ก็มีวิธีหนึ่งที่ง่าย และได้ผลที่สุด คือ การค้นหาคำว่า “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” ผ่านสมาร์ทโฟน หรือแอปพลิเคชันๆ เช่น Google Maps หรือ Wongnai เพราะระบบจะช่วยจัดอันดับร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง และอยู่ใกล้กับตำแหน่งของนักชิมมากที่สุด ที่นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาในการเลือกร้านอาหารแล้ว ยังทำให้นักชิมได้มีโอกาสในการสัมผัสรสชาติอาหารที่ได้รับการการันตีจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลกอีกด้วย และหนึ่งในร้านมิชลิน ใกล้ฉันในกรุงเทพฯ ที่จะปรากฏอยู่ในผลการค้นหาอยู่เสมอ คือ Royal Osha ร้านอาหารไทยระดับ Fine Dining ที่ได้รับรางวัลมิชลินอย่างต่อเนื่อง ด้วยเมนูที่ผสมผสานรสชาติไทยแท้กับการจัดจานแบบศิลปะ และการบริการสุดพรีเมียม จึงไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะเป็นหนึ่งใน “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์ และเป็นที่โปรดปรานของทั้งนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่มีความหรูหรา และพรีเมียม ที่ให้ทั้งรสชาติ ความประณีต และประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยที่ไม่เหมือนใคร “Royal Osha” ถือว่าเป็นคำตอบร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่ควรอยู่ในลิสต์ของเหล่านักชิมตัวจริงที่ไม่ควรพลาด

1. Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ร้านอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining

Michelin Near Me Restaurant

สำหรับนักชิมหลายๆ คนอาจสงสัยว่า “ร้านมิชลิน” คืออะไร? คำตอบ คือ ร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Star หรือ “ดาวมิชลิน” ซึ่งเป็นรางวัลระดับโลกที่มอบให้กับร้านอาหารที่มีคุณภาพโดดเด่นในด้านรสชาติ วัตถุดิบ เทคนิคการปรุง บรรยากาศ และการบริการ โดยรางวัลนี้ไม่ได้ให้กันง่ายๆ เพราะว่าผู้ที่ตัดสินนั้นเป็นตัวแทนจากทางมิชลินที่เดินทางมารับบริการโดยไม่เปิดเผยตัว และประเมินร้านอย่างละเอียดหลายครั้งก่อนจะตัดสินใจให้ดาว และร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินถือว่าเป็นหนึ่งในร้านที่สุดยอดในวงการอาหาร ซึ่งจะมีการแบ่งระดับตั้งแต่ 1 ดาว ถึง 3 ดาว และแต่ละดาวนั้นก็จะมีความหมาย ดังนี้

  • รางวัลมิชลิน 1 ดาว เป็นดาวที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 2 ดาว เป็นดาวที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางออกนอกเส้นทาง เพื่อหยุดแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นดาวที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกล เพื่อไปชิมสักครั้ง

โดย “Royal Osha” คือ หนึ่งในร้านที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับมา 6 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2019, 2020, 2021, 2022, 2023 และ 2024 ด้วยความโดดเด่นในฐานะร้านอาหารไทยแท้ที่ยกระดับสู่ Fine Dining ได้อย่างลงตัว ทั้งเมนูอาหารที่คงรสชาติไทยดั้งเดิม การจัดจานสไตล์ศิลป์ การบริการแบบโรงแรมระดับห้าดาว รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจากทั่วประเทศ และสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้ Royal Osha ตรงตามาตรฐานของมิชลิน และได้กลายเป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันในกรุงเทพฯ ที่เหล่านักชิมไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

2. เหตุผลที่ Royal Osha เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่ติดอันดับค้นหาบ่อยที่สุด

Michelin Near Me Restaurant

สำหรับร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha ไม่เพียงแต่เป็นร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในร้านที่ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เมื่อพิมพ์คำว่า “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” อีกด้วย และเหตุผลที่ทำให้ Royal Osha เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันฉันที่ติดอันดับค้นหาบ่อยที่สุด มีดังนี้

  • ทำเลใจกลางเมือง เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นตั้งอยู่บนถนนวิทยุ หรือบริเวณแถวสวนลุมพินี ใกล้สถานทูต และแหล่งธุรกิจที่สำคัญ สามารถเดินทางได้ง่ายทั้งรถโดยสารส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง ทำให้เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่สะดวกทั้งสำหรับชาวไทย และชาวต่างชาติ จึงส่งผลให้ติดอันดับการค้นหาบ่อยโดยอัตโนมัติ
  • ภาพลักษณ์ร้านหรูหราที่เข้าถึงได้ เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นมีภาพลักษณ์ของร้านหรูหราระดับพรีเมียม แต่ยังคงความอบอุ่นแบบไทยไว้ได้ดี จึงทำให้เป็นร้านที่เข้าถึงได้ง่าย และเหมาะกับการเลี้ยงรับรอง ดินเนอร์ คุยธุรกิจ หรือรับประทานในโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งได้รับรีวิวจากลูกค้า และบล็อกเกอร์สายอาหารทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
  • เมนูไทยแท้ที่มีเอกลักษณ์ เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นมีจุดขายของร้านที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ การใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล มีรสชาติตามตำรับไทยแท้ และมีคอนเซปต์อาหารเป็นยา อีกทั้งผสมผสานกับศิลปะการจัดจานแบบสากล ทำให้นักชิมสามารถเข้าถึงความอร่อยของอาหารไทยได้ง่ายมากขึ้น
  • ประสบการณ์การรับประทานอาหารครบทุกมิติ เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha ไม่ได้เป็นแค่ร้านอาหารไทยทั่วไป แต่ให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบครบทุกมิติ ตั้งแต่บรรยากาศที่ตกแต่งอย่างหรูหราผสมกลิ่นอายศิลปะไทย มาพร้อมกับการนำเสนออาหารแต่ละจานที่สวยงามเหมือนงานศิลป์ ที่ผ่านการรังสรรค์ และออกแบบมาอย่างตั้งใจ ส่งผลให้เกิดความประทับใจในทุกมิติ และทำให้ชื่อของ Royal Osha ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง และแสดงผลบนการค้นหาบน Google หรือแอปพลิเคชันอาหารต่างๆ อยู่เสมอ
  • การันตีคุณภาพด้วยรางวัลระดับโลก เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นได้รับรางวัลจากมิชลินมาอย่างยาวนานมากถึง 6 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้นักชิมได้ว่าร้านนี้มีคุณภาพแน่นอน และเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักชิมค้นหาด้วยคำว่า “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” และพบ Royal Osha อยู่ในลิสต์ต้นๆ เสมอ

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. รีวิว Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉันจากนักชิมที่แวะมาใช้บริการจริง

Michelin Near Me Restaurant

นอกจากรางวัลมิชลิน และรางวัลการันตีอื่นๆ ที่ร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha ได้รับแล้วนั้นก็ยังมีรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะมาใช้บริการจริง ที่ช่วยการันตีได้ว่า Royal Osha เป็นอีกหนึ่งร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งตัวอย่างรีวิวที่ได้รับ มีดังนี้

  • K. David H.

“A wonderful experience from beginning to end. This is definite for anyone who appreciates fine food and phenomenal service. The executive chef was very personable and service was flawless. As we adore Thai food his menu is contemporary but executed with such precision, presentation  and attention to flavours. The ambience , the room all are what fine dining should be but not stuffy. It is highly recommended for couples or those who are catching up and like to enjoy the experience – not rushed – timed to perfection – and most of all it is personable – you felt you were being looked after by people who have a passion for your experience. A rarity these days.”

  • K. Grace Annette C Y.

“ I was invited by 2 friends to join their Thai summer “chilled rice” lunch ceremony at that restaurant. Everything was so beautiful and the whole meal exceeded my expectations. The presentations of all food and drink items were gorgeous. Food tasted delicious. Drinks were fun as well. Service was excellent.”

  • K. Israel S.

“3 Michelin stars. I had lunch yesterday and the experience was perfect. The food, the service, and the atmosphere were wonderful. As someone who has eaten in Michelin star restaurants in the past, I have no doubt that this restaurant is at the level of 3 Michelin stars. Thank you Royal Osha for a most delightful lunch.”

  • K. Tongz NP.

“Feels like indulging in a masterpiece of art, where every dish is both delicious and perfectly crafted. The restaurant’s décor is elegant and luxurious, with exceptional service from the staff. It’s a truly memorable dining experience, ideal for a date, dinner, or celebrating a special occasion.”

  • K. Waleed Farouk

“A very sofesticatedThai restaurant. Very good option for special occasions and celebrations. The food presentation is amazing. You will enjoy the service and the look of each single dish. The taste is not your normal Thai food, you have to be open for a change ”

  • K. M Jones.

“Royal Osha in Bangkok is nothing short of extraordinary. From the moment you step into the elegantly designed space, you are transported into a world where traditional Thai cuisine meets modern sophistication. The attention to detail in both the food and the ambiance is impeccable. Each dish is a work of art, beautifully plated and bursting with authentic Thai flavors that have been elevated to gourmet standards. The use of fresh, high-quality ingredients is evident in every bite, and the balance of spices and textures is masterfully done.

The service at Royal Osha is equally outstanding. The staff is attentive, knowledgeable, and passionate about the menu, offering excellent recommendations, wine pairings and ensuring that every guest feels like royalty. The presentation of the food, from appetizers to desserts, is as visually stunning as it is delicious.

Whether you’re indulging in the signature dishes or trying something new, Royal Osha delivers an unforgettable dining experience that blends the rich traditions of Thai cuisine with contemporary flair. It’s a must-visit for anyone seeking the finest in Thai fine dining in Bangkok!”

  • K. Yuvraj Debapriya Mitra

“From the moment we walked in, the staff made us feel incredibly welcome — warm, friendly, and genuinely attentive throughout the entire meal. It’s definitely advisable to book ahead. The curries were absolutely superb rich, flavourful, and clearly made with care. And just when we thought it couldn’t get better, the desserts came out a must-try!

What truly set this experience apart, though, was the generosity of the team. They kindly offered us 2–3 complimentary dishes, which was not only unexpected but also such a thoughtful gesture. Their kindness and hospitality made the meal feel all the more special.”

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. แนะนำ 3 ร้านมิชลิน ใกล้ฉันอื่นๆ ในกรุงเทพที่ควรลอง

Michelin Near Me Restaurant

นอกจาก Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉันแล้ว ก็ยังมีร้านมิชลิน ใกล้ฉันร้านอื่นๆ ที่นักชิมควรแวะเวียนไปลิ้มลองสักครั้ง และในหัวข้อนี้ทาง Royal Osha ก็จะมาแนะนำ 3 ร้านที่นักชิมต้องห้ามพลาด ดังนี้

  • ศรณ์ (Sorn) เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ที่เป็นร้านอาหาร Fine Dining ที่เชี่ยวชาญด้านอาหารใต้ของไทย และเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอาหารไทยด้วยการคว้ารางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นร้านแรกของประเทศในปี 2025 และร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 โดยอาหารแต่ละจานนั้นสามารถถ่ายทอดรสชาติอาหารใต้แท้ๆ ได้เป็นอย่างดี และให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากชุมชนต่างๆ ในภาคใต้ เช่น ล็อบสเตอร์ภูเก็ต ปลาโอดองจากนราธิวาส หรือเครื่องแกงตำมือแบบดั้งเดิม และเมนูแนะนำของร้านนั้นก็จะมีเมนูแกงไตปลา ข้าวยำปักษ์ใต้ และแกงเหลืองปลากระพง ที่ล้วนแต่มีรสชาติจัดจ้าน แต่กลมกล่อม เหมาะกับนักชิมที่ต้องการสัมผัสรสชาติอาหารไทยทางใต้ดั้งเดิม
  • Sühring เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ที่เป็นร้านอาหารเยอรมันระดับมิชลิน 2 ดาว ตั้งอยู่ในซอยเย็นอากาศ ย่านสาทร โดยเชฟฝาแฝดชาวเยอรมัน Thomas และ Mathias Sühring ที่ได้นำสูตรอาหารเยอรมันดั้งเดิมมาประยุกต์ใหม่ให้เข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ และวัตถุดิบจากไทยอย่างลงตัว และร้านตั้งอยู่ในบ้านสไตล์วินเทจท่ามกลางสวนร่มรื่น ให้บรรยากาศเหมือนทานข้าวที่บ้านของเชฟ ซึ่งจะมีเมนูจัดเป็นคอร์สที่ผ่านการดีไซน์มาอย่างประณีต เช่น “Berliner Senfei” หรือไข่เย็นเสิร์ฟกับซอสมัสตาร์ดแบบเบอร์ลิน “Spätzle” หรือพาสต้าโฮมเมดเนื้อนุ่ม และ “Sauerbraten” เนื้อวัวหมักสูตรโบราณที่ปรุงแบบ Slow Cook เหมาะสำหรับนักชิมที่ต้องการเปิดประสบการณ์กับอาหารเยอรมันของแท้
  • Chef’s Table เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ที่เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสระดับมิชลิน 2 ดาว ที่ตั้งอยู่บนชั้น 61 ของโรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ถนนสีลม หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของร้าน คือ “ครัวเปิด” ที่ตั้งอยู่กลางห้องอาหารล้อมรอบด้วยเคาน์เตอร์หินอ่อน ทำให้ลูกค้าจะได้นั่งชมเชฟปรุงอาหารกันแบบสดๆ ต่อหน้า และเมนูแนะนำนั้นก็จะเป็น “Lobster Fricassée” หรือกุ้งลอบสเตอร์ปรุงแบบคลาสสิกฝรั่งเศส “Foie Gras Confit” หรือตับห่านตุ๋นหอมละมุนเสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดู และ “Wagyu Beef Rossini” ที่ใช้เนื้อเกรดพรีเมียมปรุงอย่างพิถีพิถันในระดับศิลปะ เหมาะสำหรับนักชิมที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารฝรั่งเศสที่ทั้งหรูหรา ประณีต และเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจในทุกขั้นตอน

5. วิธีจองโต๊ะที่ Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉันแบบง่ายๆ

Michelin Near Me Restaurant

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

รีวิว Royal Osha – หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ที่สาย Fine Dining ห้ามพลาด

best Thai restaurant Bangkok

รีวิว Royal Osha – หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ที่สาย Fine Dining ห้ามพลาด

ถ้าหากนักชิมคนไหนกำลังมองหาร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่จะช่วยมอบประสบการณ์มื้ออาหารสุดประทับใจ ต้องห้ามพลาด “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย มาพร้อมกับการนำเสนออาหารไทยร่วมสมัยที่ผสมผสานศิลปะการจัดจานกับรสชาติต้นตำรับได้อย่างลงตัว ทุกจานผ่านการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง และการรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถันจากเชฟมือทองจากวงการอาหารไทยแท้ อีกทั้งยังมีบรรยากาศแบบไทยๆ ด้วยการการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของวัฒนธรรมไทย ผสานกลิ่นอายร่วมสมัย ทำให้เหมาะกับการแวะเวียนมาลิ้มลองได้ในทุกโอกาส และยังสามารถแวะเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงรอบๆ ได้อีกหลายแห่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ทั้งสวน ธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามกันในบทความนี้ได้เลย!

 1. ทำไม Royal Osha ถึงเป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ?

สำหรับหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพอย่าง Royal Osha นั้นมีหลากหลายเหตุผลที่ทำให้นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องแวะมาลิ้มลองสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร บรรยากาศ หรือการคัดสรรวัตถุดิบ ดังนี้

1.1 ประวัติความเป็นมาของ Royal Osha

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่เกิดจาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงแต่ง และรังสรรค์อาหารไทย และอยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี ได้มีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” จึงได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานมาร่วมมือกันสร้าง Royal Osha กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครงองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน และด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ แปลกใหม่ มีให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ และมีราคาที่นักชิมสามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้ Royal Osha เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่สามารถตอบโจทย์ และเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยใหม่ๆ ในทุกโอกาสให้กับชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

1.2 การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล

สำหรับที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพนั้นจะมีการรังสรรค์ และปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ของ Royal Osha โดยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นเกิดจากการที่เชฟวิชิต มุกุระ มีแนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งอาหารไทยแท้แต่ละเมนูของ Royal Osha นั้นมีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย อีกทั้งในแต่ละเมนูยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รส ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ที่ถือว่าเป็นรสชาติตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ และด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นจึงส่งผลให้เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล มีความแปลกใหม่ ให้นักชิมได้แวะเวียนมารับประทานกันได้ตลอดทั้งปี แต่ยังคงความอร่อย และมีคุณประโยชน์ตามแบบต้นตำรับอาหารไทย

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

1.3 บรรยากาศ และการตกแต่งแบบไทย

สำหรับบรรยากาศ และการตกแต่งภายในร้านของ Royal Osha นั้นจะเป็นแบบไทยๆ ที่มีการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น ด้วยการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด มีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลามาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอกในช่วงเวลากลางคืน และภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร นอกจากนั้นก็ยังมีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้นักชิมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารไทยสไตล์ Fine Dining และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ที่ช่วยสร้างความประทับใจได้ในเวลาเดียวกัน

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

2. เมนูแนะนำของ Royal Osha ร้านอาหารไทยดีที่สุดในกรุงเทพที่ควรลอง

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับเมนูของ Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพนั้นก็มีให้นักชิมได้เลือกลิ้มลองกันอย่างหลากหลาย แต่ว่าเมนูแนะนำที่นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแวะเวียนมาแล้วต้องห้ามพลาด มีดังนี้

    • ข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา ถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่นำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย และเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาด ทำให้มีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น 
  •  
    • ขนมจีนน้ำยาภูเก็ตกับล็อบสเตอร์ย่าง เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha ที่อยู่ใน Seasonal Menu Set โดยเมนูนี้ประกอบด้วยเส้นขนมจีนเหนียวนุ่มกำลังดี ตัดด้วยน้ำยาภูเก็ตที่มีความกลมกล่อม เสิร์ฟคู่กับล็อบสเตอร์ย่างที่มีเนื้อหวาน แน่น ตัวใหญ่ เมื่อรับประทานคู่กันกับขนมจีน และน้ำยาเข้ากันได้อย่างลงตัว
  •  
    • ต้มโคล้งเนื้อปูม้า เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha ที่อยู่ใน Seasonal Menu Set โดยเมนูนี้ประกอบด้วยซุปต้มโคล้งใสที่มีความหอม และจัดจ้าน มาพร้อมกับเนื้อปูม้าชิ้นโต คำใหญ่ เนื้อหวาน และแน่น รับประทานคู่กันแล้วจะได้รสชาติที่ตัดกันแบบกลมกล่อม
  •  
    • หลนเนื้อปูกับตะไคร้ เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha แบบ A Lar Carte โดยจะเป็นประเภทเครื่องจิ้มที่ได้รับความนิยมในสมัยโบราณ ประกอบด้วยเนื้อปูม้าก้อนใหญ่ มีขนาดชิ้นโต เต็มคำ นำมาปรุงกับกะทิที่เคี่ยวหอม และเข้มข้น ผสมผสานเข้ากันกับสมุนไพรหลากหลายชนิด ที่ทำให้ได้รสชาติที่มีความหอมหวาน มัน จากกะทิ และมีความเค็ม และมีความเปรี้ยวจากสมุนไพร เสิร์ฟคู่กับสายบัว ขมิ้นขาว และมะเขือ ที่เป็นเครื่องเคียงกรุบกรอบที่นิยมรับประทานตั้งแต่สมัยโบราณ
  •  
    • หอยเชลล์ผัดน้ำพริกเผา เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha แบบ A Lar Carte โดยเมนูนี้ประกอบด้วยหอยเชลล์ฮอกไกโด ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการผัดในน้ำพริกเผาชั้นดีตามสไตล์ Royal Osha ที่มีความเผ็ด และหวานกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับใบกะเพราที่เพิ่มความหอมชวนหิว ไม่ว่าจะรับประทานคู่กับข้าวสวย หรือรับประทานเล่นก็อร่อยลงตัว

นอกจากเมนูแนะนำที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

3. Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพเหมาะกับใคร และโอกาสไหนบ้าง?

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่สามารถตอบโจทย์ได้ในหลากหลายโอกาส ต้องห้ามพลาด “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่เหมาะกับแต่ละโอกาส ดังนี้

  • คู่รักที่ต้องการฉลองวันครบรอบด้วยบรรยากาศหรูหรา และโรแมนติก มาพร้อมกับบริการ และอาหารแสนอร่อย ช่วยทำให้ช่วงเวลานี้พิเศษมากยิ่งขึ้น และการได้ทานอาหารไทยต้นตำรับที่ปรุงอย่างประณีต และมีการเล่าเรื่องผ่านแต่ละจาน ยังช่วยให้บทสนทนาในมื้ออาหารมีความหมายมากขึ้น อีกทั้งถ้าหากทำการจองโต๊ะล่วงหน้า เลือกมุมส่วนตัว หรือขอจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆ อย่างดอกไม้ หรือของขวัญ ก็จะช่วยทำให้ค่ำคืนนั้นกลายเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม
  • นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยากลองอาหารไทยแบบใหม่ๆ สำหรับร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพอย่าง Royal Osha นั้นเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมไทยผ่านอาหารที่มีความแตกต่างจากสตรีทฟู้ด หรืออาหารจานด่วนทั่วไป เพราะว่าอาหารไทยแบบ Fine Dining นำเสนอรสชาติไทยแบบดั้งเดิมในรูปแบบที่ประณีต ทั้งรสชาติ การจัดจาน และการเล่าเรื่องที่ซ่อนอยู่ในแต่ละเมนู ทำให้นักท่องเที่ยวจะได้รู้จักวัตถุดิบท้องถิ่นไทย วิธีการปรุงแบบโบราณ ไปจนถึงวัฒนธรรมการกินของคนไทยในอดีต ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ และเหมาะกับการเปิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับอาหารไทย ไม่ใช่แค่เพียงความอร่อย แต่ยังเป็นศิลปะ และวัฒนธรรมที่จับต้องได้
  • นักธุรกิจที่ต้องการเลี้ยงลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ ร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining นั้นเหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ในการเลี้ยงรับรองลูกค้า หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เพราะว่าเป็นที่ที่มีการบริการที่มืออาชีพ บรรยากาศที่เงียบ สุภาพ และเมนูอาหารที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยอย่างมีรสนิยม ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้เจ้าภาพดูใส่ใจ และมีระดับ อีกทั้งยังเอื้อให้เกิดการพูดคุยในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากกว่าการประชุมทางการด้วย
  • คนรักอาหารที่ชื่นชอบประสบการณ์การกินแบบมีศิลปะ สำหรับนักชิมที่ไม่ได้กินแค่อิ่ม แต่ชื่นชอบประสบการณ์การกินแบบมีศิลปะ ควรแวะมาที่ Royal Osha สักครั้ง เพราะว่าที่นี่จะให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบของมื้ออาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบ คุณภาพ รสชาติ การจัดจาน ไปจนถึงการจับคู่อาหารกับไวน์ หรือการเล่าเรื่องของอาหารแต่ละจานเหมือนกับนิทรรศการศิลปะ จึงเหมาะสำหรับนักชิมที่มีความละเอียดอ่อน และต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างจากร้านทั่วไป
  • คนไทยที่อยากเปิดประสบการณ์ใหม่กับอาหารไทย ถึงแม้จะเป็นคนไทยที่คุ้นเคยกับอาหารไทยทุกวัน แต่การได้ลองอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining จะเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับอาหารไทยมากขึ้น ทั้งเรื่องรสชาติที่ซับซ้อนขึ้น การนำเสนอที่สวยงาม หรือเทคนิคการปรุงที่แตกต่าง เช่น การตีความเมนูโบราณให้ร่วมสมัย หรือการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นหายาก การได้สัมผัสกับอาหารไทยผ่านการตีความของเชฟฝีมือเยี่ยม ถือเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้เข้าใจวัฒนธรรมอาหารของไทยในอีกระดับหนึ่งด้วย

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

 

4. แนะนำสถานที่เที่ยวใกล้เคียง Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับนักชิมคนไหนที่มีโอกาสแวะเวียนมาดื่มด่ำกับประสบการณ์อาหารไทยแบบ Fine Dining ที่ Royal Osha แล้ว ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางได้ง่าย ใกล้ สะดวก ที่สามารถแวะก่อน หรือหลังรับประทานอาหารที่ Royal Osha ได้

  • สะพาน​เขียว​ สวนลุมพินี-ส​วนเบญจกิติ (ฝั่งลุมพินี) เป็นทางเดินยกระดับที่เชื่อมสวนลุมพินีกับสวนเบญจกิติ (ฝั่งลุมพินี) ที่อยู่ห่างจาก Royal Osha เพียงประมาณ 100 เมตร โดยมีจุดเด่นตรงที่โครงสร้างไม้ และเหล็กระแนงสีเขียวที่กลมกลืนกับธรรมชาติ มีทางเดิน และทางปั่นจักรยานสองฝั่ง พร้อมม้านั่ง และปลายสะพานที่มองเห็นวิวตึกสูงของกรุงเทพฯ ได้ชัดเจน ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชอบเดินเล่น ถ่ายรูป หรือหยุดพักผ่อนก่อนจะเข้าสู่สวนลุมพินี

 

  • สวนลุมพินี เป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ห่างจากร้านเพียง 300–400 เมตร หรือเดินประมาณ 3–5 นาที โดยภายในสวนลุมพินีนั้นจะมีทะเลสาบให้เช่าเรือเป็ดไว้ปั่นเล่น มีลำธารกลางสวน มีพื้นที่ไว้ให้นั่งเล่นทุกมุม เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน หรือจะเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และเดินย่อยอาหารแบบเพลินๆ ก็ได้ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกายอีกด้วย

 

  • หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ Bangkok Art and Culture Centre เป็นศูนย์ศิลปะร่วมสมัยบนถนนพระราม 1 เดินทางจาก Royal Osha โดย BTS ลงที่สถานี National Stadium และใช้เวลาเดินประมาณ 5-7 นาที และภายในมีนิทรรศการหมุนเวียน งานศิลป์ ออกแบบ บันทึกเสียง และการแสดงศิลปะการแสดงหลากหลายรูปแบบ เช่น ดนตรี ชีวิตประจำวัน เต้น หรือหนังสั้น เปิดทุกวันอังคาร–อาทิตย์ เวลา 10:00–20:00 น. และไม่เสียค่าเข้าชม

 

  • บ้านปาร์คนายเลิศ เป็นพิพิธภัณฑ์ และบ้านไม้โบราณของตระกูลนายเลิศ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1915 ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ห่างจากร้านไม่เกิน 5 นาที หรือเดินประมาณ 400 เมตร และภายในเป็นบ้านไม้โบราณล้อมรอบด้วยสวนร่มรื่นกว่า 14 ไร่ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมไทยในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยที่นี่จะมีการจัดกิจกรรมแนะนำประวัติศาสตร์ และจัดนิทรรศการเล็กๆ ส่วนใหญ่เข้าชมฟรี และบางรอบอาจมีค่าใช้จ่าย

 

  • วัดปทุมวนาราม เป็นวัดเก่าแก่ใจกลางเมือง สร้างโดยรัชกาลที่ 4 มีความสงบร่มรื่น ถึงแม้อยู่ท่ามกลางย่านช้อปปิ้งสุดคึกคักอย่างสยาม และชิดลม ภายในวัดมีโบสถ์เก่า ศาลาไม้แบบไทย และพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากใช้เวลาสงบจิตใจ หรือไหว้พระเสริมสิริมงคล อีกทั้งยังสามารถเดินชมจิตรกรรมฝาผนัง และสถาปัตยกรรมโบราณได้ ห่างจาก Royal Osha ประมาณ 400 เมตร ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที ก็ถึง เหมาะสำหรับแวะก่อน หรือหลังมื้ออาหารแบบสบายๆ

5. ช่องทางการติดต่อ หรือสำรองที่นั่งล่วงหน้ากับ Royal Osha

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่คนรักอาหารไทยต้องลอง – Royal Osha ที่สุดของความประณีต

ร้านอาหารไทย Fine Dining
ร้านอาหารไทย Fine Dining

ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่คนรักอาหารไทยต้องลอง – Royal Osha ที่สุดของความประณีต

สำหรับในยุคปัจจุบันที่ผู้คนให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าปริมาณ ทำให้เทรนด์การรับประทานอาหารแบบ “Fine Dining” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเป็นการรับประทานอาหารที่ไม่ใช่เพียงแค่เพียงให้อิ่มเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสศิลปะผ่านรสชาติ การจัดจาน บรรยากาศ และการบริการที่ประณีตทุกขั้นตอน จึงทำให้ Fine Dining กลายเป็นกิจกรรมที่ตอบโจทย์ผู้คนยุคใหม่ที่อยากจะสัมผัสความพิเศษในทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสพิเศษ การพบปะกับคนสำคัญ หรือแม้แต่การใช้เวลากับตัวเองอย่างมีคุณภาพ

และหนึ่งในเหตุผลหลักที่ Fine Dining ได้รับความนิยม คือ ความตั้งใจในทุกรายละเอียด ทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเยี่ยม การปรุงอาหารที่มีเทคนิคขั้นสูง การออกแบบเมนูที่บอกเล่าเรื่องราว และการบริการที่เปี่ยมไปด้วยมารยาท และความใส่ใจ นอกจากนี้ Fine Dining ยังมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศส อาหารญี่ปุ่น อาหารอิตาเลียน รวมถึงอาหารไทยเอง ที่ก็มีให้เลือกรับประทานแบบ Fine Dining ด้วยการยกระดับรสชาติดั้งเดิมให้เข้ากับการนำเสนอที่ร่วมสมัย อีกทั้งเชฟไทยก็ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านจานอาหารอย่างชาญฉลาด โดยยังคงเอกลักษณ์ของสมุนไพร เครื่องเทศ และรสชาติอันจัดจ้านไว้อย่างครบถ้วน ที่ทำให้อาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจในระดับสากล แต่ยังสะท้อนความลึกซึ้งของวัฒนธรรมไทยในรูปแบบที่ทั้งโลกต้องหันมามอง

ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Royal Osha จะพานักชิมทุกคนมาดูกันว่าร้านอาหารไทย Fine Dining คืออะไร แตกต่างจากร้านอาหารไทยทั่วไปอย่างไร ทำไมนักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. “ร้านอาหารไทย Fine Dining” คืออะไร?

ร้านอาหารไทย Fine Dining” คือ รูปแบบร้านอาหารไทยที่ยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารไปอีกขั้น ด้วยการเน้นความประณีตในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่วัตถุดิบ การปรุงอาหาร การจัดจาน บรรยากาศร้าน ไปจนถึงการบริการที่พิถีพิถัน และจุดเด่นของร้านอาหารไทย Fine Dining คือ การผสานรสชาติดั้งเดิมของอาหารไทยเข้ากับการนำเสนอที่ร่วมสมัย และหรูหรา ทำให้ผู้รับประทานได้สัมผัสถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับความสุนทรีย์ได้อย่างแท้จริง

โดยร้านอาหารไทย Fine Dining นั้นมักจะมีการออกแบบเมนูอย่างตั้งใจ ประณีต และพิถีพิถัน ด้วยการเน้นการเล่าเรื่องราวผ่านอาหารในแต่ละจาน เช่น ใช้แรงบันดาลใจจากประเพณี วิถีชีวิต หรือวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละภาคของไทย รวมถึงการจัดจานจะมีความสวยงามราวกับงานศิลปะ พร้อมทั้งคำนึงถึงรสสัมผัส และการผสมผสานรสชาติที่สมดุล และนอกจากนี้ บรรยากาศของร้านยังถูกออกแบบให้สะท้อนถึงความหรูหรา เรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์แบบไทย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยไม้ ผ้าไหม งานหัตถกรรมไทย จิตกรรม วรรณคดี หรือความเป็นไทยต่างๆ เพื่อเสริมประสบการณ์โดยรวมให้กลมกลืนกันทุกมิติ จึงทำให้ร้านอาหารไทย Fine Dining เป็นมากกว่าสถานที่รับประทานอาหาร แต่เป็นพื้นที่ที่รวบรวมศิลปะ ความรู้ และวัฒนธรรมของไทยไว้อย่างลงตัว

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

1.1 ความแตกต่างระหว่างร้านอาหารไทย Fine Dining กับร้านอาหารไทยทั่วไป

ถึงแม้ว่าร้านอาหารไทย Fine Dining และร้านอาหารไทยทั่วไปจะให้บริการอาหารไทยเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบมีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยร้านอาหารไทยทั่วไปมักเน้นความสะดวก รวดเร็ว ราคาที่เข้าถึงง่าย และบรรยากาศเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน ในขณะร้านอาหารไทย Fine Dining เน้นความหรูหรา ความประณีต และความตั้งใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เทคนิคการปรุงที่ซับซ้อน เมนูที่สร้างสรรค์อย่างมีศิลปะ การจัดจานที่งดงาม บริการแบบมืออาชีพ ไปจนถึงการตกแต่งร้านที่ให้ความรู้สึกพิเศษ และอีกจุดเด่น คือ “การเล่าเรื่องผ่านอาหาร” ซึ่ง Fine Dining มักมีการถ่ายทอดแนวคิด ประวัติ หรือแรงบันดาลใจผ่านแต่ละจานอาหาร แต่ว่าร้านอาหารไทยทั่วไปมักเน้นความอร่อย และความอิ่มเป็นหลัก ดังนั้น ร้านอาหารไทย Fine Dining จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการประสบการณ์รับประทานอาหารในระดับที่เหนือกว่า ทั้งทางรสชาติ ความรู้สึก และประสบการณ์

1.2 ความสำคัญของรายละเอียด เช่น บริการ การตกแต่ง การจัดจาน ของร้านอาหารไทย Fine Dining

สำหรับรายละเอียดเล็กน้อยที่ดูเหมือนไม่สำคัญในร้านอาหารทั่วไป กลับกลายเป็นหัวใจหลักของร้านอาหารไทย Fine Dining ไม่ว่าจะเป็นการบริการ ที่ต้องเปี่ยมด้วยมารยาท ใส่ใจ และมีความรู้เกี่ยวกับเมนู เพื่อสามารถแนะนำลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ หรือการตกแต่งร้าน ที่ต้องมีการออกแบบอย่างมีศาสตร์ และศิลป์ ผสมผสานเอกลักษณ์ไทย เช่น ลวดลายผ้าไทย งานไม้ หรือแสงไฟที่ช่วยเสริมบรรยากาศให้นุ่มนวล และหรูหรา และที่โดดเด่นอย่างมาก คือ การจัดจาน ซึ่งถือเป็นการแสดงออกทางศิลปะที่สะท้อนวัฒนธรรม และตัวตนของเชฟ และอาหารแต่ละจานในร้านอาหารไทย Fine Dining นั้นจะถูกจัดวางอย่างละเอียดลออ ทั้งสีสัน รูปทรง และความสมดุลบนจาน เพื่อกระตุ้นความรู้สึกทั้งด้านสายตา และรสชาติ และด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้การรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย Fine Dining ไม่ใช่แค่ “การกิน” แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความประทับใจ และการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังช่วยยกระดับอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้ในเวลาเดียวกัน

2. ทำไมอาหารไทยถึงเหมาะกับการรับประทานแบบ Fine Dining?

ร้านอาหารไทย Fine Dining

“อาหารไทย” เป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้เหมาะกับการนำเสนอในรูปแบบ Fine Dining โดยเฉพาะ “ความหลากหลายของรสชาติ” ที่อาหารไทยสามารถถ่ายทอดได้ในจานเดียว ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด และกลมกล่อม ซึ่งเป็นรสชาติที่มีความซับซ้อน และสามารถนำมาเสนอเป็นเมนูอาหารที่มีความหรูหรา แต่ไม่สูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิม นอกจากนี้อาหารไทยยังมี “วัตถุดิบพื้นถิ่น” ที่มีความหลากหลาย และมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร เครื่องเทศ ผักพื้นบ้าน หรือวัตถุดิบทะเลสดๆ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ และจัดวางอย่างประณีตในรูปแบบ Fine Dining ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกระบวนการปรุงของอาหารไทยดั้งเดิมยังมีความละเอียดอ่อน ไม่ต่างจากการทำอาหารในระดับสูง เช่น การต้มเคี่ยว การโขลกน้ำพริก การผัดด้วยไฟแรงพอเหมาะ เป็นต้น อีกทั้งอาหารไทยยังมี “เรื่องราว” ให้เล่าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมนูที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาชาวบ้าน ประวัติศาสตร์ หรือความเชื่อท้องถิ่น ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเมนู และประสบการณ์ให้กับผู้รับประทานได้สัมผัสกันผ่านเมนูอาหารได้ และทั้งหมดนี้จึงทำให้เมนูอาหารไทยไม่เพียงแค่ “อร่อย” แต่ยัง “มีคุณค่า” ในเชิงวัฒนธรรม เหมาะกับการนำเสนอผ่านแนวคิด Fine Dining ที่ให้ความสำคัญกับทั้งรสชาติ รูปแบบ และเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังเมนูอาหารในแต่ละจาน

2.1 เอกลักษณ์ของอาหารไทย Royal osha

สำหรับเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นอยู่ตรงที่ผ่านการรังสรรค์ และปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ โดยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นเกิดจากการที่เชฟวิชิต มุกุระ มีแนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งอาหารแต่ละเมนูนั้นมีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย รวมถึงยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รสตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ส่งผลให้เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล มีความแปลกใหม่ แต่ยังคงความอร่อย และมีคุณประโยชน์ตามแบบต้นตำรับอาหารไทย

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. แนะนำ Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ระดับพรีเมียม

ร้านอาหารไทย Fine Dining

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่กำลังมองหาร้านอาหารไทย Fine Dining ต้องห้ามพลาด “Royal Osha” 1 ในร้านอาหารไทย Fine Dining ระดับพรีเมียมที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่เดินทางง่าย สะดวกสบาย มาพร้อมกับเอกลักษณ์ เมนูแนะนำ และบรรยากาศที่สามารถตอบโจทย์การรับประทานอาหารไทยได้ในทุกโอกาส และในหัวข้อนี้ก็จะพานักชิมมาทำความรู้จักกับ Royal Osha ว่าทำไมถึงเหมาะกับการรับประทานกับคนสำคัญได้ในทุกโอกาส ดังนี้

3.1 ประวัติความเป็นมา และคอนเซปต์ของ Royal Osha

“โอชา” เป็นคำไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาบาลีคำว่า “โอช” ที่มีความหมายว่ามีรสดี อร่อย แต่ความอร่อยที่ Royal Osha ไม่ใช่ความอร่อยที่ได้รับผ่านลิ้นเท่านั้น ที่นี่เรายกระดับความอร่อยสู่ความ “รอยัล” ด้วยการสร้างประสบการณ์อาหารไทยที่เหนือระดับด้วยสุนทรียศาสตร์ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง ที่ทำให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความอร่อยได้ทั้งกาย และทั้งใจ ด้วยการเสิร์ฟเสน่ห์ของอาหารไทย 4 ภาคทั้งในรูปแบบ A la carte และ Set menu สลับสับเปลี่ยนเมนูอาหารมาให้ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ ทุกฤดูกาลกับรสชาติความอร่อยที่เหนือกว่า โดยร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นเกิดจาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงแต่ง และรังสรรค์อาหารไทย และอยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี ได้มีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครงองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน จึงได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานมาร่วมมือกันสร้างร้านอาหารไทย Fine Dining กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล ด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ แปลกใหม่ มีให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ และมีราคาที่นักชิมสามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้ Royal Osha เป็นร้านอาหารไทย Fine Dining ที่สามารถตอบโจทย์ และเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยใหม่ๆ ในทุกโอกาสให้กับชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3.2 เมนูแนะนำ

สำหรับเมนูแนะนำที่ Royal Osha ที่นักชิมที่แวะเวียนมาสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย Fine Dining ไม่ควรพลาด ได้แก่ “เมนูข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา” ถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่นำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย และเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาด ทำให้มีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น 

นอกจากเมนูที่ข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชาแล้ว ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

3.3 บรรยากาศของร้าน

สำหรับบรรยากาศของร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นก็เป็นแบบไทยๆ ที่มีการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น ที่มีการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด มีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลา มาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอก และภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ มีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้เวลาที่นักชิมกำลังอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยสุดพรีเมียมนั้นก็ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ที่ช่วยสร้างความประทับใจในการรับประทานอาหารไทยในทุกนาที

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

3.4 รีวิวจากลูกค้า และรางวัลที่ได้รับ

สำหรับรางวัลที่ Royal Osha ได้รับที่ช่วยการันตีถึงความไว้วางใจของนักชิมตลอดระยะเวลา 10 ปี มีดังนี้

  • รางวัลการันตีปี 2024 : Michelin Guide
  • รางวัลการันตีปี 2023 : Michelin Guide
  • รางวัลการันตีปี 2022 : Michelin Guide และ Thai Select Premium
  • รางวัลการันตีปี 2021 : Michelin Guide และ User’s Choice Wongnai
  • รางวัลการันตีปี 2020 : Michelin Guide, User’s Choice Wongnai, HELLO! Taste Awards และ Thailand Tatler Best Restaurants
  • รางวัลการันตีปี 2019 : Michelin Guide และ Thai Select Premium
  • รางวัลการันตีปี 2018 : User’s Choice Wongnai และ Thailand Tatler Best Restaurants
  • รางวัลการันตีปี 2017 : Wongnai, Thailand Tatler Best Restaurants และ Winner Bangkok’s Best Restaurant Awards
  • รางวัลการันตีปี 2016 : Wongnai

นอกจากนั้นยังมีรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ถึงความพรีเมียมที่ทุกคนจะได้รับเมื่อแวะมารับประทานอาหารที่ Royal Osha ดังนี้

  • Nickktwf

“ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง สไตล์โมเดิร์นสุดหรู ประตูหน้าร้านสีดำบานใหญ่ เข้าไปสัมผัสบรรยากาศร้านในโลกรามเกียรติ์ เมื่อเข้าไปพนักงานจะนำเราไปที่โต๊ะอาหาร บริการโน่นนี่นั่น เสิร์ฟ welcome drink ต่อมาเป็นอภินันทนาการจากเชฟ เป็นของว่างเล็กๆน้อย รสชาติ การบริการ และบรรยากาศร้านดีมาก คุ้มค่าที่ได้ทาน”

  • Mr. Stew

“Royal Osha ร้านอาหารไทยสุดหรูหราทั้งการตกแต่งร้านแบบเน้นความเป็นไทยที่ดูทันสมัย และการจัดจานอาหารที่อลังการมาก นำเสนออาหารที่ใช้วัตถุดิบของไทยนำมาปรุง แต่งแต้มในจานอาหารได้อร่อยและสวยงามจริงๆ บรรยากาศและการบริการดีเยี่ยมเลยครับ คอยดูแลลูกค้าอยู่ห่างๆ,เปลี่ยนจานที่เลอะให้ใหม่ตลอด บริการแบบนี้ค่อยเหมาะสมกับค่าเซอร์วิส ไม่เหมือนหลายๆร้านที่เจอเก็บค่าเซอร์วิสแต่บริการต้องคอยเรียก แนะนำครับใครที่มีเพื่อนหรือรับแขกต่างชาติร้าน Royal Osha เหมาะสมทุกสิ่งอย่าง”

  • Coryne Z Suzuki

“Celebrated a very special birthday here ❤️ Food was outstanding! Both, delicious and beautiful! Thank you for the wonderful hospitality and for making this evening so memorable!”

  • Food_by_ms

“The richness and variety of Thai seasoning, preparation and presentation! Mouth watering and dishes that burst into flavor. A great award winning Michelin star restaurant in the heart of Bangkok. #bangkokrestaurant #michelinstar #thaicuisine #spiceworld #foodporn #foodie #travelingfoodie #atasteforthefoodlife”

  • Wilber suen

“When we talk about Thai fine dining, only a few names come to mind. I must admit that I pass by Royal Osha quite often but haven’t heard or thought of dining here. Having tried the food and visited Royal Osha myself, I am convinced that it is one of the strongest players in the category of Thai fine dining in Bangkok. and Royal Osha completes the whole package in terms of food and decor. If you are looking to bring your guests/clients somewhere with good food and atmosphere, this is an option that will not disappoint.”

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. โอกาสพิเศษแบบไหนที่ควรพาไปร้านอาหารไทย Fine Dining

ร้านอาหารไทย Fine Dining

สำหรับร้านอาหารไทย Fine Dining เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษที่ต้องการสร้างความประทับใจ และบรรยากาศที่แตกต่างจากมื้ออาหารทั่วไป ด้วยการบริการที่พิถีพิถัน อาหารที่จัดจานอย่างสวยงาม และรสชาติที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมกับความร่วมสมัย Fine Dining ช่วยยกระดับทุกมื้อให้กลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ และช่วยให้คนสำคัญรู้สึกถึงคุณค่าของช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง ซึ่งในแต่ละโอกาสที่เหมาะกับการรับประทานอาหารไทยแบบ Fine Dining มีดังนี้

4.1 ดินเนอร์วันครบรอบ

วันครบรอบ เป็นโอกาสพิเศษในการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของคู่รัก และการเลือกร้านอาหารไทย Fine Dining สำหรับดินเนอร์วันครบรอบนั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะบรรยากาศที่หรูหรา และโรแมนติกจะช่วยเสริมให้ค่ำคืนนั้นอบอวลไปด้วยความประทับใจ อีกทั้งยังมาพร้อมกับอาหารไทย Fine Dining ที่เสิร์ฟมาอย่างพิถีพิถัน และประณีต ทำให้คู่รักได้เพลิดเพลินไปกับทุกคำที่รับประทาน รวมถึงยังมีความเป็นส่วนตัว ทำให้รู้สึกได้ใช้เวลาด้วยกัน และช่วยสร้างความประทับใจให้กับมื้ออาหารในวันสุดพิเศษได้แบบไม่รู้ลืม

4.2 พาผู้ใหญ่ หรือลูกค้าต่างชาติ

ถ้าหากต้องการพาผู้ใหญ่ หรือแขกชาวต่างชาติไปรับประทานอาหาร การเลือกร้านอาหารไทย Fine Dining ถือเป็นตัวเลือกที่ดี และเหมาะสมเป็นอย่างมาก ด้วยบรรยากาศที่หรูหรา สุภาพ และให้เกียรติผู้ใหญ่ หรือแขกคนสำคัญนั้นจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และแสดงถึงความใส่ใจ อีกทั้งยังมีความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย เหมาะกับการสนทนาอย่างเป็นทางการ หรือเป็นกันเอง และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกชาวต่างชาติได้ ด้วยการนำเสนอวัฒนธรรมไทยผ่านอาหารในแบบที่ร่วมสมัย และเข้าใจง่าย ที่ช่วยให้การเจรจา หรือพูดคุยเรื่องราวต่างๆ นั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น และสร้างความประทับใจ หรือประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานอาหารไทยได้เป็นอย่างดี

4.3 มื้อพิเศษที่อยากสร้างความประทับใจ

สำหรับมื้อพิเศษที่อย่างสร้างความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการพาใครบางคนไปดินเนอร์ครั้งแรก การเซอร์ไพรส์คนรัก การขอแต่งงาน หรือการให้รางวัลตัวเอง การเลือกร้านอาหารไทย Fine Dining สำหรับช่วงเวลาเหล่านี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก เพราะอาหารไทยในแบบ Fine Dining ไม่เพียงแต่ให้ความอร่อยตามตำรับดั้งเดิม แต่ยังเติมเต็มด้วยความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และศิลปะในการจัดวางที่งดงาม ทุกจานที่เสิร์ฟเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านกลิ่น รส สี และความตั้งใจ และการได้นั่งในร้านที่มีบรรยากาศความเป็นไทย มาพร้อมกับการบริการระดับพรีเมียม ก็ถือว่าเป็นการสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ แบบที่ไม่จำเป็นต้องมีแค่ของขวัญราคาแพง เพราะบางครั้ง “การเลือกสถานที่ และช่วงเวลา” ที่เหมาะสม ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกพิเศษ และจดจำไปอีกนาน และร้านอาหารไทย Fine Dining ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ตอบโจทย์นั้นได้อย่างลงตัวที่สุด

5. อยากทานร้านอาหารไทย Fine Dining สามารถจองโต๊ะที่ Royal Osha ได้ที่ไหนบ้าง?

ร้านอาหารไทย Fine Dining

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทย Fine Dining ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” ร้านอาหารไทยแท้ที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha สามารถจองโต๊ะล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ด้วยความปรารถนาที่อยากให้อาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา Royal Osha (รอยัล โอชา) ร้านอาหารไทยไฟน์ ไดนิ่ง หนึ่งใน Michelin Restaurant ที่ครองใจนักชิมทุกสัญชาติ การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน จัดทำโครงการ “รอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือ บันทึก นึกอร่อย” รังสรรค์ 10 เมนูพิเศษจากตำราอาหารของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ ถ่ายทอดโดยเชฟชื่อดัง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาวและเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ แห่งร้านรอยัลโอชา เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี โดยรายได้จาก 10 เมนูพิเศษหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

สำหรับงานเปิดตัวโครงการฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ  มูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วยเซเลบริตี้มากมาย มาร่วมงาน ณ ร้าน รอยัล โอชา ถนนวิทยุ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567

            ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล เจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา กล่าวว่า “นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรอยัลโอชา และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านการปรุงรสชาติอาหารหลากหลายเมนูที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น นำเสนอความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม พร้อมเสิร์ฟในนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์ ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้คนไทยรุ่นใหม่และต่างชาติได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของสำรับอาหารไทยที่แท้จริง”

           เกวลิน พิทยานุกุล เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนูและเจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา เผยว่า “ทุกเมนูอาหารมีความอร่อย จากคุณภาพวัตถุดิบที่ดีและการใส่ใจในเรื่องรสชาติ รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อนำเสนอความเป็นไทยสไตล์พรีเมียมให้นักชิมได้ลิ้มลองผ่านอาหารทุกคำ สัมผัสรสชาติอันซับซ้อนไม่ว่าจะเป็น รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เคล้ากลิ่นสมุนไพรพื้นบ้าน ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย”

           เชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef แห่ง รอยัลโอชา เผยถึงที่มาที่ไปของโครงการฯ ว่า “จากการได้ร่วมเป็น 1 ใน 4 เชฟ ที่ได้รังสรรค์เมนูจากหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทำโครงการกับมูลนิธิชัยพัฒนาและอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า สูตรอาหารจากตำรา บันทึก นึกอร่อย นั้นสามารถทำได้จริง โดยคัดเลือก 10 เมนู ได้แก่ ประทัดลม ยำหัวปลีกุ้งสด ยำตะไคร้กุ้งสด กระทงกุ้งกระทงมัน หมูเสียบสับปะรด ไก่สำอาง แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม แกงฮังเลหมู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก และน้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ  ซึ่งแต่ละเมนูสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการนำวัตถุดิบของไทยมาผสานกับวัตถุดิบต่างประเทศ รวมถึงความสนุกในการแกะสูตร ชิมรสชาติ เพราะสูตรในตำราบางเมนูไม่มีบอกปริมาณชั่งตวงวัด เนื่องจากเป็นสูตรอาหารไทยโบราณที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่านอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารไทยตำรับชาววังแล้ว ยังร่วมทำบุญด้วย โดยรายได้จากโครงการรอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือบันทึก นึกอร่อย หลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

          ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยตำรับชาววัง ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” 10 เมนูสุดพิเศษ

เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย อย่าง ประทัดลม เมนูชื่อแปลกหูนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนั้นไทยเริ่มทำการค้ากับชาวจีน เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านอาหาร ประทัดลม ทำจากฟองเต้าหู้ที่นำไปห่อตัวเครื่องที่ประกอบไปด้วย หมูสับ เนื้อปู ปรุงรสด้วยสามเกลอ และใส่แห้วเพื่อเพิ่มรสสัมผัส ห่อเป็นรูปทรงกระบอกพันหัวท้ายด้วยต้นหอมแล้วทำไปทอดให้กรอบ เสิร์ฟคู่พร้อมน้ำจิ้มสามรส ออกเผ็ดนิดๆ ตามต้นตำรับ

หมูเสียบสับปะรด อาหารทานเล่นสไตล์แบบบาร์บีคิว นำเนื้อหมูส่วนหัวไหล่จาก  Pork Matters  เนื้อหมูคุณภาพ ปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดงและยาปฏิชีวนะ อุดมไปด้วยไขมันดีจากโอเมก้า 3 หั่นเต๋าหมักด้วยน้ำสับปะรดและเครื่องเทศตามสูตรต้นตำรับ เพิ่มลูกเล่นด้วยการนำแกนกลางของสับปะรดมาใช้แทนไม้เสียบ นำไปย่างไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมของเนื้อหมูเคล้าเครื่องเทศ สามเกลอ ผสานกลิ่นน้ำสับปะรดที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหมู เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มทานเพลินยิ่งนัก

ต่อกันที่เมนูสลัดสไตล์ไทย อย่าง กระทงกุ้งกระทงมัน ยำส้มโอรสจัดจ้าน ผสานรสสัมผัสหลากหลายมิติของ ถั่วพู มะพร้าวคั่ว แห้ว และความกรอบของกระทงมันฝรั่ง ท็อปด้วยกุ้งชุบเกล็ดขนมปัง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่อร่อยคุ้มค่าแก่การลิ้มรส อีกหนึ่งเมนูยำที่คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับ ยำหัวปลีกุ้งสด หรือ  กัทลียำ ซึ่งกัทลี (กัด-ทะ-ลี) หมายถึง กล้วย โดยสูตรยำหัวปลีสูตรนี้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นหอมเจียว กระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่วป่น นอกจากนี้ยังมี ยำตะไคร้กุ้งสด ให้เลือกรับประทานและสนุกไปกับรสหอมของสมุนไพรไทย อย่าง ตะไคร้ นำมาซอยบางๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำสามรส โรยด้วยมะพร้าวคั่ว เสิร์ฟพร้อมกุ้งลวกด้วยน้ำเกลือ รับประทานแล้วจะได้รสชาติที่รู้สึกเบาสบาย สดชื่น

สำรับกับข้าวจานหลักมีให้เลือกครบสำรับ ทั้ง น้ำพริก แกง ต้มจืด ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ น้ำพริกหอมกลิ่นมะกรูดหาทานได้ยาก รสชาติคล้ายคลึงน้ำพริกกะปิ แต่เด่นด้วยการใช้มะกรูดมาเป็นตัวชูรสเปรี้ยว ทำให้มีกลิ่นหอมของมะกรูดที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น เป็นตำรับที่ท่านผู้หญิงประสานสุขได้มาจากวังวรดิศ โรยด้วยแคบหมูแบบครัมเบิ้ล (Crumble) ที่เวลารับประทานคู่กับน้ำพริกจะให้ความรู้สึกกรุบกรอบ ทานคู่กับผักเคียงตามฤดูกาล

อีกหนึ่งเมนูที่นำความเป็นไทยมาผสานกับวัตถุดิบฝรั่งด้วยการนำ แกงมัสมั่น เมนูอาหารที่ครองแชมป์ติดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเป็น “ราชาแห่งเครื่องแกง” มาผสมผสานกับความเปรี้ยวของ ส้มซันคิส แทนน้ำมะขามเปียก รังสรรค์เป็น แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม ให้รสชาติที่หอม เปรี้ยว หวาน หอมกลิ่นส้ม

แกงฮังเล อาหารชาวเหนือ หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่าง ข่า ขมิ้น หากใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจ ด้วยรสชาติ 4 รสกลมกล่อม ทั้ง เผ็ด หวาน เปรี้ยว และเค็ม ที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นชิ้นโต เคี้ยวจนนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับกระเทียมโทนดอกอร่อยเหาะ

ปิดท้ายกับ 2 เมนู ชื่อแปลกที่ต้องได้ลองสักครั้ง อย่าง ไก่สำอาง หอมกรุ่นกลิ่นกะทิเคล้ากลิ่นขมิ้น ครบรสด้วย น้ำตาล น้ำปลา มะนาว ทานคู่กับ ขิงหั่นฝอยทอด และน้ำมันพริก อาหารสำรับแบบไทยๆที่ขาดไม่ได้ แกงจืด หรือ ต้มจืด กับเมนู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก หอมหวานด้วยน้ำสต๊อกซดคล่องคอ เนื้อหมูบดปั้นก้อนที่ปรุงรสด้วยกระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว พริกไทย เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรับของเม็ดแมงลัก จัดเสิร์ฟสไตล์ ไซฟอน เพื่อสร้างสุนทรียแห่งกลิ่นอโรมาของสมุนไพรไทยขณะลิ้มรสความอร่อยของเมนูสุดพิเศษนี้

เพลิดเพลินกับ 10 เมนูพิเศษจากโครงการหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” กับรอยัลโอชา ตำรับอาหารชาววังของ ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล แบบ อาลาคาร์ท (à la carte) หรือ  แบบ 6 คอร์สเมนู ในราคา 4,000++ บาท หรือ  Chef’s Table 10 คอร์สเมนู ในราคา 6,000++ บาท  ได้ที่ ณ รอยัล โอชา ถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30 – 23.00 น.

สำหรับผู้สนใจลิ้มลองเมนูสไตล์  Chef’s Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สอบถามรายละเอียดได้ทาง โทร. 02-256-6555 หรืออีเมล [email protected]

Posted on

ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมี่ยม รสชาติล้ำเลิศ สูตรต้นตำรับเฉพาะจาก “รอยัล โอชา”

ขนมไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha ของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ดีที่สุดระดับพรีเมียมในกรุงเทพ

Mooncake

เมื่อพูดถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นภาพของขนมไหว้พระจันทร์ทรงกลม ที่มาพร้อมกับลวดลายสวยงาม และรสชาติสุดพิเศษที่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องหรูหรา ย่อมเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ ไม่ว่าจะเพื่อใช้ในพิธีกรรม การมอบให้ญาติผู้ใหญ่ หรือเป็นของขวัญให้กับคนสำคัญ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความทันสมัย และวิถีชีวิตแบบสากล ดังนั้น การเลือกขนมไหว้พระจันทร์ที่ทั้งสวย หรู รสเลิศ และมีความหมาย จึงกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกรสนิยมของผู้ให้ได้อย่างชัดเจน

โดยหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่กำลังมองหาขนมไหว้พระจันทร์ที่ไม่เหมือนใคร คือ “ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อของร้านอาหารไทย Fine Dinign ระดับพรีเมียมที่โด่งดังในกรุงเทพ และขนมไหว้พระจันทร์ของที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงขนมประจำเทศกาลไหว้พระจันทร์เท่านั้น แต่เปรียบเสมือนงานศิลปะที่สื่อถึงวัฒนธรรมไทยผสานกับกลิ่นอายของจีน และความหรูหราทันสมัย ทั้งในด้านรูปลักษณ์ การออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ รสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไปจนถึงการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี เพื่อมอบประสบการณ์การลิ้มรสที่เหนือระดับ

ดังนั้น ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha จึงไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความงดงามของขนมไหว้พระจันทร์ผ่านงานฝีมืออันประณีตเท่านั้น แต่ยังยกระดับขนมดั้งเดิมให้เป็น “Fine Dining in a Box” ด้วยการรังสรรค์เมนูขนมฟิวชั่นที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัยในรูปแบบที่สามารถพกพา และมอบเป็นของขวัญได้อย่างเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการผสมผสานระหว่างความทรงจำ วัฒนธรรม และรสนิยม ที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha กลายเป็นของขวัญสุดพรีเมียมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลนี้ และในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมทุกคนมาดูกันว่าขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha แตกต่างจากที่อื่นยังไง มีไส้ขนมไหว้พระจันทร์อะไรบ้าง มีกี่แบบ และราคาเท่าไหร่ ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

Mooncake
Mooncake

1. ขนมไหว้พระจันทร์ที่ไม่ใช่แค่ขนม แต่เป็นศิลปะกับแนวคิด “Fine Dining in a Box” จาก Royal Osha

Mooncake

ขนมไหว้พระจันทร์” เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และถือเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่จัดขึ้นในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติจีน โดยผู้คนมีความเชื่อกันว่ารูปทรงกลมของขนมไหว้พระจันทร์นั้นเป็นตัวแทนของความกลมเกลียว ความสมดุล ความสมบูรณ์ และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แน่นแฟ้น นอกจากนั้นยังเป็นขนมที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานมากมายที่เล่าขานเกี่ยวกับเทพธิดาฉางเอ๋อผู้เหาะขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ ผู้ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตามตำนานจีน และเรื่องราวของเธอเริ่มต้นจากการที่สามีของเธอ “โฮ่วอี้” นักยิงธนูผู้กล้าหาญที่ช่วยโลกด้วยการยิงดวงอาทิตย์ 9 ดวงที่เผาโลกจนร้อนระอุ เหลือไว้เพียงดวงเดียว จึงทำให้จักรพรรดิแห่งสวรรค์มอบยาอายุวัฒนะให้โฮ่วอี้ เมื่อกินแล้วจะกลายเป็นเทพ และมีชีวิตอมตะ แต่โฮ่วอี้ไม่อยากทิ้งฉางเอ๋อ จึงเก็บยาไว้ และวันหนึ่งมีผู้ร้ายพยายามขโมยยา จึงทำให้ฉางเอ๋อตัดสินใจกินยา เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ทำให้เธอลอยขึ้นสู่ดวงจันทร์ และไม่อาจกลับลงมาได้อีก และตั้งแต่นั้นมา จึงเชื่อกันว่าในคืนพระจันทร์เต็มดวง โดยเฉพาะช่วง เทศกาลไหว้พระจันทร์ เทพธิดาฉางเอ๋อจะปรากฏตัวอยู่บนนั้น จึงทำให้ผู้คนนั้นทำการไหว้พระจันทร์ เพื่อแสดงความเคารพ พร้อมขอพรให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง และครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข และด้วยความเชื่อเหล่านี้จึงส่งผลให้กลายเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ และมีขนมไหว้พระจันทร์ที่เป็นขนมประจำเทศกาลนี้จนถึงในปัจจุบัน

โดยขนมไหว้พระจันทร์ในอดีตนั้นจะมีไส้ดั้งเดิม เช่น ถั่วแดง เม็ดบัว หรือไข่เค็ม และมีลวดลายบนผิวหน้าขนมที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคล แต่เมื่อเวลาผ่านไปนั้นการพัฒนาทั้งในด้านรสชาติ การตกแต่ง และบรรจุภัณฑ์ก็ได้มีเปลี่ยนแปลงให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เช่น มีไส้ให้เลือกอย่างหลากหลาย มีบรรจุภัณฑ์ที่หรูหรามากขึ้น หรือมีลวดลายบนหน้าขนมที่แปลดใหม่ จึงทำให้ขนมไหว้พระจันทร์นั้นกลายเป็นของขวัญสุดพิเศษ และหรูหราที่แฝงไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้บริโภคใส่ใจทั้งเรื่องรสชาติ รูปลักษณ์ และประสบการณ์ที่ได้จากการรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ด้วย

และ Royal Osha ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทย Fine Dining ในกรุงเทพที่ได้ยกระดับขนมไหว้พระจันทร์ให้เหนือกว่าเพียงขนมมงคลทั่วไป ด้วยแนวคิด “Fine Dining in a Box” ที่นำเอาศิลปะของการรับประทานอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งมาใส่ไว้ในกล่องของขวัญหรูหรา ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha ไม่ได้แค่สะท้อนวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงความเป็นไทยร่วมสมัย ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบไทยคุณภาพสูง และเทคนิคการปรุงที่พิถีพิถันไม่ต่างจากการรังสรรค์อาหารจานหลักในร้านอาหารชั้นเลิศ อีกทั้งรูปลักษณ์ของขนมแต่ละชิ้นถูกออกแบบอย่างวิจิตรบรรจง มีลวดลายที่สะท้อนความงามของศิลปะไทย พร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์ที่หรูหรา เปรียบเสมือนกล่องของขวัญที่ผู้รับจะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และรสนิยมของผู้ให้ รวมถึงรสชาติของขนมแต่ละไส้ขนมไหว้พระจันทร์ก็ถูกคิดค้นอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบไทยกับเทคนิคการอบแบบดั้งเดิม หรือการแต่งกลิ่นหอมที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เหล่านักชิมไม่เคยสัมผัสกันมาก่อน

ดังนั้น ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และความหมายเช่นนี้ ทาง Royal Osha จึงไม่เพียงแค่รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์สำหรับการบริโภคออกมาเท่านั้น แต่ยังออกแบบมาให้เป็น “ของขวัญทางวัฒนธรรม” ที่ส่งต่อทั้งรสชาติ ความงดงาม และความหมายจากผู้ให้ถึงผู้รับ และทำให้การได้รับขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha เสมือนได้รับทั้งงานศิลป์ ความพรีเมียม และความอร่อยที่ส่งตรงจากร้านอาหารไทย Fine Dining ในรูปแบบที่จับต้องได้แบบง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา

> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

2. ขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha มีกี่แบบ และราคาเท่าไหร่บ้าง?

Mooncake

สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทุกๆ ปี ด้วยการนำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาผสมผสานกับวัฒนธรรมของจีน จนได้ออกมาเป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์  อีกทั้งยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามลายตามสไตล์รอยัล โอชา ที่นำลายเส้นรูปหนุมาน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทางร้านรอยัล โอชามาประดิษฐ์ประดอยไว้บนขนมไหว้พระจันทร์ และแสดงให้ถึงความประณีต และผสมผสานระหว่าง 2 วัฒนธรรมไว้ได้อย่างลงตัว ที่ไม่ว่าจะนำมาเป็นของไหว้ หรือของขวัญในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ทางรอยัล โอชา ก็ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมียม และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนอย่างเช่นเคย ซึ่งมีให้เหล่านักชิมได้เลือกกัน 2 แบบ ได้แก่ 

  • Classic Mooncake เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่มีความกระทัดรัด พกพาสะดวก ด้วยการเลือกใช้กล่องสีขาวล้วนรูปทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมการออกแบบที่สวยงาม เรียบง่าย แต่ยังคงความพรีเมียม และความหรูหราตามแบบฉบับของรอยัล โอชา 
  • Premium Mooncake เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่มาในตอนเซปต์ “Eternal of Moonlight” หรือประกายแห่งแสงจันทร์ ด้วยการเลือกใช้ silhouette เส้นสีทอง ดุจประกายแสงแห่งจันทราลงบนกล่องกลมสีขาวบริสุทธิ์ ที่สื่อถึงดวงจันทร์เปล่งประกายในยามค่ำคืน เปรียบดั่งคำอวยพรจากดวงจันทร์อันเป็นสิริมงคลทั้งผู้ให้ และผู้รับ 

อีกทั้งขนมไหว้พระจันทร์ทั้งแบบ Classic และแบบ Premium นั้นทางเชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef  แห่งรอยัล โอชา ที่เป็นเชฟมือทองของวงการอาหารไทย และมีประสบการณ์มากว่า 40 ปี นั้นก็ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ “หมูสามรสไข่เค็ม”  ให้มาเป็นหนึ่งในไส้พิเศษของขนมไหว้พระจันทร์ด้วย ซึ่งไส้ขนมไหว้พระจันทร์ไส้นี้จะมีความจัดจ้านตามสไตล์ของอาหารไทย ที่เข้ากันได้ดีกับขนมไหว้พระจันทร์อย่างลงตัว และถือว่าเป็นรสชาติที่สร้างความแตกต่างของไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่แปลกใหม่ให้กับขนมไหว้พระจันทร์ให้เหล่านักชิมชาวไทยได้ลิ้มลองก่อนใคร

สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha ทั้ง 2 รูปแบบนั้นก็จะแตกต่างกันทั้งราคา และสิ่งของภายในกล่อง โดยในแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • Classic Mooncake ภายใน 1 เซ็ตจะประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์ 8 ชิ้น มาพร้อมกับกล่องทรงสี่เหลี่ยม พร้อมหูหิ้วอย่างหรูหราสวยงาม และมีราคาอยู่ที่กล่องละ 1,188 บาท 
  • Premium Mooncake ภายใน 1 เซ็ตจะประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์ 8 ชิ้น มาพร้อมกับการบรรจุลงในตลับสีทอง อีกทั้งยังมี Organic Oolong tea Royal Osha selection หรือชาอู่หลงหอมหมื่นลี้มาภายในกล่องทรงกลมที่นิยมนำมาดื่มคู่กันกับขนมไหว้พระจันทร์ และมีราคาอยู่ที่กล่องละ 2,988 บาท

ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาของขวัญพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า เพื่อมอบเป็นของขวัญให้คนสำคัญในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ การเลือกซื้อ Boxset ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ก็ถือว่าสามารถตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว และสามารถแวะมาจองสินค้าล่วงหน้า สั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย 

 

> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

3. ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha มีไส้ขนมไหว้พระจันทร์อะไรบ้าง?

Mooncake

สำหรับไส้ขนมไหว้พระจันทร์ของขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha นั้นมีให้นักชิมได้เลือกชิมกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะไส้ขนมไหว้พระจันทร์อย่าง “ไส้หมูสามรสไข่เค็ม” ที่ถือว่าเป็นไส้ขนมไหวพระจันทร์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็น Signature ของ Royal Osha เลยก็ว่าได้ โดยมีส่วนประกอบของของหมูฝอยที่ผัดกับซอส 3 รส ได้แก่ รสชาติเปรี้ยว รสชาติหวาน และรสชาติเผ็ด ที่เป็นรสชาติต้นตำรับของรอยัล โอชา มาพร้อมกับไข่เค็มที่มีความมัน และเค็มกำลังพอดี ตัดกับรสชาติเปรี้ยว หวาน และเผ็ดได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ และผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันอย่างพิเศษ และใส่ใจในทุกขั้นตอน จึงทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ไส้หมูสามรสไข่เค็มของรอยัล โอชานั้นมีความพิเศษในรสชาติ และเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนอย่างแน่นอน

นอกจากขนมไหว้พระจันทร์ไส้หมูสามรสแล้ว ก็ยังมีไส้ขนมไหว้พระจันทร์รสชาติอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันตามความชอบอีกด้วย โดยมาพร้อมกับ 3 รสชาติ ได้แก่ ไส้คัสตาร์ด ไส้ทุเรียนไข่เค็ม และไส้งาเม็ดบัว ซึ่งแต่ละไส้นั้นก็จะเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพดี เพื่อให้ไส้ที่มีความหอม เนียนนุ่ม ละมุน เมื่อรับประทานแล้วเข้ากันกับเนื้อของขนมไหว้พระจันทร์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งภายในเซ็ตของขนมไหว้พระจันทร์นั้นก็ยังมาพร้อมกับ Organic Oolong tea Royal Osha selection หรือชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ ที่มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานกำลังดี จึงทำให้สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับขนมไหว้พระจันทร์ และไม่เพียงแค่เข้ากันเท่านั้น แต่การดื่มชาอู่หลงหอมหมื่นลี้คู่กับขนมไหว้พระจันทร์นั้นยังเป็นวัฒนธรรม และประเพณีดั้งเดิมของจีนที่เน้นความสมดุล และความกลมกลืนทั้งในรสชาติ และทางความหมายด้วย ดังนั้น การเลือกซื้อเซ็ตขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha นั้นจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ หรือของฝากให้บุคคลสำคัญ หรือจะมาซื้อรับประทานเองก็เหมาะเป็นอย่างมาก และสำหรับใครที่สนใจอยากจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์สุดพรีเมียมจาก Royal Osha ก็สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้แล้ว วันนี้! ผ่าน Line Official : @royalosha หรือช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

 

> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

4. สั่งจอง หรือสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ก่อนใครได้แล้ว วันนี้!

Mooncake

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะลิ้มลองขนมไหว้พระจันทร์ หรืออยากจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์ไว้เป็นของฝากในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็สามารถแวะมาสั่งจอง หรือสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ได้แล้ววันนี้! ที่รังสรรค์จาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งขนมไหว้พระจันทร์มาอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การทำไส้ไหว้พระจันทร์ ไปจนถึงการเลือกบรรจุภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง โดยสามารถสั่งจอง สั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

นอกจากขนมไหว้พระจันทร์แล้ว นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติยังสามารถแวะมารับประทานอาหารไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha ได้ตลอดทั้งปี โดยมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu และยังมีเมนูที่สลับสับเปลี่ยนตามฤดูกาลจากการเลือกใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal ทำให้มีเมนูอาหารใหม่ๆ ให้นักชิมได้ลิ้มลองกันอย่างไม่มีเบื่อ และสามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส รวมถึงยังมีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทย และสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่คนไหนที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ Royal Osha ก็สามารถติดต่อสำรองที่นั่งล่วงหน้าผ่านช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Mooncake

ผู้สนใจ Premium Mooncake และ Classic Mooncake ขนมไหว้พระจันทร์ตำรับ รอยัล โอชา สามารถสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ได้ตั้งแต่ช่วง เดือนกรกฎาคม –  กันยายน สอบถามรายละเอียดได้ที่

Posted on

ทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กับเมนูคอร์สที่ Royal osha

Chef Table Restaurant

ทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กับเมนูคอร์สที่ Royal osha

การรับประทานอาหารแบบ “Chef Table” เป็นสไตล์การรับประทานอาหารที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีขั้นตอนในการปรุงอาหาร และการรับประทานที่ไม่เหมือนใคร และยังมีอาหารหลากหลายสัญชาติที่นิยมใช้สไตล์ Chef Table ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารตะวันตก หรือจะเป็นอาหารไทย ก็มีให้นักชิมได้ลิ้มลองเช่นกัน อย่างที่ Royal Osha ก็เป็น 1 ในร้าน Chef Table อาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลชั้นดี และผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยมือทอง จนได้เมนูอาหารไทยสไตล์ Chef Table ที่มีเอกลักษณ์ และเสน่ห์ของความเป็นไทยอยู่ในทุกสัมผัส โดยในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมไปทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กันมากขึ้นว่าคืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมของนักชิมอย่างแพร่หลาย และมีความแตกต่างจาก Fine Dining และ Omakase อย่างไร พร้อมแนะนำเมนูคอร์ส Chef Table จาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด

1. ร้าน Chef Table สไตล์การรับประทานอาหารที่รังสรรค์มาแบบตามใจเชฟ

Chef Table Restaurant

Chef Table มีความหมายตรงตัวที่ว่า “โต๊ะของเชฟ” คือ การที่นักชิมนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นขั้นตอนการทำอาหารของเชฟได้อย่างชัดเจน โดยจะเป็นโต๊ะ หรือเคาท์เตอร์ที่จะหันหน้าเข้าพื้นที่ครัวของเชฟ ซึ่งแต่ละเมนูที่นักชิมจะได้รับประทานนั้นก็จะเป็นเมนูที่จะรังสรร์คออกมาแบบตามใจเชฟ ที่จะมีเรื่องราว มีการคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน มีการปรุงอย่างประณีต และละเอียดละออ เพื่อให้ได้เมนูที่มีวัตถุดิบที่ดีที่สุด รสชาติดีที่สุด และสดใหม่ที่สุด และค่อยๆ ทำการเสิร์ฟทีละจาน รวมถึงนำเสนอตามลำดับที่ได้วางไว้ เพื่อให้ได้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่ดีที่สุด และเปิดประสบการณ์ในการสัมผัสศิลปะอีกแขนงหนึ่งผ่านการรับประทานอาหาร และการรับประทานอาหารในสไตล์ Chef Table นั้นก็ยังมีอาหารสัญชาติต่างๆ ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย เช่น อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก หรืออาหารจีน เป็นต้น เพราะว่าการทำอาหารร้าน Chef Table ไม่ได้มีการจำกัดสไตล์ หรือประเภทของอาหาร ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีร้าน Chef Table เกิดขึ้นอย่างมากมาย หลากหลายสไตล์ และได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมอย่างแพร่หลายมากขึ้น

2. ทำไมในปัจจุบันถึงนิยมรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table กันมากขึ้น?

การรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table ในปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าร้าน Chef Table จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในเรื่องของการทำอาหาร การบริการ และบรรยากาศ โดยเริ่มต้นจากการทำอาหารที่นักชิมสามารถเห็นได้เกือบทุกขั้นตอน ทำให้นักชิมรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการทำอาหารกับเชฟ ได้สัมผัสถึงวัตถุดิบที่มีความสด สะอาด และมีการปรุงแบบสดใหม่ ที่จะทำให้รสชาติอาหารที่ได้สัมผัสนั้นมีความอร่อยมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีบรรยากาศที่มีความตื่นเต้น ผ่อนคลาย และได้อรรถรสในการรับประทาน เพราะได้สัมผัสทั้งเสียง และกลิ่นในการทำอาหารแบบใกล้ชิด ค่อยๆ เสิร์ฟที่ละอย่าง เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับรายละเอียดต่างๆ ของอาหารอย่างเต็มที่ และมีจำนวนที่นั่งที่จำกัด ที่ทำให้เชฟสามารถบริการได้อย่างทั่วถึง ที่ทำให้นักชิมรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองด้วย และด้วยจุดเด่น และเอกลักษณ์ของการรับประทานอาหารร้าน Chef Table จึงทำให้นักชิมหันมาเลือกรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

3. ร้าน Chef Table vs Fine Dining vs Omakase แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

Chef Table restaurants

การรับประทานอาหารในร้าน Chef Table, Fine Dining และ Omakase เป็นสไตล์การรับประทานอาหารที่ในแต่ละแบบนั้นต่างได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่ว่านักชิมหลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าการรับประทานอาหารทั้ง 3 สไตล์นี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เลือกรับประทานให้ตรงกับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด โดยการรับประทานแบบ Chef Table นั้นก็จะมีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่กล่าวมาในหัวข้อข้างต้น และในส่วนของ Fine Dining และ Omakase ก็จะมีรายละเอียด และความแตกต่างกัน ดังนี้

  • Fine Dining เป็นการรับประทานอาหารที่จะมีการตกแต่งโต๊ะอย่างหรูหรา และจะมีการเลือกใช้เครื่องใช้ และภาชนะที่มีความหรูหราเช่นกัน มีเมนูให้เลือกทั้งแบบคอร์ส และ A La Carte มีการตกแต่งที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง มีการบริการที่มีมาตรฐานสูง และมีความเป็นทางการ แต่จะเหมือนกับร้าน Chef Table ตรงที่จะมีการเสิร์ฟทีละจาน และมีการจัดลำดับในการเสิร์ฟ เพื่อให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความอร่อย และรายละเอียดของแต่ละจานได้อย่างดีเยี่ยม

 

  • Omakase เป็นการรับประทานอาหารที่เหมือนกันกับร้าน Chef Table ที่จะเป็นเมนูแบบตามใจเชฟ แต่ว่าในภาษาญี่ปุ่นจะใช้คำว่า “Omakase” หรือโอมากาเสะ และจะแตกต่างกันตรงที่เมนูของโอมากาเสะนั้นจะเป็นเมนูซูชิ ซาชิมิ ซุป หรือเมนูอาหารญี่ปุ่นต่างๆ เป็นต้น

4. Royal Osha รูปแบบร้าน Chef Table ที่ปรุงแต่งทุกเมนูจากวัตถุดิบพรีเมียมโดยเชฟอาหารไทยประสบการณ์กว่า 40 ปี

Royal Osha เป็นรูปแบบร้าน Chef Table ที่ปรุงแต่งทุกเมนูจากวัตถุดิบพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และรังสรรค์มาจากเชฟมากฝีมือที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารไทยมากว่า 40 ปี โดยการคัดเลือกวัตถุดิบของ Royal Osha จะเป็นการใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย โดยวิธีการเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” เพื่อทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมาผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย และให้นักชิมได้อิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่การรับประทานอาหารตามฤดูกาลนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และนอกจากนั้นก็ยังมาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ด้วยการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยการนำวัตถุดิบตามฤดูกาล และพืช ผัก สมุนไพรไทย มาผ่านการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับของอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างชัดเจน ที่จะช่วยเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยได้อย่างลงตัว ทำให้เมนูอาหารของทาง Royal Osha นั้นมีครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน และแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของเมนู เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารได้อย่างหลากหลาย และได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละภาค ที่นักชิมจะได้สัมผัสถึงเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่  โดยในทุกเมนูนั้นไม่ได้เพียงแค่เลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมเท่านั้น แต่ยังผ่านการรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารไทยมือทองในระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef ประจำที่ Royal Osha ที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ที่ต้องการจะส่งต่อความอร่อยของอาหารไทยในสไตล์ร้าน Chef Table ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่าอาหารไทยนั้นมีความแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ ตรงที่มีครบความเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงาม และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรพื้นบ้านมากปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย และดีต่อสุขภาพ จึงได้นำประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี เพื่อนำมารังสรรค์ทุกเมนูของ Royal Osha ให้มีรสชาติ หน้าตา และเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ให้นักชิมได้สัมผัสได้ถึงความอร่อยตามแบบฉบับของอาหารไทยแท้ คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

5. แนะนำเมนูคอร์สจาก Royal Osha ร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัย

Chef Table restaurant

สำหรับนักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยแท้จาก Royal Osha ที่เป็นร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัย ที่ได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน และนำเสนอความเป็นไทยจากเชฟอาหารไทยมากประสบการณ์อย่างเชฟวิชิต มุกุระ จนได้เมนูคอร์สที่มีเมนูอย่างหลากหลายให้นักชิมได้ลิ้มลองกับเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ดังนี้

  • เนื้อปูม้าสามรสแบบเย็น เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อปูม้าชิ้นโต สดใหม่ หวาน ไม่คาว มาพร้อมกับพริกเขียวที่ช่วยเพิ่มความจัดจ้าน และแอปเปิ้ลที่มาในรูปแบบของกรานิต้า ที่ช่วยให้ได้รสชาติอร่อย กลมกล่อม เข้มข้น และสดชื่น เหมาะกับการเริ่มต้นมื้ออาหารเป็นอย่างมาก
  • แป้งกรอบและมูสตับห่านกับผงต้มยำ เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากแป้งกรอบสูตรเฉพาะของ Royal Osha ที่มีความหอม กรอบ มาพร้อมกับมูสฟัวกราส์ หรือตับห่านอย่างเข้มข้น และโรยด้วยผงต้มยำที่หอมสมุนไพร รสชาติจัดจ้าน เมื่อรับประทานด้วยกันแล้วเข้ากันอย่างลงตัว ที่ช่วยเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
  • แกงกะหรี่กับปูทาระบะย่าง เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากปูทาระบะชั้นดี ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างจนได้กลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับแกงกะหรี่เข้มข้นตามฉบับของ Royal Osha ที่ได้เข้ากันกับเนื้อปูสดใหม่ หวาน อร่อยได้อย่างลงตัว
  • ยำทูน่าสมุนไพรกับมาโยยูสุ เป็นเมนู Salad ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อทูน่าที่นำมายำเข้ากันกับสมุนไพรนานาชนิด ให้มีความหอม เข้มข้น จัดจ้าน ตัดด้วยรสชาติเปรี้ยว มัน กลมกล่อมจากซอสมาโยยูสุ เมื่อรับประทานในคำเดียวจะได้รสชาติที่มีความหอม จัดจ้าน และพอดีเป็นอย่างมาก
  • พล่าหอยเชลล์ฮอกไกโด เป็นเมนู Salad ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์พรีเมียมจากฮอกไกโดชิ้นโต เนื้อหวานนุ่ม ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างไฟอ่อนให้มีความสุกกำลังพอดี เสิร์ฟคู่กับพล่าที่มีส่วนประกอบของเครื่องพล่า และสมุนไพรนานาชนิด ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ความหอมสมุนไพร ความเผ็ด ครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของพล่าไทยโบราณ
  • กุ้งแดงสเปนย่างกับแกงเลียงและผักรวม เป็นเมนู Soup ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากกุ้งแดงสเปนตัวโต ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง เสิร์ฟคู่กับแกงเลียงที่มีความหอม หวาน มัน เผ็ดกำลังดี และผักรวมนานาชนิด ที่ช่วยเพิ่มความอร่อยกลมกล่อมมากขึ้น
  • ยำสมุนไพรงาหอมกับแตงโม เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากแตงโมชั้นดี หวานฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับยำสมุนไพรงาหอม ที่ทำให้ได้ทั้งความสดชื่น หวานฉ่ำ จัดจ้าน และหอมกำลังดี ที่รับประทานภายในคำเดียวแล้วจะมอบรสชาติของอาหารไทยโบราณได้อย่างลงตัว
  • ปลาหมึกยักษ์ทอดซอสไข่เค็มกับพริกดองส้ม เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากหนวดปลาหมึกยักษ์พรีเมียม ชิ้นโตเต็มคำ นุ่มหนึบ เนื้อหวาน สดใหม่ ไม่คาว ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการทอด คลุกเคล้ากับซอสไข่เค็มเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับพริกดองส้ม ที่ช่วยให้ได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม และจัดจ้านกำลังดี ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นที่ครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของอาหารไทย
  • เนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียย่างซอสผัดฉ่าและหน่อไม้ฝรั่ง เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียชั้นดี ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยย่างให้เนื้อมีความหอม ฉ่ำ ไม่เหนียว และไม่แห้งเกินไป เสิร์ฟคู่กับซอสผัดฉ่ารสชาติเข้มข้น และหน่อไม้ฝรั่งที่ผ่านการย่างมาให้มีความหอม นุ่ม เคี้ยวง่าย เข้ากันกับเนื้อได้อย่างอร่อยกลมกล่อม
  • เค้กวานิลลาน้ำผึ้งป่าดอกสาบเสือกับไอศกรีมชาไทยและครัมเบิลข้าวแต๋นน้ำแตงโม เป็นเมนูของหวานในคอร์สเมนูที่มีเค้กวานิลลาหอม หวาน นุ่ม ที่มาพร้อมกับไอศกรีมชาไทยเข้มข้น ราดด้วยน้ำผึ้งป่าดอกสาบเสือ และรับประทานคู่กันกับครัมเบิลข้าวแต๋นน้ำแตงโม ที่ช่วยล้างปาก และปิดมื้ออาหารสุดพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

นอกจากเมนูที่อยู่ในคอร์สเมนูแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารไทยแบบ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกรับประทานอีกกว่า 50 เมนู และสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่ร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัยอย่าง Royal Osha ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือคลิก ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

6. รีวิว Royal Osha ร้าน Chef Table อาหารไทยแท้จากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ

นอกจากรางวัลการันตีต่างๆ ที่ทางร้าน Chef Table อย่าง Royal Osha ได้รับ เช่น รางวัล Michelin Guide ที่ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ถึงคุณภาพ รสชาติ และบริการแล้ว ก็ยังได้รับรีวิวจากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha แบบเสียงจริง ตัวจริง ดังนี้ Annie21 “อาหารไทยมีระดับโดยเชฟวิชิต มีความสร้างสรรค์ สวยงาม คงความเป็นไทยในทุกเมนู และรสชาติก็อร่อยมาก บรรยากาศและการบริการก็ยอดเยี่ยมค่ะ” Coryne S Suzuki “Celebrated a very special birthday here ❤️ Food was outstanding! Both delicious and beautiful! Thank you for the wonderful hospitality and for making this evening so memorable!” WoWVal “Royal Osha เป็นสุดยอดอาหารไทยที่สวยงามวิจิตร รสชาติอาหารไทยที่แปลกใหม่ กับการนำเสนอที่เป็นเลิศ แปลกใจว่าทำไมไม่ได้ดาวมิชลิน” Jennifer Hsu “A very nice, elegant restaurant.  Nice food, beautiful restaurant, and high end service.  Highly recommended.” Yuphavadee “เป็นอาหารไทยที่มีรสชาดอร่อย คงความเป็นไทยๆ แบบฉบับเดิมๆ ทรงคุณค่าให้เด็กรุ่นใหม่ๆได้รู้จักอาหารไทยค่ะ รสมือเชฟ ฝีมือดี สถานที่สวยงาม จัดจานได้สง่า สมเป็น Royal Osha เลยทีเดียวค่ะ” Trairuk “Fine dining, authentic Thai food, out of this world service” Yupin “อาหารอร่อย จัดจานได้สวยงามน่ารับประทานมาก พนักงานบริการดี บรรยากาศภายร้านอบอุ่น สวยงาม เหมาะกับการต้อนรับชาวต่างชาติ และคนพิเศษ แนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ” Cathryn Cole “Great Thai cuisine. Some of the best food I have ever eaten in Thailand.” คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

7. เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยในร้าน Chef Table แบบร่วมสมัยได้ที่ Royal Osha

Chef Table restaurant

สำหรับนักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และอยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยร่วมสมัยในสไตล์ร้าน Chef Table ก็สามารถแวะมาลิ้มลองได้เลยที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ที่ทุกเมนูรังสรรค์มาจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และผ่านการปรุงจากเชฟมากฝีมืออย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ได้ดึงเอกลักษณ์ของวัตถุดิบ และถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านไปในอาหารทุกจาน เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสถึงเสน่ห์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มเปี่ยมในทุกคำที่ได้สัมผัส เข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างอร่อยกลมกล่อม ถูกปากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มี Location ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับการรับประทานได้ในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสการรับประทานอาหารไทยในร้าน Chef Table ในสไตล์ร่วมสมัย สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

 

Posted on

Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่รับรางวัลมิชลินมากถึง 6 ปีซ้อน

Michelin Award

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่รับรางวัลมิชลินมากถึง 6 ปีซ้อน

ถ้าหากพูดถึง “รางวัลมิชลิน” ที่เป็นรางวัลที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะว่ารางวัลมิชลินนั้นเป็นรางวัลที่สามารถการันตีได้ถึงคุณภาพของร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ด้วยเกณฑ์การคัดเลือกที่ค่อนข้างเข้มงวด ตั้งแต่ในเรื่องของวัตถุดิบ การปรุง การนำเสนอ ไปจนถึงการบริการ และรายละเอียดต่างๆ ที่ผ่านการตัดสินจากเหล่านักชิมจาก Michelin Guide ที่แฝงตัวเข้าไปรับบริการ จึงทำให้รางวัลมิชลินนั้นเป็นอีกหนึ่งรางวัลยอดนิยม ที่เป็นตัวช่วยตัดสินใจในการเลือกร้านอาหารของเหล่านักชิม และ Royal Osha ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยที่ได้รับรางวัลมิชลินมามากถึง 6 ปีซ้อน ที่นักชิมอาหารไทยตัวยงต้องห้ามพลาดที่แวะเวียนมาลิ้มลองเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่มีความแปลกใหม่ แต่ยังความเป็นไทยให้นักดื่มได้สัมผัสกันในทุกคำ

1. “รางวัลมิชลิน” เครื่องการันตีคุณภาพร้านอาหาร ที่เป็นที่ยอมรับของนักชิมทั่วโลก

Michelin Award

รางวัลมิชลิน” หรือรางวัล Michelin Guide เป็นรางวัลที่เกิดจากการทำหนังสือคู่มือในการเดินทาง หรือ Guide Book ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยบริษัทยางรถยนต์จากฝรั่งเศสอย่าง Michelin ที่ภายในหนังสือนั้นจะมีข้อมูลของการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารต่างๆ ที่ควรค่าแก่การแวะชิม เมื่อได้เดินทางผ่านในเส้นทางๆ นั้นๆ โดยเฉพาะร้านอาหารที่จะมีการจัดอันดับด้วยการใส่สัญลักษณ์ต่างๆ หรือการรีวิวสั้นๆ  ที่จะมีตั้งแต่ร้านอาหารหรูหรา, Fine Dining, Street Food หรือร้านอาหารทั่วไป เพราะว่ารางวัลมิชลินนั้นสร้างขึ้นมาเพื่อการันตีคุณภาพของร้านอาหาร และทุกร้านนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับ Michelin Guide ได้ทั้งหมด โดยรางวัลมิชลินนั้นสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

  • รางวัลมิชลิน 1 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 2 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางออกนอกเส้นทาง เพื่อหยุดแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกล เพื่อไปชิมสักครั้ง


โดยในทุกๆ การประเมินรางวัลมิชลินนั้นก็จะมีหลักเกณฑ์ในการประเมินที่เท่าเทียมกันในทุกร้าน และจัดประเมินจากคุณภาพ วัตถุดิบ และบริการตามจริง ดังนั้น รางวัลมิชลินจึงเป็นรางวัลที่เหล่านักชิมนั้นให้ความเชื่อถือ และมั่นใจ และใช้เป็นตัวช่วยในการการันตีคุณภาพ รสชาติอาหาร และบริการ และช่วยให้นักชิมสามารถตัดสินใจเลือกร้านอาหารได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

2. เกณฑ์การคัดเลือกรางวัลมิชลิน ที่ผ่านการตัดสินอย่างเป็นกลางจากนักชิม Michelin Guide ตัวจริง

การคัดเลือกร้านอาหารที่จะได้รับรางวัลมิชลินก็จะมีเกณฑ์การคัดเลือกของทาง Michelin Guide ที่จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมดในร้านอาหารทุกรูปแบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปตามมาตรฐานของทาง Michelin ที่สามารถการันตีคุณภาพของร้านอาหารได้ตามจริง และตรงไปตรงมามากที่สุด และถ้าหากร้านอาหารมีคุณสมบัติครบถ้วน และตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็ถึงจะได้รับรางวัลมิชลิน โดยเกณฑ์การคัดเลือก และการประเมินของรางวัลมิชลิน มีดังนี้
  • คุณภาพของวัตถุดิบ เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ว่ามีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัยตามมาตรฐานหรือไม่
  • เทคนิคการปรุงแต่ง เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากเทคนิคในการปรุงแต่ง และรังสรรค์เมนูของเชฟว่ามีความเชี่ยวชาญ ชำนาณ ประณีต และสามารถดึงรสชาติ และจุดเด่นของวัตถุดิบออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
  • การนำเสนออาหารของเชฟ เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากการนำเสนออาหารของเชฟว่าสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านออกมาทางอาหารได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าเชฟแต่ละคนนั้นจะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้เมนูอาหารที่ออกมานั้นสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันตามไปด้วย
  • ความคุ้มค่าคุ้มราคา เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากการราคาอาหารว่ามีความคุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ ที่จะดูจากความเหมาะสมของวัตถุดิบ และรสชาติ รวมถึงบริการที่นักชิมจะได้รับจากร้านอาหารนั้นๆ ด้วย
  • การรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลาย เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากความเสมอต้นเสมอปลายที่ทางร้านอาหารจะต้องทำการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานในทุกๆ ด้านให้มีความคงที่ ทั้งเรื่องวัตถุดิบ รสชาติ การปรุงแต่ง การนำเสนอ ราคา และบริการ เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานที่ผู้ประเมินได้ทำการประเมินไว้ และตรงกับความคาดหวังของทาง Michelin Guide
โดยในส่วนของผู้ประเมินนั้นจะเป็น “ผู้ตรวจสอบของทาง Michelin Group” ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำงาน หรือคลุกคลีอยู่ในวงการอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม หรือสายงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้ทุกการประเมินนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเกิดจากจรรยาบรรณ ความเข้าใจ และความรู้จริงของผู้ประเมิน และที่สำคัญ คือ ผู้ประเมินจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งสิ้น รวมถึงทำการชำระค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารเต็มจำนวน และจะเข้าการประเมินคุณภาพของร้านแบบไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับการปฏิบัติ หรือสิทธิพิเศษเหนือจากลูกค้าทั่วไป และในแต่ละการประเมินนั้นจะเป็นการประเมิน และตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้ตรวจสอบหลายๆ คนที่แวะเวียนเข้าไปใช้บริการ ดังนั้น การประเมินคุณภาพ และมาตรฐานของรางวัลมิชลินนั้นจึงเป็นรางวัลที่มีความน่าเชื่อถือ และทำให้นักชิมมั่นใจได้เลยว่าร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินนั้นมีคุณภาพ และมาตรฐานสมกับที่ได้รับรางวัลอย่างแน่นอน

3. Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ที่ได้รับรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อน และรางวัลการันตีอื่นๆ อีกมากมาย

Michelin award

นอกจากรางวัลมิชลินที่ทาง Royal Osha ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน ก็ยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ว่า Royal Osha เป็นร้านอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ที่มีเมนูอาหารรสชาติครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถตอบโจทย์นักชิมที่ชื่นชอบอาหารไทยทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี โดยรางวัลการันตีที่ทาง Royal Osha ได้รับ มีดังนี้

  • รางวัลมิชลิน หรือ Michelin Guide เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 6 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2019, 2020, 2021, 2022, 2023 และ 2024 ที่มีการคัดเลือกจากคุณภาพวัตถุดิบ, เทคนิคการปรุงอาหาร, รสชาติอาหาร, ความคิดสร้างสรรค์ และความเสมอต้นเสมอปลายของร้านอาหารมิชลิน
  • รางวัล Wongnai และ User’s Choice Wongnai เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 5 ปี ได้แก่ ปี 2021, 2020, 2018, 2017 และ 2016 ที่มีการคัดเลือกจากรีวิวของผู้ที่เคยรับประทาน และมีประสบการณ์จริงเท่านั้น และรางวัลนี้จะมอบให้กับร้านอาหารที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในด้านอาหารของคนไทยโดยเฉพาะ
  • รางวัล Thailand Tatler Best Restaurants เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 3 ปี ได้แก่ ปี  2020, 2018 และ 2017 ที่ได้รับการคัดเลือกจากหนังสือ Thailand Tatler Best Restaurants ที่ได้รวบรวมร้านอาหารชั้นเลิศ และรสชาติยอดเยี่ยมระดับ 5 ดาว ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกคนสำคัญ หรือนักท่องเที่ยว ที่มีต่อร้านอาหารไทยได้เป็นอย่างดี
  • รางวัล Thai Select Premium เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 2 ปี ได้แก่ ปี 2022 และปี 2019 ที่มีการคัดเลือกจากคุณภาพยอดเยี่ยม มีการตกแต่งสวยงาม และมีบริการดีเยี่ยม โดยรางวัลนี้จะต้องได้รับคะแนนมากกว่า 90 คะแนนขึ้นไป และจะต้องเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายเฉพาะอาหารไทยแท้เท่านั้น
  • รางวัล HELLO! Taste Award เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับในปี 2022 ที่มาจากการเฟ้นหาร้านอาหารในดวงใจของเหล่านักชิม และเซเลบริตี้ของนิตยสาร HELLO! ที่สะท้อนถึงคุณภาพ รสชาติ และหน้าตาของอาหารที่มีความพรีเมียมในทุกๆ ด้านจนสามารถครองใจเหล่านักชิมได้

 

ด้วยรางวัลการันตีทั้งรางวัลมิชลิน และรางวัลอื่นๆ ที่ทาง Royal Osha ได้รับนั้นนักชิมสามารถมั่นใจได้เลยว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่ Royal Osha จะสามารถสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่มีความพรีเมียมได้ในทุกอณู ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ก็สามารถสำรองที่นั่งได้เลย ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. คัดเลือกวัตถุดิบฤดูกาล สด ใหม่ สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานของรางวัลมิชลิน

การคัดเลือกวัตถุดิบของทาง Royal Osha นั้นจะเป็นการใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย ที่ตรงกับตามเกณฑ์การประเมินของรางวัลมิชลินที่จะต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี โดยวิธีการเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” เพื่อทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมาผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย ที่มาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ด้วยการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยการนำวัตถุดิบตามฤดูกาล และพืช ผัก สมุนไพรไทย มาผ่านการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับของอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างชัดเจน ที่จะช่วยเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยได้อย่างลงตัว และยังมีอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆตามแต่ละภาค ทำให้อาหารไทยทุกเมนูของ Royal Osha นั้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ที่นักชิมจะได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นปรุงแต่งมาจากวัตถุดิบตามฤดูกาล จึงทำให้เมนูของ Royal Osha จะแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารได้อย่างหลากหลาย และได้ดูแลสุขภาพตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่การรับประทานอาหารตามฤดูกาลนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทยเป็นพิเศษ ก็สามารถแวะเวียนมาลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ได้ที่ Royal Osha ตลอดทั้งปี

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

5. รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยมือทอง ที่นำเสนอทุกเมนูอย่างประณีตสมกับที่ได้รางวัลมิชลินมากถึง 6 ปี

Michelin Award

นอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพตามหลักเกณฑ์ของ Michelin Guide ในทุกเมนูของ Royal Osha ก็ได้ผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยมือทองในระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ และในปัจจุบันก็เป็น Executive Chef ประจำที่ Royal Osha โดยจุดเริ่มต้นของ Royal Osha นั้นก็มาจากความมุ่งมั่นของเชฟวิชิต มุกุระ ที่อยากจะลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่มีความท้าทาย และช่วยยกระดับวงการอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักของทั่วโลกมากขึ้น จึงได้จับมือกับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อสร้างร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha ขึ้นมา ที่จะได้ส่งต่อความอร่อยของอาหารไทย ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่าอาหารไทยนั้นมีความแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ ตรงที่มีครบความเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงาม และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรพื้นบ้านมากปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย และดีต่อสุขภาพ ที่ถือว่าเป็น Signature ของอาหารไทย และไม่เพียงแค่ความตั้งใจในการเผยแพร่อาหารไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกเท่านั้น แต่เชฟวิชิต มุกุระ ยังได้นำประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี รวมถึงประสบการณ์ในการเป็นอาจารย์สอนที่ โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารอีกมากมาย จึงทำให้ในทุกเมนูของ Royal Osha นั้นมีรสชาติ หน้าตา และเอกลักษณ์ที่บ่งบอกได้ถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่ได้ถ่ายทอดผ่านทางอาหาร และได้นำเสนอไปยังนักชิมได้อย่างเต็มที่ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกรางวัลมิชลินที่ทำให้ทาง Royal Osha ได้รับรางวัลมิชลินมามากถึง 6 ปีซ้อน ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสความพิถีพิถัน ความประณีต และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาหารไทยรางวัลมิชลินที่ Royal Osha ก็สามารถแวะเวียนมาชิมเมนูอาหารที่มีทั้งแบบ Course และ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกสรรกันตามสไตล์ที่ชื่นชอบรับประทานได้เลย

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

6. แนะนำเมนูอาหารรางวัลมิชลินจาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด

สำหรับเมนูอาหารไทยรางวัลมิชลินจาก Royal Osha นั้นก็มีให้นักชิมเลือกรับประทานทั้งแบบ Course ที่เชฟได้ทำการรังสรรค์มาเป็นอย่างดีในแต่ละฤดูกาล และ A La Carte ที่มีให้นักชิมได้เลือกรับประทานเมนูตามใจชอบ โดยเมนูแนะนำรางวัลมิชลินที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • เมี่ยงคำกุ้ง, ปู หรือตับห่าน เป็นเมนูที่นักชิมสามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานเป็นกุ้ง ปู หรือตับห่าน ที่ผ่านการคัดสรรมาแบบสด ใหม่ และสะอาด เสิร์ฟคู่กับกลีบดอกบัวที่มีความกรอบ และเข้ากันกับสมุนไพรนานาชนิดได้เป็นอย่างดี และเพิ่มความกลมกล่อมด้วยซอสมะขามเผ็ด ที่ช่วยให้ได้รสชาติเมี่ยงคำตามฉบับไทยแท้
  • กุ้งแช่น้ำปลา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากกุ้งลายเสือตัวโต หวาน กรอบ ไม่คาว ที่แช่มาในน้ำปลาปรุงรสอร่อย กลมกล่อม ที่มีแตงกวา พริกเขียว มะนาว และกรานิต้า ที่ช่วยให้ได้รสชาติจัดจ้าน และเข้มข้นในทุกคำ
  • น้ำพริกไข่ปู เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากไข่ปูม้า ที่ผ่านการปรุงสุกให้เป็นน้ำพริกรสชาติจัดจ้าน เสิร์ฟคู่กับผักนานาชนิด ที่มีความกรอบ หวาน อร่อย เมื่อรับประทานแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเป็นน้ำพริกไข่ปูตามแบบฉบับเครื่องจิ้มไทยโบราณ
  • ต้มแซ่บเนื้อน่องลาย เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อน่องลายชั้นดี ที่มีความเหนียวนุ่มกำลังดี ไม่คาว ผ่านการปรุงสุกในน้ำต้มแซ่บที่ปรุงด้วยสมุนไพรนานาชนิด และพริกแห้ง ที่ให้รสชาติเผ็ดจัดจ้านถึงใจ และเข้ากันกับเนื้อน่องลายได้อย่างกลมกล่อม
  • แพนงแก้มวัว หรือไก่ เป็นเมนูที่นักชิมสามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานเป็นแก้มวัว หรือไก่ ที่จะนำมาปรุงสุกด้วยการแกงในเครื่องแกงแพนงไทยโบราณ ที่มีความหอม เผ็ด จัดจ้าน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี
  • หอยเชลล์ผัดน้ำพริกเผา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์ฮอกไกโด ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการผัดในน้ำพริกเผาชั้นดีที่มีความเผ็ด และหวานกำลังดี พร้อมกับใบกะเพราที่เพิ่มความหอมชวนหิว รับประทานคู่กับข้าวสวย หรือรับประทานเล่นก็อร่อยลงตัว
  • ทับทิมกรอบกรานิต้า เป็นเมนูอาหารหวานที่มีส่วนประกอบของทับทิมกรอบที่มีความกรอบ หวาน นุ่ม หนึบหนับ แช่มาในน้ำกะทิที่มีความหอม หวาน และมัน ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี และเป็นเมนูอาหารหวานที่ช่วยปิดมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้น ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

7. ลิ้มลองอาหารไทยแท้ระดับรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อนได้แล้ว วันนี้! ที่ Royal Osha

Michelin Award

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่อยากจะแวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha การันตีคุณภาพ รสชาติ บริการ และความคุ้มค่าคุ้มราคาจากรางวัลมิชลินที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน ด้วยเมนูอาหารไทยที่รังสรรค์มาจากวัตถุดิบพรีเมียมแบบ Seasonal และผ่านปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารไทยมือทองแนวหน้าของเมืองไทยอย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างเต็มเปี่ยม มีความครบรส ครบเครื่อง ครบองค์ประกอบ มีความกลมกล่อม ทำให้เมนูอาหารไทยที่นักชิมได้ลิ้มลองกันนั้นมีหลากหลายสไตล์ และสามารถเข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ได้ง่าย สามารถตอบโจทย์นักชิมได้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส เดินทางง่าย ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สะดวกสบาย ดังนั้น นักชิมที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่มีความแปลกใหม่ แต่ยังคงความเป็นไทยไว้เต็มเปี่ยม สามารถติดต่อสอบถาม หรือสำรองที่นั่ง ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

 

Posted on

Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok

Michelin Restaurant Bangkok

Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ถูกจัดอยู่ใน Michelin Restaurant Bangkok ที่นักชิมชาวไทย และนักชิมชาวต่างชาตินิยมแวะเวียนกันมาลิ้มลองอาหารไทยแท้กันในช่วงเวลาที่มีโอกาส ด้วยรสชาติของอาหารที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ผ่านการปรุงแต่งจากเชฟมากฝีมือ วัตถุดิบมีความสด ใหม่ สะอาด และใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal มาพร้อมกับการบริการด้วยความใส่ใจ และบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม จึงทำให้ Royal Osha เป็น 1 ในร้านอาหาร Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน และยังได้รับการแนะนำจาก Michelin Guide และสามารถจองผ่านทางเว็บไซต์ได้โดยตรงอีกด้วย ดังนั้น นักชิมคนไหนที่กำลังมองหาร้านอาหาร Michelin Restaurant Bangkok ที่สามารถตอบโจทย์การรับประทานอาหารได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง หรือโอกาสไหนๆ “Royal Osha” ก็พร้อมที่จะต้อนรับ และบริการนักชิมทุกท่านให้เกิดความประทับใจ และคิดถึงเราทุกครั้งที่อยากจะลิ้มลองอาหารไทย

1. ทำไมนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติถึงนิยมเลือกรับประทาน ร้านอาหาร Michelin Restaurant Bangkok

Michelin Restaurant Bangkok

ถ้าหากพูดถึงร้านอาหาร “Michelin Restaurant Bangkok” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักชิมเป็นอย่างมาก เพราะว่า Michelin Restaurant Bangkok เป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin ที่เป็นรางวัลที่สามารถการันตีได้ในเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบ การสร้างสรรค์จากเชฟ การนำเสนอเมนูอาหาร การบริการ และราคาที่มีความสมเหตุสมผล ทำให้นักชิมมีความมั่นใจในว่าในทุกครั้งที่เลือก Michelin Restaurant Bangkok นั้นจะได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่ดี และก็จะช่วยให้นักชิมสามารถตัดสินใจรับประทานอาหารที่ Michelin Restaurant Bangkok ได้ง่ายขึ้น โดย Royal Osha ก็เป็น 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับความนิยมจากนักชิมชาวไทย และนักชิมชาวต่างชาติ ด้วยเมนูอาหารที่เป็นอาหารไทยแท้ ที่ผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยที่อยู่ในวงการอาหารไทยมามากกว่า 40 ปี และมีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่ช่วยให้นักชิมได้รับประทานอาหารไทยอย่างอิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพในเวลาเดียวกัน มาพร้อมกับการนำเสนอจากเชฟ และการบริการต่างๆ ที่บริการด้วยความเต็มใจ และเอาใจใส่ และยังมีราคาในแต่ละเมนู และแต่ละคอร์ส ที่มีความคุ้มค่า และสมเหตุสมผลกับรายละเอียดต่างๆ ที่นักชิมจะได้รับอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Michelin Restaurant Bangkok หลายๆ ร้าน และ Royal Osha เป็นตัวเลือกในการลิ้มลองอาหารไทยอันดับต้นของนักชิมทุกสัญชาตินั่นเอง

2. “Royal Osha” ร้านอาหารไทยระดับ Michelin Restaurant Bangkok ที่แนะนำโดย Michelin Guide

“Royal Osha” เป็น ร้านอาหารไทยระดับ Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน และได้รับการแนะนำในหน้าเว็บไซต์ของ Michelin Guide โดยตรง ด้วยความที่ Royal Osha นั้นเป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับการรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติว่าเป็น Michelin Restaurant Bangkok ที่มีเมนูอาหารอร่อย คุณภาพวัตถุดิบพรีเมียม ผ่านการนำเสนอที่พิถีพิถัน และมีบริการที่ดีเยี่ยม” ตรงตามเกณฑ์การประเมินของทาง Michelin Guide และก็ได้รักษาคุณภาพ และมาตรฐานตามเกณฑ์ จนได้รับรางวัลดังกล่าวติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี และได้รับความไว้วางใจจากนักชิมที่นึกถึงอาหารไทยเมื่อไหร่ ก็จะกลับมาลิ้มลองที่ Royal Osha อีกครั้งอยู่เสมอ

โดยทุกเมนูอาหารไทยของ Royal Osha นั้นก็ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ ที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล มีความสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นในการคัดสรรวัตถุดิบของ Royal Osha และการเลือกสรรวัตถุดิบแบบนี้นั้นเกิดมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย เพื่อให้ได้อาหารไทยที่มีความครบเครื่อง มีหลากหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงามละลานตา และมีรสชาติที่ผ่านการปรุงให้มีความกลมกล่อมตามอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด พร้อมกับใช้แนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และการใช้พืช ผัก สมุนไพรมาปรุงเป็นอาหารนั้นตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และด้วยการผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบตามฤดูกาล พืช ผัก และสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา และได้มีการปรุงแต่งออกมาเป็นอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน ที่มีความครบเครื่อง พร้อมกับผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากจากเชฟมากฝีมืออย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” ที่เป็น Executive Chef แห่ง Royal Osha และเป็นเชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ที่มีประสบการณ์ในการเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี และยังเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารมากมาย จึงทำให้อาหารทุกเมนู ทุกจานของ Royal Osha นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถถ่ายทอดความเป็นไทยให้นักชิมได้สัมผัสกันอย่างเต็มที่ สมกับเป็น 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok ที่นักชิมคนไหนได้แวะมาลิ้มลองก็เกิดการบอกต่อกันอย่างแน่นอน

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. แนะนำเมนูยอดนิยม No.1 Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha

Michelin Restaurant Bangkok

สำหรับนักชิมที่อยากจะสัมผัสความเป็นไทยผ่านเมนูอาหารไทยแท้จาก Royal Osha ร้านอาหารไทยระดับ Michelin Restaurant Bangkok แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกรับประทานเมนูไหนดี ต้องห้ามพลาด “ช้าวแช่ชาววัง ตำรับรอยัล โอชา” ที่ถือว่าเป็นเมนูยอดนิยม No.1 ที่เหล่านักชิมที่ได้ลิ้มลองจะต้องรอคอยเมนูนี้กันในช่วงฤดูร้อนของทุกปี เพราะว่าเมนูข้าวแช่นั้นจะมีแค่เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น และมีให้เลือกรับประทานทั้งแบบ Dine-in และ Take Away ที่สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานของนักชิมได้อย่างหลากหลาย

โดยเมนูข้าวแช่ ตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชานั้นมีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ที่ผ่านการปรุงรส และสร้างสรรค์มาอย่างประณีตตามตำรับของ Royal Osha จนได้เครื่องเคียงที่มีรสชาติที่มีอร่อย กลมกล่อม ตามแบบฉบับของข้าวแช่ไทยโบราณ แต่มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Royal Osha โดยเครื่องเคียงของข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา ทั้ง 7 อย่าง มีดังนี้

  • ลูกกะปิ
  • หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง
  • พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง
  • ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด
  • หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม
  • ปลายี่สนผัดหวาน
  • หัวไชโป๊วผัดหวาน 

 

ซึ่งทั้ง 7 เมนูเครื่องเคียงนั้นก็จะรังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่ได้ทำการเลือกสรรมาเป็นอย่างดี และพิถีพิถัน สะอาด สดใหม่ ปลอดภัย เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น เพื่อช่วยให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความกลมกล่อม และรสชาติของข้าวแช่ตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเมนูข้าวแช่ต้นตำรับรอยัล โอชา จาก Michelin Restaurant Bangkok ที่มีความหอม อร่อย สดชื่น กลมกล่อม จึงทำให้นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติตั้งตารอการกลับมาของเมนูนี้ในทุกๆ ปี และเป็นเมนูยอดนิยมที่สายชิมอาหารไทยตัวจริงต้องแวะมาลิ้มลองให้ได้สักครั้ง

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

4. แนะนำเมนูอาหารคาว Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha

สำหรับนักชิมที่อยากจะลิ้มลองอาหารไทยที่ผ่านการถ่ายทอดความเป็นไทยมาให้นักชิมได้สัมผัสกันนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแบบคอร์ส หรือ A La Carte ก็มีแต่เมนูที่มีเอกลักษณ์ กลิ่นอาย และเก็บรายละเอียดทุกความเป็นไทยไว้ในทุกคำ โดยเมนูอาหารคาว Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha ที่นักชิมต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ยำทูน่าสมุนไพรกับมาโยยูสุ เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาจากทูน่าชั้นดี ผ่านการปรุงรสที่มีความจัดจ้าน และหอมสมุนไพรอย่างชัดเจน ผสมผสานเข้ากันกับซอสมาโยยูสุที่มีความหอม อมเปรี้ยว สดชื่น ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี ท็อปด้วยคาเวียร์ และเครื่องเคียงต่างๆ ทำให้เวลาที่นักชิมรับประทานภายในคำเดียวก็จะสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อม และลงตัวเป็นอย่างมาก
  • พล่าหอยเชลล์ฮอกไกโด เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาจากหอยเชลล์พรีเมียมจากฮอกไกโด ตัวโต สดใหม่ เนื้อหวานนุ่ม ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างไฟอ่อนให้มีความหอม และเนื้อของหอยเชล์มีความหวานฉ่ำมากขึ้น ท็อปด้วยเครื่องพล่าที่มีการปรุงรสมาอย่างเข้มข้น และจัดจ้าน เมื่อรับประทานเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของพล่าไทยโบราณ
  • ปลาหมึกยักษ์ทอดซอสไข่เค็มกับพริกดองส้ม เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากหนวดปลาหมึกยักษ์ชั้นเลิศ ชิ้นโตเต็มคำ นุ่มหนึบ ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการทอด คลุกเคล้ากับซอสไข่เค็มเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับพริกดองส้ม ที่ช่วยให้ได้รสชาติที่มีความหอม กลมกล่อม จัดจ้าน ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นที่ครบเครื่อง ครบรส

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารคาวอื่นๆ ในคอร์ส และเมนู A La Carte อีกมากมายให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันตามความชอบ และสามารถสำรองที่นั่ง เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางต่างๆ ตามที่นักชิมสะดวกได้แล้ว วันนี้!

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

5. แนะนำเมนูอาหารหวาน Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha

Michelin Restaurant Bangkok

หลังจากรับประทานอาหารคาวแล้ว ก็ต้องรับประทานอาหารหวานตามสไตล์การรับประทานของชาวไทย โดยเมนูอาหารหวานของ Royal Osha นั้นก็จะมีทั้งเมนูดั้งเดิม และเมนูฟิวชั่นให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย และยังความความเป็นไทยไว้ในทุกเมนู  โดยเมนูอาหารหวาน Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha ที่นักชิมต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ขนมโคน้ำกะทิ เป็นเมนูอาหารหวานที่มีขนมโคเนื้อนุ่ม หนึบหนับ มาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน หอมหวานอร่อย ลอยอยู่ในน้ำกะทิที่มีความหอม มัน เข้มข้น หวานกำลังดี และมีควันเทียนหอมๆ ตลบอบอวล ที่ทำให้เวลานักชิมรับประทานนั้นจะสัมผัสได้ถึงความหอม หวาน มัน ตามแบบฉบับขนมหวานไทยโบราณ
  • แครมบรูว์เลมะพร้าวอ่อน เป็นเมนูอาหารหวานที่มีการผสมผสานระหว่างแครมบูว์เลที่มีความหอมวานิลลา เนื้อเนียนนุ่มคล้ายคัสตาร์ด มาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน หอมนุ่มตามสไตล์มะพร้าวอ่อนของไทย ที่เข้ากันเนื้อสัมผัสของแครมบรูว์เลเป็นอย่างดี 
  • ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นเมนูอาหารหวานที่นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติรู้จักกันเป็นอย่างดี ที่มีข้าวเหนียวมูน หอม หวาน นุ่ม มาพร้อมกับมะม่วงน้ำดอกไม้สีเหลืองสวย หวานฉ่ำ รับประทานคู่กับข้าวเหนียวมูน และน้ำกะทิที่มีความหวานมัน มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับข้าวเหนียวมะม่วงไทยแท้ 

 

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารหวานอื่นๆ ในคอร์ส และเมนู A La Carte อีกมากมายให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันตามความชอบ และสามารถสำรองที่นั่ง เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางต่างๆ ตามที่นักชิมสะดวกได้แล้ว วันนี้!

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

6. รีวิว Royal Osha 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok ยอดนิยมจาก Food Blogger 

นอกจาก Royal Osha จะเป็น Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับรางวัลการันตีมาอย่างมากมายแล้ว ก็ยังได้รับรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เข้ามารับบริการจากช่องทางต่างๆ อย่างหลากหลาย รวมถึงรีวิวจาก Food Blogger ที่รีวิวอาหารโดยเฉพาะอีกด้วย โดยรีวิวจาก Food Blogger ที่แวะมาลิ้มลองความอร่อยฉบับไทยแท้ที่ Royal Osha มีดังนี้

“Goohiw”

Royal Osha เป็นร้านอาหาร Fine-dining หรูหรา อยู่บนถนนวิทยุ ใกล้แยกสารสิน ร้านตกแต่งสวยงาม เหมาะมากสำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษหรือตอนรับแขกบ้านแขกเรือน พาชาวต่างชาติมาทาน กำแพงที่ตกแต่งด้วย Wall Paper เป็นภาพวาดเรื่องราวของรามเกียรติ์ สวยงามอลังการมาก แชนเดอร์เรียรูปชฎา สูงใหญ่สวยงาม เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้านเลย ร้านนี้ตกแต่งหรูหราสวยงามโดยแฝงสเน่ห์ของความเป็นไทย มองไปทางไหนก็สะกดสายตา ข้าวแช่ต้นตำหรับชาววังถือว่าดีงามพระรามแปดมาก ทั้งรสชาติและความเพลิดเพลิน เรียกว่าเป็นข้าวแช่ที่เพอร์เฟกต์ไปทุกอย่าง สมราคาคุย ตามมาด้วยกุ้งแช่น้ำปฃลา ที่ทำมาจากกุ้งสดเด้ง แต่ไม่มีกลิ่นคาว รสของซอสแซ่บกลมกล่อม ความเผ็ดปานกลาง แต่ถ้าสำหรับลิ้นชาวต่างชาติจานนี้ก็ถือว่าเผ็ดอยู่มากทีเดียว ปิดท้ายด้วยขนมโคไรซ์เบอร์รี ที่เป็นขนมโคในน้ำกะทิ ท็อปปิ้งด้วยข้าวพองไรซ์เบอร์รี่ ด้านบนเป็นข้าวพองไรซ์เบอร์รี่กรอบๆ ด้านล่างจะเป็นขนมโค ขนมโคเนี่ยเป็นขนมพื้นบ้านของภาคใต้ ด้านนอกเป็นแป้งนุ่มๆ ข้างในเป็นมะพร้าวขูดเค็มๆมันๆ มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ทานพร้อมกัน อร่อย หอมมากๆ

“Eat Chill Wander”

ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีทองแห่งอาหารไทยระดับ fine dining ก็ว่าได้ค่ะ ร้านอาหารไทยดีๆ ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สืบเนื่องจากการมี Michelin Guide ที่ทำให้เราตื่นตัวว่าอาหารไทยก็ไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก และ ร้าน Royal Osha ก็เป็นหนึ่งใน “ไทย-ไฟน์ไดนิ่ง” ที่น่าค้นหา เพราะเป็นร้านอาหารไทย upscale ที่ได้รับรางวัลมากมายทั้งในและต่างประเทศ ร้านนี้เคยเป็นร้านสาขามาจากเชนร้านอาหารไทยชื่อดัง Osha ในเมือง San Francisco ที่มีมากกว่า 9 สาขาด้วยกันค่ะ มีอาหารให้เลือกมากมาย ทั้งแบบ A la Carte และแบบ Set menu ค่ะ โดย Set Menu จะมีสามแบบด้วยกัน คือ Royal Set ซึ่งเป็นเซตคลาสสิกของทางร้าน และ Ramayana Set ที่จะนำเมนูล่าสุดของทางร้านมาใส่ไว้ให้ลองทานกันค่ะ นับว่าเป็นมื้อที่น่าประทับใจมากๆ ค่ะ กับร้านอาหาร Royal Osha สิ่งที่เราชอบมากๆสำหรับร้านนี้มีสามอย่าง คือ Presentation ที่สวยงาม อลังการ กับรสชาติอาหารที่คงรสชาติไทยแท้ๆ ได้ครบถ้วน แต่เสิร์ฟมาในรูปแบบที่สวยงามน่ารับประทาน ข้อสุดท้ายคือ เราจะได้ทานอาหารจากทุกภาค และกรรมวิธีการทำที่แตกต่างกันถึงสิบวิธีในมื้อเดียวเลยค่ะ

“Enfinity”

ร้านอาหารไทยประยุกต์ Royal Osha เป็นร้านดังบนโลกโซเซียล ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการยกระดับอาหารไทยให้มีรสชาติยอดเยี่ยมจนสื่อที่เคยมาที่นี่ต่างชื่นชมและให้คะแนนดีเลิศ อีกทั้งยังทำให้อาหารไทยโบราณได้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง โดยการเปลี่ยนโฉมอาหารแบบใหม่ รสชาติเกินบรรยาย

ภายนอกร้านมีประตูบานใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปภายในจะเห็นการประดับประดาที่แสนหรูหรา เพราะถูกตกแต่งสีทองสวยอลังการ ร้านนี้ตกแต่งด้วยคือดำ-ทองเป็นหลัก และใช้กระจกเงามาติดตกแต่งเพื่อให้ร้านดูกว้างขึ้น ให้ความรู้สึกสบายปลอดโปร่งมากขึ้น เมื่อเข้าไปในโซนอาหาร จะเห็นบรรยากาศทั้งกว้างและสูงโปร่ง เมื่อมองไปทางชั้นสองมีโซน Private แยกเป็นสัดส่วนตกแต่งด้วยลายแกะสลักนูนอย่างสวยงาม มองไกลออกไปจะเห็นเคาร์เตอร์บาร์แนวร่วมสมัย และบันไดสีทองวนขึ้นชั้นสอง บนเพดานถูกตกแต่งด้วยชฎาสีทองที่ติดเต็มไปด้วยคริสตัล ดูโดดเด่น งดงามจนเป็นที่สะดุดตา กำแพงชั้นสองเป็นจิตรกรรมผาผนังของวรรณคดีเรื่อง “รามเกียรติ์” ซึ่งเป็นตอนที่เล่าถึงหนุมาน ภาพบนผนังจึงเห็นหนุมานเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีห้อง Private สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

ครั้งนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำเชิญจากร้านให้ไปร่วมงานเปิดประสบการณ์ต้อนรับคิมหันต์ฤดู ด้วยอาหารฤดูร้อนนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของเชฟ “วิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยชื่อดังเจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว ซึ่งครั้งนี้ได้เตรียมไว้ให้เราโดยเฉพาะถึง 2 เมนู นั่นก็คือ ข้าวยำ และข้าวแช่ชาววัง สำหรับ Blogger ต่างชาติอย่างเราแล้ว ถือเป็นครั้งแรกของการได้ลิ้มรสอาหารไทยแบบนี้ การจัดตกแต่งจานดูปราณีตและสวยงามมาก รับรู้ได้ถึงความละเอียด และใส่ใจของเชฟ ทำให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเก็บภาพอย่างอัตโนมัติ สำหรับเมนูข้าวยำซ่อนรสชาติที่ผสมกันอย่างกลมกล่อมเป็นชั้นๆ มีความเปรี้ยวอมเผ็ด การคลุกยำรวมกันทำให้จานนี้ไม่เลี่ยนเลย เป็นเมนูจานเด็ดช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว อีกหนึ่งเมนูคือข้าวแช่ชาววัง การจัดจานสวยอลังการยิ่งกว่า บอกได้เลยว่าแค่เห็นก็ทำให้รู้สึกถึงความอร่อยแล้ว ประกอบกับของทอด ผักสดและข้าวหอมมะลิที่แช่ในน้ำลอยด้วยดอกไม้ เมื่อกินเข้าไปจะได้กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้เบาๆ เป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกเลยจริงๆครับ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจมาสัมผัสบรรยาพิเศษแบบนี้ ต้องทำการจองมาล่วงหน้าก่อนนะครับ แต่แนะนำว่าต้องหาโอกาสมาลิ้มลองรสชาติให้ได้ ห้ามพลาดนะครับ!

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. สำรองที่นั่งที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ระดับ Michelin Restaurant Bangkok ได้แล้ว วันนี้!

Michelin Restaurant Bangkok

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่อยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ที่ร้านอาหารระดับ Michelin Restaurant Bangkok ก็สามารถแวะเวียนมาลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทยได้ที่ “Royal Osha” ที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟมือทองมากประสบการณ์อย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ได้ทำการคัดเลือกวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน และถ่ายทอดความเป็นไทยลงไปในทุกคำ การันตีด้วยรางวัล Michelin 6 ปีซ้อน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมกับได้รับการแนะนำจาก Michelin Guide ที่สายชิมอาหารไทยระดับ Michelin ตัวจริงต้องห้ามพลาด และยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถนนวิทยุ เดินทางง่าย สะดวกสบาย มีที่จอดรองรับอย่างมากมาย ตอบโจทย์การรับประทานอาหารได้ในทุกโอกาส ที่ไม่ว่านักชิมชาวไทย หรือชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนมากจะต้องประทับใจกันอย่างแน่นอน ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาที่ Royal Osha 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok 

สามารถจองโต๊ะล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha