Posted on

รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ด้วยความปรารถนาที่อยากให้อาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา Royal Osha (รอยัล โอชา) ร้านอาหารไทยไฟน์ ไดนิ่ง หนึ่งใน Michelin Restaurant ที่ครองใจนักชิมทุกสัญชาติ การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน จัดทำโครงการ “รอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือ บันทึก นึกอร่อย” รังสรรค์ 10 เมนูพิเศษจากตำราอาหารของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ ถ่ายทอดโดยเชฟชื่อดัง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาวและเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ แห่งร้านรอยัลโอชา เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี โดยรายได้จาก 10 เมนูพิเศษหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

สำหรับงานเปิดตัวโครงการฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ  มูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วยเซเลบริตี้มากมาย มาร่วมงาน ณ ร้าน รอยัล โอชา ถนนวิทยุ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567

            ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล เจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา กล่าวว่า “นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรอยัลโอชา และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านการปรุงรสชาติอาหารหลากหลายเมนูที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น นำเสนอความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม พร้อมเสิร์ฟในนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์ ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้คนไทยรุ่นใหม่และต่างชาติได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของสำรับอาหารไทยที่แท้จริง”

           เกวลิน พิทยานุกุล เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนูและเจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา เผยว่า “ทุกเมนูอาหารมีความอร่อย จากคุณภาพวัตถุดิบที่ดีและการใส่ใจในเรื่องรสชาติ รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อนำเสนอความเป็นไทยสไตล์พรีเมียมให้นักชิมได้ลิ้มลองผ่านอาหารทุกคำ สัมผัสรสชาติอันซับซ้อนไม่ว่าจะเป็น รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เคล้ากลิ่นสมุนไพรพื้นบ้าน ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย”

           เชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef แห่ง รอยัลโอชา เผยถึงที่มาที่ไปของโครงการฯ ว่า “จากการได้ร่วมเป็น 1 ใน 4 เชฟ ที่ได้รังสรรค์เมนูจากหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทำโครงการกับมูลนิธิชัยพัฒนาและอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า สูตรอาหารจากตำรา บันทึก นึกอร่อย นั้นสามารถทำได้จริง โดยคัดเลือก 10 เมนู ได้แก่ ประทัดลม ยำหัวปลีกุ้งสด ยำตะไคร้กุ้งสด กระทงกุ้งกระทงมัน หมูเสียบสับปะรด ไก่สำอาง แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม แกงฮังเลหมู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก และน้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ  ซึ่งแต่ละเมนูสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการนำวัตถุดิบของไทยมาผสานกับวัตถุดิบต่างประเทศ รวมถึงความสนุกในการแกะสูตร ชิมรสชาติ เพราะสูตรในตำราบางเมนูไม่มีบอกปริมาณชั่งตวงวัด เนื่องจากเป็นสูตรอาหารไทยโบราณที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่านอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารไทยตำรับชาววังแล้ว ยังร่วมทำบุญด้วย โดยรายได้จากโครงการรอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือบันทึก นึกอร่อย หลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

          ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยตำรับชาววัง ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” 10 เมนูสุดพิเศษ

เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย อย่าง ประทัดลม เมนูชื่อแปลกหูนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนั้นไทยเริ่มทำการค้ากับชาวจีน เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านอาหาร ประทัดลม ทำจากฟองเต้าหู้ที่นำไปห่อตัวเครื่องที่ประกอบไปด้วย หมูสับ เนื้อปู ปรุงรสด้วยสามเกลอ และใส่แห้วเพื่อเพิ่มรสสัมผัส ห่อเป็นรูปทรงกระบอกพันหัวท้ายด้วยต้นหอมแล้วทำไปทอดให้กรอบ เสิร์ฟคู่พร้อมน้ำจิ้มสามรส ออกเผ็ดนิดๆ ตามต้นตำรับ

หมูเสียบสับปะรด อาหารทานเล่นสไตล์แบบบาร์บีคิว นำเนื้อหมูส่วนหัวไหล่จาก  Pork Matters  เนื้อหมูคุณภาพ ปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดงและยาปฏิชีวนะ อุดมไปด้วยไขมันดีจากโอเมก้า 3 หั่นเต๋าหมักด้วยน้ำสับปะรดและเครื่องเทศตามสูตรต้นตำรับ เพิ่มลูกเล่นด้วยการนำแกนกลางของสับปะรดมาใช้แทนไม้เสียบ นำไปย่างไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมของเนื้อหมูเคล้าเครื่องเทศ สามเกลอ ผสานกลิ่นน้ำสับปะรดที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหมู เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มทานเพลินยิ่งนัก

ต่อกันที่เมนูสลัดสไตล์ไทย อย่าง กระทงกุ้งกระทงมัน ยำส้มโอรสจัดจ้าน ผสานรสสัมผัสหลากหลายมิติของ ถั่วพู มะพร้าวคั่ว แห้ว และความกรอบของกระทงมันฝรั่ง ท็อปด้วยกุ้งชุบเกล็ดขนมปัง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่อร่อยคุ้มค่าแก่การลิ้มรส อีกหนึ่งเมนูยำที่คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับ ยำหัวปลีกุ้งสด หรือ  กัทลียำ ซึ่งกัทลี (กัด-ทะ-ลี) หมายถึง กล้วย โดยสูตรยำหัวปลีสูตรนี้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นหอมเจียว กระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่วป่น นอกจากนี้ยังมี ยำตะไคร้กุ้งสด ให้เลือกรับประทานและสนุกไปกับรสหอมของสมุนไพรไทย อย่าง ตะไคร้ นำมาซอยบางๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำสามรส โรยด้วยมะพร้าวคั่ว เสิร์ฟพร้อมกุ้งลวกด้วยน้ำเกลือ รับประทานแล้วจะได้รสชาติที่รู้สึกเบาสบาย สดชื่น

สำรับกับข้าวจานหลักมีให้เลือกครบสำรับ ทั้ง น้ำพริก แกง ต้มจืด ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ น้ำพริกหอมกลิ่นมะกรูดหาทานได้ยาก รสชาติคล้ายคลึงน้ำพริกกะปิ แต่เด่นด้วยการใช้มะกรูดมาเป็นตัวชูรสเปรี้ยว ทำให้มีกลิ่นหอมของมะกรูดที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น เป็นตำรับที่ท่านผู้หญิงประสานสุขได้มาจากวังวรดิศ โรยด้วยแคบหมูแบบครัมเบิ้ล (Crumble) ที่เวลารับประทานคู่กับน้ำพริกจะให้ความรู้สึกกรุบกรอบ ทานคู่กับผักเคียงตามฤดูกาล

อีกหนึ่งเมนูที่นำความเป็นไทยมาผสานกับวัตถุดิบฝรั่งด้วยการนำ แกงมัสมั่น เมนูอาหารที่ครองแชมป์ติดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเป็น “ราชาแห่งเครื่องแกง” มาผสมผสานกับความเปรี้ยวของ ส้มซันคิส แทนน้ำมะขามเปียก รังสรรค์เป็น แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม ให้รสชาติที่หอม เปรี้ยว หวาน หอมกลิ่นส้ม

แกงฮังเล อาหารชาวเหนือ หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่าง ข่า ขมิ้น หากใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจ ด้วยรสชาติ 4 รสกลมกล่อม ทั้ง เผ็ด หวาน เปรี้ยว และเค็ม ที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นชิ้นโต เคี้ยวจนนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับกระเทียมโทนดอกอร่อยเหาะ

ปิดท้ายกับ 2 เมนู ชื่อแปลกที่ต้องได้ลองสักครั้ง อย่าง ไก่สำอาง หอมกรุ่นกลิ่นกะทิเคล้ากลิ่นขมิ้น ครบรสด้วย น้ำตาล น้ำปลา มะนาว ทานคู่กับ ขิงหั่นฝอยทอด และน้ำมันพริก อาหารสำรับแบบไทยๆที่ขาดไม่ได้ แกงจืด หรือ ต้มจืด กับเมนู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก หอมหวานด้วยน้ำสต๊อกซดคล่องคอ เนื้อหมูบดปั้นก้อนที่ปรุงรสด้วยกระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว พริกไทย เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรับของเม็ดแมงลัก จัดเสิร์ฟสไตล์ ไซฟอน เพื่อสร้างสุนทรียแห่งกลิ่นอโรมาของสมุนไพรไทยขณะลิ้มรสความอร่อยของเมนูสุดพิเศษนี้

เพลิดเพลินกับ 10 เมนูพิเศษจากโครงการหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” กับรอยัลโอชา ตำรับอาหารชาววังของ ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล แบบ อาลาคาร์ท (à la carte) หรือ  แบบ 6 คอร์สเมนู ในราคา 4,000++ บาท หรือ  Chef’s Table 10 คอร์สเมนู ในราคา 6,000++ บาท  ได้ที่ ณ รอยัล โอชา ถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30 – 23.00 น.

สำหรับผู้สนใจลิ้มลองเมนูสไตล์  Chef’s Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สอบถามรายละเอียดได้ทาง โทร. 02-256-6555 หรืออีเมล [email protected]

Posted on

ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมี่ยม รสชาติล้ำเลิศ สูตรต้นตำรับเฉพาะจาก “รอยัล โอชา”

ขนมไหว้พระจันทร์
ขนมไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมี่ยม รสชาติล้ำเลิศ สูตรต้นตำรับเฉพาะจาก “รอยัล โอชา” นำเสนอไส้ใหม่ “หมูสามรสไข่เค็ม” หนึ่งในไส้พิเศษของ Classic Mooncake เฉพาะปีนี้เท่านั้น

ขนมไหว้พระจันทร์

เทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ รอยัล โอชา รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมี่ยม พิถีพิถันในทุกขั้นตอน มี 2 แบบได้แก่ แบบที่ 1 Classic Mooncake มีความกระทัดรัด พกพาสะดวก มาพร้อมการออกแบบที่สวยงาม และยังคงไว้ซึ่งความหรูหราตามแบบฉบับ รอยัล โอชา และ แบบที่ 2 Premium Mooncake มาใน Concept “Eternal of Moonlight ประกายแห่งแสงจันทร์” silhouette เส้นสีทอง ดุจประกายแสงแห่งจันทรา ลงบนกล่องกลมสีขาวบริสุทธิ์ สื่อถึงดวงจันทร์เปล่งประกายในยามค่ำคืน เปรียบดั่งคำอวยพรจากดวงจันทร์อันเป็นสิริมงคลทั้งผู้ให้ และผู้รับ พร้อมกันนี้ เชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef  แห่งร้าน รอยัล โอชา ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ “หมูสามรสไข่เค็ม”  ให้มาเป็นหนึ่งในไส้พิเศษของ Classic Mooncake ที่มีความจัดจ้านสร้างความแตกต่างของรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ได้อย่างลงตัว

Mooncake
Mooncake

หมูสามรส ส่วนประกอบจากหมูฝอยมาผัดกับซอส 3 รส รสชาติเปรี้ยว หวาน เผ็ด เป็นต้นตำรับของ
รอยัล โอชา ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันอย่างพิเศษจนได้ขนมที่มีความพิเศษในรสชาติและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับที่อื่น นับเป็นความพิเศษเฉพาะปีนี้เท่านั้น

รอยัล โอชาเป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับความนิยม Moon cake เป็นอย่างมากในทุกๆปี เลยได้นำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาผสมผสานกับวัฒนธรรมของจีน จนได้ออกมาเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ในปีนี้  ในรูปลักษณ์ ที่สวยงามลาย รอยัล โอชา และลายเส้นรูปหนุมาน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทางร้าน รอยัลโอชา

Mooncake

ตัวขนมที่เป็น Home made ผลิตด้วยความพิถีพิถันทุกขั้นตอน มีทั้งหมด 4 ไส้ ได้แก่ ไส้คัสตาร์ด ไส้ทุเรียนไข่เค็ม ไส้งาดำเม็ดบัว และ ไส้หมูสามรสไข่เค็ม โดยเฉพาะ แบบ Premium ที่บรรจุมาพร้อมกับ Organic Oolong tea Royal Osha selection ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ ที่สามารถดื่มด่ำเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับขนมไหว้พระจันทร์ตำรับรอยัลโอชา

สำหรับ Classic Mooncake ใน 1 set มี 8 ชิ้น กล่องทรงสี่เหลี่ยม พร้อมหูหิ้วอย่างหรูหราสวยงาม ราคากล่องละ 1,188 บาท และ Premium Mooncake ใน 1 set มี 8 ชิ้น บรรจุในตลับทอง พร้อม Organic Oolong tea Royal Osha selection ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ กล่องทรงกลม 2,988 บาท เหมาะกับ มอบเป็นของขวัญในเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้

Mooncake

ผู้สนใจ Premium Mooncake และ Classic Mooncake ขนมไหว้พระจันทร์ตำรับ รอยัล โอชา สามารถสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ได้แล้ว ตั้งแต่ 18 กรกฎาคม – 18 กันยายน 2567 สอบถามรายละเอียดได้ที่

Posted on

ทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กับเมนูคอร์สที่ Royal osha

Chef Table Restaurant

ทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กับเมนูคอร์สที่ Royal osha

การรับประทานอาหารแบบ “Chef Table” เป็นสไตล์การรับประทานอาหารที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีขั้นตอนในการปรุงอาหาร และการรับประทานที่ไม่เหมือนใคร และยังมีอาหารหลากหลายสัญชาติที่นิยมใช้สไตล์ Chef Table ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารตะวันตก หรือจะเป็นอาหารไทย ก็มีให้นักชิมได้ลิ้มลองเช่นกัน อย่างที่ Royal Osha ก็เป็น 1 ในร้าน Chef Table อาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลชั้นดี และผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยมือทอง จนได้เมนูอาหารไทยสไตล์ Chef Table ที่มีเอกลักษณ์ และเสน่ห์ของความเป็นไทยอยู่ในทุกสัมผัส โดยในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมไปทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กันมากขึ้นว่าคืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมของนักชิมอย่างแพร่หลาย และมีความแตกต่างจาก Fine Dining และ Omakase อย่างไร พร้อมแนะนำเมนูคอร์ส Chef Table จาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด

1. ร้าน Chef Table สไตล์การรับประทานอาหารที่รังสรรค์มาแบบตามใจเชฟ

Chef Table Restaurant

Chef Table มีความหมายตรงตัวที่ว่า “โต๊ะของเชฟ” คือ การที่นักชิมนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นขั้นตอนการทำอาหารของเชฟได้อย่างชัดเจน โดยจะเป็นโต๊ะ หรือเคาท์เตอร์ที่จะหันหน้าเข้าพื้นที่ครัวของเชฟ ซึ่งแต่ละเมนูที่นักชิมจะได้รับประทานนั้นก็จะเป็นเมนูที่จะรังสรร์คออกมาแบบตามใจเชฟ ที่จะมีเรื่องราว มีการคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน มีการปรุงอย่างประณีต และละเอียดละออ เพื่อให้ได้เมนูที่มีวัตถุดิบที่ดีที่สุด รสชาติดีที่สุด และสดใหม่ที่สุด และค่อยๆ ทำการเสิร์ฟทีละจาน รวมถึงนำเสนอตามลำดับที่ได้วางไว้ เพื่อให้ได้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่ดีที่สุด และเปิดประสบการณ์ในการสัมผัสศิลปะอีกแขนงหนึ่งผ่านการรับประทานอาหาร และการรับประทานอาหารในสไตล์ Chef Table นั้นก็ยังมีอาหารสัญชาติต่างๆ ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย เช่น อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก หรืออาหารจีน เป็นต้น เพราะว่าการทำอาหารร้าน Chef Table ไม่ได้มีการจำกัดสไตล์ หรือประเภทของอาหาร ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีร้าน Chef Table เกิดขึ้นอย่างมากมาย หลากหลายสไตล์ และได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมอย่างแพร่หลายมากขึ้น

2. ทำไมในปัจจุบันถึงนิยมรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table กันมากขึ้น?

การรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table ในปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าร้าน Chef Table จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในเรื่องของการทำอาหาร การบริการ และบรรยากาศ โดยเริ่มต้นจากการทำอาหารที่นักชิมสามารถเห็นได้เกือบทุกขั้นตอน ทำให้นักชิมรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการทำอาหารกับเชฟ ได้สัมผัสถึงวัตถุดิบที่มีความสด สะอาด และมีการปรุงแบบสดใหม่ ที่จะทำให้รสชาติอาหารที่ได้สัมผัสนั้นมีความอร่อยมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีบรรยากาศที่มีความตื่นเต้น ผ่อนคลาย และได้อรรถรสในการรับประทาน เพราะได้สัมผัสทั้งเสียง และกลิ่นในการทำอาหารแบบใกล้ชิด ค่อยๆ เสิร์ฟที่ละอย่าง เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับรายละเอียดต่างๆ ของอาหารอย่างเต็มที่ และมีจำนวนที่นั่งที่จำกัด ที่ทำให้เชฟสามารถบริการได้อย่างทั่วถึง ที่ทำให้นักชิมรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองด้วย และด้วยจุดเด่น และเอกลักษณ์ของการรับประทานอาหารร้าน Chef Table จึงทำให้นักชิมหันมาเลือกรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

3. ร้าน Chef Table vs Fine Dining vs Omakase แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

Chef Table restaurants

การรับประทานอาหารในร้าน Chef Table, Fine Dining และ Omakase เป็นสไตล์การรับประทานอาหารที่ในแต่ละแบบนั้นต่างได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่ว่านักชิมหลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าการรับประทานอาหารทั้ง 3 สไตล์นี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เลือกรับประทานให้ตรงกับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด โดยการรับประทานแบบ Chef Table นั้นก็จะมีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่กล่าวมาในหัวข้อข้างต้น และในส่วนของ Fine Dining และ Omakase ก็จะมีรายละเอียด และความแตกต่างกัน ดังนี้

  • Fine Dining เป็นการรับประทานอาหารที่จะมีการตกแต่งโต๊ะอย่างหรูหรา และจะมีการเลือกใช้เครื่องใช้ และภาชนะที่มีความหรูหราเช่นกัน มีเมนูให้เลือกทั้งแบบคอร์ส และ A La Carte มีการตกแต่งที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง มีการบริการที่มีมาตรฐานสูง และมีความเป็นทางการ แต่จะเหมือนกับร้าน Chef Table ตรงที่จะมีการเสิร์ฟทีละจาน และมีการจัดลำดับในการเสิร์ฟ เพื่อให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความอร่อย และรายละเอียดของแต่ละจานได้อย่างดีเยี่ยม

 

  • Omakase เป็นการรับประทานอาหารที่เหมือนกันกับร้าน Chef Table ที่จะเป็นเมนูแบบตามใจเชฟ แต่ว่าในภาษาญี่ปุ่นจะใช้คำว่า “Omakase” หรือโอมากาเสะ และจะแตกต่างกันตรงที่เมนูของโอมากาเสะนั้นจะเป็นเมนูซูชิ ซาชิมิ ซุป หรือเมนูอาหารญี่ปุ่นต่างๆ เป็นต้น

4. Royal Osha รูปแบบร้าน Chef Table ที่ปรุงแต่งทุกเมนูจากวัตถุดิบพรีเมียมโดยเชฟอาหารไทยประสบการณ์กว่า 40 ปี

Royal Osha เป็นรูปแบบร้าน Chef Table ที่ปรุงแต่งทุกเมนูจากวัตถุดิบพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และรังสรรค์มาจากเชฟมากฝีมือที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารไทยมากว่า 40 ปี โดยการคัดเลือกวัตถุดิบของ Royal Osha จะเป็นการใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย โดยวิธีการเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” เพื่อทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมาผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย และให้นักชิมได้อิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่การรับประทานอาหารตามฤดูกาลนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และนอกจากนั้นก็ยังมาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ด้วยการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยการนำวัตถุดิบตามฤดูกาล และพืช ผัก สมุนไพรไทย มาผ่านการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับของอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างชัดเจน ที่จะช่วยเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยได้อย่างลงตัว ทำให้เมนูอาหารของทาง Royal Osha นั้นมีครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน และแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของเมนู เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารได้อย่างหลากหลาย และได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละภาค ที่นักชิมจะได้สัมผัสถึงเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่  โดยในทุกเมนูนั้นไม่ได้เพียงแค่เลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมเท่านั้น แต่ยังผ่านการรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารไทยมือทองในระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef ประจำที่ Royal Osha ที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ที่ต้องการจะส่งต่อความอร่อยของอาหารไทยในสไตล์ร้าน Chef Table ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่าอาหารไทยนั้นมีความแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ ตรงที่มีครบความเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงาม และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรพื้นบ้านมากปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย และดีต่อสุขภาพ จึงได้นำประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี เพื่อนำมารังสรรค์ทุกเมนูของ Royal Osha ให้มีรสชาติ หน้าตา และเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ให้นักชิมได้สัมผัสได้ถึงความอร่อยตามแบบฉบับของอาหารไทยแท้ คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

5. แนะนำเมนูคอร์สจาก Royal Osha ร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัย

Chef Table restaurant

สำหรับนักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยแท้จาก Royal Osha ที่เป็นร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัย ที่ได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน และนำเสนอความเป็นไทยจากเชฟอาหารไทยมากประสบการณ์อย่างเชฟวิชิต มุกุระ จนได้เมนูคอร์สที่มีเมนูอย่างหลากหลายให้นักชิมได้ลิ้มลองกับเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ดังนี้

  • เนื้อปูม้าสามรสแบบเย็น เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อปูม้าชิ้นโต สดใหม่ หวาน ไม่คาว มาพร้อมกับพริกเขียวที่ช่วยเพิ่มความจัดจ้าน และแอปเปิ้ลที่มาในรูปแบบของกรานิต้า ที่ช่วยให้ได้รสชาติอร่อย กลมกล่อม เข้มข้น และสดชื่น เหมาะกับการเริ่มต้นมื้ออาหารเป็นอย่างมาก
  • แป้งกรอบและมูสตับห่านกับผงต้มยำ เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากแป้งกรอบสูตรเฉพาะของ Royal Osha ที่มีความหอม กรอบ มาพร้อมกับมูสฟัวกราส์ หรือตับห่านอย่างเข้มข้น และโรยด้วยผงต้มยำที่หอมสมุนไพร รสชาติจัดจ้าน เมื่อรับประทานด้วยกันแล้วเข้ากันอย่างลงตัว ที่ช่วยเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
  • แกงกะหรี่กับปูทาระบะย่าง เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากปูทาระบะชั้นดี ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างจนได้กลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับแกงกะหรี่เข้มข้นตามฉบับของ Royal Osha ที่ได้เข้ากันกับเนื้อปูสดใหม่ หวาน อร่อยได้อย่างลงตัว
  • ยำทูน่าสมุนไพรกับมาโยยูสุ เป็นเมนู Salad ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อทูน่าที่นำมายำเข้ากันกับสมุนไพรนานาชนิด ให้มีความหอม เข้มข้น จัดจ้าน ตัดด้วยรสชาติเปรี้ยว มัน กลมกล่อมจากซอสมาโยยูสุ เมื่อรับประทานในคำเดียวจะได้รสชาติที่มีความหอม จัดจ้าน และพอดีเป็นอย่างมาก
  • พล่าหอยเชลล์ฮอกไกโด เป็นเมนู Salad ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์พรีเมียมจากฮอกไกโดชิ้นโต เนื้อหวานนุ่ม ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างไฟอ่อนให้มีความสุกกำลังพอดี เสิร์ฟคู่กับพล่าที่มีส่วนประกอบของเครื่องพล่า และสมุนไพรนานาชนิด ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ความหอมสมุนไพร ความเผ็ด ครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของพล่าไทยโบราณ
  • กุ้งแดงสเปนย่างกับแกงเลียงและผักรวม เป็นเมนู Soup ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากกุ้งแดงสเปนตัวโต ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง เสิร์ฟคู่กับแกงเลียงที่มีความหอม หวาน มัน เผ็ดกำลังดี และผักรวมนานาชนิด ที่ช่วยเพิ่มความอร่อยกลมกล่อมมากขึ้น
  • ยำสมุนไพรงาหอมกับแตงโม เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากแตงโมชั้นดี หวานฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับยำสมุนไพรงาหอม ที่ทำให้ได้ทั้งความสดชื่น หวานฉ่ำ จัดจ้าน และหอมกำลังดี ที่รับประทานภายในคำเดียวแล้วจะมอบรสชาติของอาหารไทยโบราณได้อย่างลงตัว
  • ปลาหมึกยักษ์ทอดซอสไข่เค็มกับพริกดองส้ม เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากหนวดปลาหมึกยักษ์พรีเมียม ชิ้นโตเต็มคำ นุ่มหนึบ เนื้อหวาน สดใหม่ ไม่คาว ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการทอด คลุกเคล้ากับซอสไข่เค็มเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับพริกดองส้ม ที่ช่วยให้ได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม และจัดจ้านกำลังดี ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นที่ครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของอาหารไทย
  • เนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียย่างซอสผัดฉ่าและหน่อไม้ฝรั่ง เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียชั้นดี ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยย่างให้เนื้อมีความหอม ฉ่ำ ไม่เหนียว และไม่แห้งเกินไป เสิร์ฟคู่กับซอสผัดฉ่ารสชาติเข้มข้น และหน่อไม้ฝรั่งที่ผ่านการย่างมาให้มีความหอม นุ่ม เคี้ยวง่าย เข้ากันกับเนื้อได้อย่างอร่อยกลมกล่อม
  • เค้กวานิลลาน้ำผึ้งป่าดอกสาบเสือกับไอศกรีมชาไทยและครัมเบิลข้าวแต๋นน้ำแตงโม เป็นเมนูของหวานในคอร์สเมนูที่มีเค้กวานิลลาหอม หวาน นุ่ม ที่มาพร้อมกับไอศกรีมชาไทยเข้มข้น ราดด้วยน้ำผึ้งป่าดอกสาบเสือ และรับประทานคู่กันกับครัมเบิลข้าวแต๋นน้ำแตงโม ที่ช่วยล้างปาก และปิดมื้ออาหารสุดพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

นอกจากเมนูที่อยู่ในคอร์สเมนูแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารไทยแบบ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกรับประทานอีกกว่า 50 เมนู และสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่ร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัยอย่าง Royal Osha ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือคลิก ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

6. รีวิว Royal Osha ร้าน Chef Table อาหารไทยแท้จากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ

นอกจากรางวัลการันตีต่างๆ ที่ทางร้าน Chef Table อย่าง Royal Osha ได้รับ เช่น รางวัล Michelin Guide ที่ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ถึงคุณภาพ รสชาติ และบริการแล้ว ก็ยังได้รับรีวิวจากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha แบบเสียงจริง ตัวจริง ดังนี้ Annie21 “อาหารไทยมีระดับโดยเชฟวิชิต มีความสร้างสรรค์ สวยงาม คงความเป็นไทยในทุกเมนู และรสชาติก็อร่อยมาก บรรยากาศและการบริการก็ยอดเยี่ยมค่ะ” Coryne S Suzuki “Celebrated a very special birthday here ❤️ Food was outstanding! Both delicious and beautiful! Thank you for the wonderful hospitality and for making this evening so memorable!” WoWVal “Royal Osha เป็นสุดยอดอาหารไทยที่สวยงามวิจิตร รสชาติอาหารไทยที่แปลกใหม่ กับการนำเสนอที่เป็นเลิศ แปลกใจว่าทำไมไม่ได้ดาวมิชลิน” Jennifer Hsu “A very nice, elegant restaurant.  Nice food, beautiful restaurant, and high end service.  Highly recommended.” Yuphavadee “เป็นอาหารไทยที่มีรสชาดอร่อย คงความเป็นไทยๆ แบบฉบับเดิมๆ ทรงคุณค่าให้เด็กรุ่นใหม่ๆได้รู้จักอาหารไทยค่ะ รสมือเชฟ ฝีมือดี สถานที่สวยงาม จัดจานได้สง่า สมเป็น Royal Osha เลยทีเดียวค่ะ” Trairuk “Fine dining, authentic Thai food, out of this world service” Yupin “อาหารอร่อย จัดจานได้สวยงามน่ารับประทานมาก พนักงานบริการดี บรรยากาศภายร้านอบอุ่น สวยงาม เหมาะกับการต้อนรับชาวต่างชาติ และคนพิเศษ แนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ” Cathryn Cole “Great Thai cuisine. Some of the best food I have ever eaten in Thailand.” คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

7. เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยในร้าน Chef Table แบบร่วมสมัยได้ที่ Royal Osha

Chef Table restaurant

สำหรับนักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และอยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยร่วมสมัยในสไตล์ร้าน Chef Table ก็สามารถแวะมาลิ้มลองได้เลยที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ที่ทุกเมนูรังสรรค์มาจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และผ่านการปรุงจากเชฟมากฝีมืออย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ได้ดึงเอกลักษณ์ของวัตถุดิบ และถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านไปในอาหารทุกจาน เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสถึงเสน่ห์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มเปี่ยมในทุกคำที่ได้สัมผัส เข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างอร่อยกลมกล่อม ถูกปากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มี Location ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับการรับประทานได้ในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสการรับประทานอาหารไทยในร้าน Chef Table ในสไตล์ร่วมสมัย สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

 

Posted on

Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่รับรางวัลมิชลินมากถึง 6 ปีซ้อน

Michelin Award

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่รับรางวัลมิชลินมากถึง 6 ปีซ้อน

ถ้าหากพูดถึง “รางวัลมิชลิน” ที่เป็นรางวัลที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะว่ารางวัลมิชลินนั้นเป็นรางวัลที่สามารถการันตีได้ถึงคุณภาพของร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ด้วยเกณฑ์การคัดเลือกที่ค่อนข้างเข้มงวด ตั้งแต่ในเรื่องของวัตถุดิบ การปรุง การนำเสนอ ไปจนถึงการบริการ และรายละเอียดต่างๆ ที่ผ่านการตัดสินจากเหล่านักชิมจาก Michelin Guide ที่แฝงตัวเข้าไปรับบริการ จึงทำให้รางวัลมิชลินนั้นเป็นอีกหนึ่งรางวัลยอดนิยม ที่เป็นตัวช่วยตัดสินใจในการเลือกร้านอาหารของเหล่านักชิม และ Royal Osha ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยที่ได้รับรางวัลมิชลินมามากถึง 6 ปีซ้อน ที่นักชิมอาหารไทยตัวยงต้องห้ามพลาดที่แวะเวียนมาลิ้มลองเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่มีความแปลกใหม่ แต่ยังความเป็นไทยให้นักดื่มได้สัมผัสกันในทุกคำ

1. “รางวัลมิชลิน” เครื่องการันตีคุณภาพร้านอาหาร ที่เป็นที่ยอมรับของนักชิมทั่วโลก

Michelin Award

รางวัลมิชลิน” หรือรางวัล Michelin Guide เป็นรางวัลที่เกิดจากการทำหนังสือคู่มือในการเดินทาง หรือ Guide Book ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยบริษัทยางรถยนต์จากฝรั่งเศสอย่าง Michelin ที่ภายในหนังสือนั้นจะมีข้อมูลของการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารต่างๆ ที่ควรค่าแก่การแวะชิม เมื่อได้เดินทางผ่านในเส้นทางๆ นั้นๆ โดยเฉพาะร้านอาหารที่จะมีการจัดอันดับด้วยการใส่สัญลักษณ์ต่างๆ หรือการรีวิวสั้นๆ  ที่จะมีตั้งแต่ร้านอาหารหรูหรา, Fine Dining, Street Food หรือร้านอาหารทั่วไป เพราะว่ารางวัลมิชลินนั้นสร้างขึ้นมาเพื่อการันตีคุณภาพของร้านอาหาร และทุกร้านนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับ Michelin Guide ได้ทั้งหมด โดยรางวัลมิชลินนั้นสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

  • รางวัลมิชลิน 1 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 2 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางออกนอกเส้นทาง เพื่อหยุดแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกล เพื่อไปชิมสักครั้ง


โดยในทุกๆ การประเมินรางวัลมิชลินนั้นก็จะมีหลักเกณฑ์ในการประเมินที่เท่าเทียมกันในทุกร้าน และจัดประเมินจากคุณภาพ วัตถุดิบ และบริการตามจริง ดังนั้น รางวัลมิชลินจึงเป็นรางวัลที่เหล่านักชิมนั้นให้ความเชื่อถือ และมั่นใจ และใช้เป็นตัวช่วยในการการันตีคุณภาพ รสชาติอาหาร และบริการ และช่วยให้นักชิมสามารถตัดสินใจเลือกร้านอาหารได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

2. เกณฑ์การคัดเลือกรางวัลมิชลิน ที่ผ่านการตัดสินอย่างเป็นกลางจากนักชิม Michelin Guide ตัวจริง

การคัดเลือกร้านอาหารที่จะได้รับรางวัลมิชลินก็จะมีเกณฑ์การคัดเลือกของทาง Michelin Guide ที่จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมดในร้านอาหารทุกรูปแบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปตามมาตรฐานของทาง Michelin ที่สามารถการันตีคุณภาพของร้านอาหารได้ตามจริง และตรงไปตรงมามากที่สุด และถ้าหากร้านอาหารมีคุณสมบัติครบถ้วน และตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็ถึงจะได้รับรางวัลมิชลิน โดยเกณฑ์การคัดเลือก และการประเมินของรางวัลมิชลิน มีดังนี้
  • คุณภาพของวัตถุดิบ เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ว่ามีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัยตามมาตรฐานหรือไม่
  • เทคนิคการปรุงแต่ง เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากเทคนิคในการปรุงแต่ง และรังสรรค์เมนูของเชฟว่ามีความเชี่ยวชาญ ชำนาณ ประณีต และสามารถดึงรสชาติ และจุดเด่นของวัตถุดิบออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
  • การนำเสนออาหารของเชฟ เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากการนำเสนออาหารของเชฟว่าสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านออกมาทางอาหารได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าเชฟแต่ละคนนั้นจะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้เมนูอาหารที่ออกมานั้นสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันตามไปด้วย
  • ความคุ้มค่าคุ้มราคา เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากการราคาอาหารว่ามีความคุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ ที่จะดูจากความเหมาะสมของวัตถุดิบ และรสชาติ รวมถึงบริการที่นักชิมจะได้รับจากร้านอาหารนั้นๆ ด้วย
  • การรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลาย เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากความเสมอต้นเสมอปลายที่ทางร้านอาหารจะต้องทำการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานในทุกๆ ด้านให้มีความคงที่ ทั้งเรื่องวัตถุดิบ รสชาติ การปรุงแต่ง การนำเสนอ ราคา และบริการ เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานที่ผู้ประเมินได้ทำการประเมินไว้ และตรงกับความคาดหวังของทาง Michelin Guide
โดยในส่วนของผู้ประเมินนั้นจะเป็น “ผู้ตรวจสอบของทาง Michelin Group” ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำงาน หรือคลุกคลีอยู่ในวงการอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม หรือสายงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้ทุกการประเมินนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเกิดจากจรรยาบรรณ ความเข้าใจ และความรู้จริงของผู้ประเมิน และที่สำคัญ คือ ผู้ประเมินจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งสิ้น รวมถึงทำการชำระค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารเต็มจำนวน และจะเข้าการประเมินคุณภาพของร้านแบบไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับการปฏิบัติ หรือสิทธิพิเศษเหนือจากลูกค้าทั่วไป และในแต่ละการประเมินนั้นจะเป็นการประเมิน และตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้ตรวจสอบหลายๆ คนที่แวะเวียนเข้าไปใช้บริการ ดังนั้น การประเมินคุณภาพ และมาตรฐานของรางวัลมิชลินนั้นจึงเป็นรางวัลที่มีความน่าเชื่อถือ และทำให้นักชิมมั่นใจได้เลยว่าร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินนั้นมีคุณภาพ และมาตรฐานสมกับที่ได้รับรางวัลอย่างแน่นอน

3. Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ที่ได้รับรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อน และรางวัลการันตีอื่นๆ อีกมากมาย

Michelin award

นอกจากรางวัลมิชลินที่ทาง Royal Osha ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน ก็ยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ว่า Royal Osha เป็นร้านอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ที่มีเมนูอาหารรสชาติครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถตอบโจทย์นักชิมที่ชื่นชอบอาหารไทยทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี โดยรางวัลการันตีที่ทาง Royal Osha ได้รับ มีดังนี้

  • รางวัลมิชลิน หรือ Michelin Guide เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 6 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2019, 2020, 2021, 2022, 2023 และ 2024 ที่มีการคัดเลือกจากคุณภาพวัตถุดิบ, เทคนิคการปรุงอาหาร, รสชาติอาหาร, ความคิดสร้างสรรค์ และความเสมอต้นเสมอปลายของร้านอาหารมิชลิน
  • รางวัล Wongnai และ User’s Choice Wongnai เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 5 ปี ได้แก่ ปี 2021, 2020, 2018, 2017 และ 2016 ที่มีการคัดเลือกจากรีวิวของผู้ที่เคยรับประทาน และมีประสบการณ์จริงเท่านั้น และรางวัลนี้จะมอบให้กับร้านอาหารที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในด้านอาหารของคนไทยโดยเฉพาะ
  • รางวัล Thailand Tatler Best Restaurants เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 3 ปี ได้แก่ ปี  2020, 2018 และ 2017 ที่ได้รับการคัดเลือกจากหนังสือ Thailand Tatler Best Restaurants ที่ได้รวบรวมร้านอาหารชั้นเลิศ และรสชาติยอดเยี่ยมระดับ 5 ดาว ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกคนสำคัญ หรือนักท่องเที่ยว ที่มีต่อร้านอาหารไทยได้เป็นอย่างดี
  • รางวัล Thai Select Premium เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 2 ปี ได้แก่ ปี 2022 และปี 2019 ที่มีการคัดเลือกจากคุณภาพยอดเยี่ยม มีการตกแต่งสวยงาม และมีบริการดีเยี่ยม โดยรางวัลนี้จะต้องได้รับคะแนนมากกว่า 90 คะแนนขึ้นไป และจะต้องเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายเฉพาะอาหารไทยแท้เท่านั้น
  • รางวัล HELLO! Taste Award เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับในปี 2022 ที่มาจากการเฟ้นหาร้านอาหารในดวงใจของเหล่านักชิม และเซเลบริตี้ของนิตยสาร HELLO! ที่สะท้อนถึงคุณภาพ รสชาติ และหน้าตาของอาหารที่มีความพรีเมียมในทุกๆ ด้านจนสามารถครองใจเหล่านักชิมได้

 

ด้วยรางวัลการันตีทั้งรางวัลมิชลิน และรางวัลอื่นๆ ที่ทาง Royal Osha ได้รับนั้นนักชิมสามารถมั่นใจได้เลยว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่ Royal Osha จะสามารถสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่มีความพรีเมียมได้ในทุกอณู ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ก็สามารถสำรองที่นั่งได้เลย ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. คัดเลือกวัตถุดิบฤดูกาล สด ใหม่ สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานของรางวัลมิชลิน

การคัดเลือกวัตถุดิบของทาง Royal Osha นั้นจะเป็นการใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย ที่ตรงกับตามเกณฑ์การประเมินของรางวัลมิชลินที่จะต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี โดยวิธีการเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” เพื่อทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมาผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย ที่มาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ด้วยการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยการนำวัตถุดิบตามฤดูกาล และพืช ผัก สมุนไพรไทย มาผ่านการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับของอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างชัดเจน ที่จะช่วยเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยได้อย่างลงตัว และยังมีอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆตามแต่ละภาค ทำให้อาหารไทยทุกเมนูของ Royal Osha นั้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ที่นักชิมจะได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นปรุงแต่งมาจากวัตถุดิบตามฤดูกาล จึงทำให้เมนูของ Royal Osha จะแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารได้อย่างหลากหลาย และได้ดูแลสุขภาพตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่การรับประทานอาหารตามฤดูกาลนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทยเป็นพิเศษ ก็สามารถแวะเวียนมาลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ได้ที่ Royal Osha ตลอดทั้งปี

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

5. รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยมือทอง ที่นำเสนอทุกเมนูอย่างประณีตสมกับที่ได้รางวัลมิชลินมากถึง 6 ปี

Michelin Award

นอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพตามหลักเกณฑ์ของ Michelin Guide ในทุกเมนูของ Royal Osha ก็ได้ผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยมือทองในระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ และในปัจจุบันก็เป็น Executive Chef ประจำที่ Royal Osha โดยจุดเริ่มต้นของ Royal Osha นั้นก็มาจากความมุ่งมั่นของเชฟวิชิต มุกุระ ที่อยากจะลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่มีความท้าทาย และช่วยยกระดับวงการอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักของทั่วโลกมากขึ้น จึงได้จับมือกับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อสร้างร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha ขึ้นมา ที่จะได้ส่งต่อความอร่อยของอาหารไทย ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่าอาหารไทยนั้นมีความแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ ตรงที่มีครบความเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงาม และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรพื้นบ้านมากปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย และดีต่อสุขภาพ ที่ถือว่าเป็น Signature ของอาหารไทย และไม่เพียงแค่ความตั้งใจในการเผยแพร่อาหารไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกเท่านั้น แต่เชฟวิชิต มุกุระ ยังได้นำประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี รวมถึงประสบการณ์ในการเป็นอาจารย์สอนที่ โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารอีกมากมาย จึงทำให้ในทุกเมนูของ Royal Osha นั้นมีรสชาติ หน้าตา และเอกลักษณ์ที่บ่งบอกได้ถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่ได้ถ่ายทอดผ่านทางอาหาร และได้นำเสนอไปยังนักชิมได้อย่างเต็มที่ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกรางวัลมิชลินที่ทำให้ทาง Royal Osha ได้รับรางวัลมิชลินมามากถึง 6 ปีซ้อน ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสความพิถีพิถัน ความประณีต และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาหารไทยรางวัลมิชลินที่ Royal Osha ก็สามารถแวะเวียนมาชิมเมนูอาหารที่มีทั้งแบบ Course และ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกสรรกันตามสไตล์ที่ชื่นชอบรับประทานได้เลย

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

6. แนะนำเมนูอาหารรางวัลมิชลินจาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด

สำหรับเมนูอาหารไทยรางวัลมิชลินจาก Royal Osha นั้นก็มีให้นักชิมเลือกรับประทานทั้งแบบ Course ที่เชฟได้ทำการรังสรรค์มาเป็นอย่างดีในแต่ละฤดูกาล และ A La Carte ที่มีให้นักชิมได้เลือกรับประทานเมนูตามใจชอบ โดยเมนูแนะนำรางวัลมิชลินที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • เมี่ยงคำกุ้ง, ปู หรือตับห่าน เป็นเมนูที่นักชิมสามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานเป็นกุ้ง ปู หรือตับห่าน ที่ผ่านการคัดสรรมาแบบสด ใหม่ และสะอาด เสิร์ฟคู่กับกลีบดอกบัวที่มีความกรอบ และเข้ากันกับสมุนไพรนานาชนิดได้เป็นอย่างดี และเพิ่มความกลมกล่อมด้วยซอสมะขามเผ็ด ที่ช่วยให้ได้รสชาติเมี่ยงคำตามฉบับไทยแท้
  • กุ้งแช่น้ำปลา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากกุ้งลายเสือตัวโต หวาน กรอบ ไม่คาว ที่แช่มาในน้ำปลาปรุงรสอร่อย กลมกล่อม ที่มีแตงกวา พริกเขียว มะนาว และกรานิต้า ที่ช่วยให้ได้รสชาติจัดจ้าน และเข้มข้นในทุกคำ
  • น้ำพริกไข่ปู เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากไข่ปูม้า ที่ผ่านการปรุงสุกให้เป็นน้ำพริกรสชาติจัดจ้าน เสิร์ฟคู่กับผักนานาชนิด ที่มีความกรอบ หวาน อร่อย เมื่อรับประทานแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเป็นน้ำพริกไข่ปูตามแบบฉบับเครื่องจิ้มไทยโบราณ
  • ต้มแซ่บเนื้อน่องลาย เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อน่องลายชั้นดี ที่มีความเหนียวนุ่มกำลังดี ไม่คาว ผ่านการปรุงสุกในน้ำต้มแซ่บที่ปรุงด้วยสมุนไพรนานาชนิด และพริกแห้ง ที่ให้รสชาติเผ็ดจัดจ้านถึงใจ และเข้ากันกับเนื้อน่องลายได้อย่างกลมกล่อม
  • แพนงแก้มวัว หรือไก่ เป็นเมนูที่นักชิมสามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานเป็นแก้มวัว หรือไก่ ที่จะนำมาปรุงสุกด้วยการแกงในเครื่องแกงแพนงไทยโบราณ ที่มีความหอม เผ็ด จัดจ้าน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี
  • หอยเชลล์ผัดน้ำพริกเผา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์ฮอกไกโด ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการผัดในน้ำพริกเผาชั้นดีที่มีความเผ็ด และหวานกำลังดี พร้อมกับใบกะเพราที่เพิ่มความหอมชวนหิว รับประทานคู่กับข้าวสวย หรือรับประทานเล่นก็อร่อยลงตัว
  • ทับทิมกรอบกรานิต้า เป็นเมนูอาหารหวานที่มีส่วนประกอบของทับทิมกรอบที่มีความกรอบ หวาน นุ่ม หนึบหนับ แช่มาในน้ำกะทิที่มีความหอม หวาน และมัน ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี และเป็นเมนูอาหารหวานที่ช่วยปิดมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้น ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

7. ลิ้มลองอาหารไทยแท้ระดับรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อนได้แล้ว วันนี้! ที่ Royal Osha

Michelin Award

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่อยากจะแวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha การันตีคุณภาพ รสชาติ บริการ และความคุ้มค่าคุ้มราคาจากรางวัลมิชลินที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน ด้วยเมนูอาหารไทยที่รังสรรค์มาจากวัตถุดิบพรีเมียมแบบ Seasonal และผ่านปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารไทยมือทองแนวหน้าของเมืองไทยอย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างเต็มเปี่ยม มีความครบรส ครบเครื่อง ครบองค์ประกอบ มีความกลมกล่อม ทำให้เมนูอาหารไทยที่นักชิมได้ลิ้มลองกันนั้นมีหลากหลายสไตล์ และสามารถเข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ได้ง่าย สามารถตอบโจทย์นักชิมได้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส เดินทางง่าย ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สะดวกสบาย ดังนั้น นักชิมที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่มีความแปลกใหม่ แต่ยังคงความเป็นไทยไว้เต็มเปี่ยม สามารถติดต่อสอบถาม หรือสำรองที่นั่ง ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

 

Posted on

Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok

Michelin Restaurant Bangkok

Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ถูกจัดอยู่ใน Michelin Restaurant Bangkok ที่นักชิมชาวไทย และนักชิมชาวต่างชาตินิยมแวะเวียนกันมาลิ้มลองอาหารไทยแท้กันในช่วงเวลาที่มีโอกาส ด้วยรสชาติของอาหารที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ผ่านการปรุงแต่งจากเชฟมากฝีมือ วัตถุดิบมีความสด ใหม่ สะอาด และใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal มาพร้อมกับการบริการด้วยความใส่ใจ และบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม จึงทำให้ Royal Osha เป็น 1 ในร้านอาหาร Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน และยังได้รับการแนะนำจาก Michelin Guide และสามารถจองผ่านทางเว็บไซต์ได้โดยตรงอีกด้วย ดังนั้น นักชิมคนไหนที่กำลังมองหาร้านอาหาร Michelin Restaurant Bangkok ที่สามารถตอบโจทย์การรับประทานอาหารได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง หรือโอกาสไหนๆ “Royal Osha” ก็พร้อมที่จะต้อนรับ และบริการนักชิมทุกท่านให้เกิดความประทับใจ และคิดถึงเราทุกครั้งที่อยากจะลิ้มลองอาหารไทย

1. ทำไมนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติถึงนิยมเลือกรับประทาน ร้านอาหาร Michelin Restaurant Bangkok

Michelin Restaurant Bangkok

ถ้าหากพูดถึงร้านอาหาร “Michelin Restaurant Bangkok” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักชิมเป็นอย่างมาก เพราะว่า Michelin Restaurant Bangkok เป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin ที่เป็นรางวัลที่สามารถการันตีได้ในเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบ การสร้างสรรค์จากเชฟ การนำเสนอเมนูอาหาร การบริการ และราคาที่มีความสมเหตุสมผล ทำให้นักชิมมีความมั่นใจในว่าในทุกครั้งที่เลือก Michelin Restaurant Bangkok นั้นจะได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่ดี และก็จะช่วยให้นักชิมสามารถตัดสินใจรับประทานอาหารที่ Michelin Restaurant Bangkok ได้ง่ายขึ้น โดย Royal Osha ก็เป็น 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับความนิยมจากนักชิมชาวไทย และนักชิมชาวต่างชาติ ด้วยเมนูอาหารที่เป็นอาหารไทยแท้ ที่ผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยที่อยู่ในวงการอาหารไทยมามากกว่า 40 ปี และมีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่ช่วยให้นักชิมได้รับประทานอาหารไทยอย่างอิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพในเวลาเดียวกัน มาพร้อมกับการนำเสนอจากเชฟ และการบริการต่างๆ ที่บริการด้วยความเต็มใจ และเอาใจใส่ และยังมีราคาในแต่ละเมนู และแต่ละคอร์ส ที่มีความคุ้มค่า และสมเหตุสมผลกับรายละเอียดต่างๆ ที่นักชิมจะได้รับอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Michelin Restaurant Bangkok หลายๆ ร้าน และ Royal Osha เป็นตัวเลือกในการลิ้มลองอาหารไทยอันดับต้นของนักชิมทุกสัญชาตินั่นเอง

2. “Royal Osha” ร้านอาหารไทยระดับ Michelin Restaurant Bangkok ที่แนะนำโดย Michelin Guide

“Royal Osha” เป็น ร้านอาหารไทยระดับ Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน และได้รับการแนะนำในหน้าเว็บไซต์ของ Michelin Guide โดยตรง ด้วยความที่ Royal Osha นั้นเป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับการรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติว่าเป็น Michelin Restaurant Bangkok ที่มีเมนูอาหารอร่อย คุณภาพวัตถุดิบพรีเมียม ผ่านการนำเสนอที่พิถีพิถัน และมีบริการที่ดีเยี่ยม” ตรงตามเกณฑ์การประเมินของทาง Michelin Guide และก็ได้รักษาคุณภาพ และมาตรฐานตามเกณฑ์ จนได้รับรางวัลดังกล่าวติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี และได้รับความไว้วางใจจากนักชิมที่นึกถึงอาหารไทยเมื่อไหร่ ก็จะกลับมาลิ้มลองที่ Royal Osha อีกครั้งอยู่เสมอ

โดยทุกเมนูอาหารไทยของ Royal Osha นั้นก็ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ ที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล มีความสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นในการคัดสรรวัตถุดิบของ Royal Osha และการเลือกสรรวัตถุดิบแบบนี้นั้นเกิดมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย เพื่อให้ได้อาหารไทยที่มีความครบเครื่อง มีหลากหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงามละลานตา และมีรสชาติที่ผ่านการปรุงให้มีความกลมกล่อมตามอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด พร้อมกับใช้แนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และการใช้พืช ผัก สมุนไพรมาปรุงเป็นอาหารนั้นตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และด้วยการผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบตามฤดูกาล พืช ผัก และสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา และได้มีการปรุงแต่งออกมาเป็นอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน ที่มีความครบเครื่อง พร้อมกับผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากจากเชฟมากฝีมืออย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” ที่เป็น Executive Chef แห่ง Royal Osha และเป็นเชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ที่มีประสบการณ์ในการเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี และยังเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารมากมาย จึงทำให้อาหารทุกเมนู ทุกจานของ Royal Osha นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถถ่ายทอดความเป็นไทยให้นักชิมได้สัมผัสกันอย่างเต็มที่ สมกับเป็น 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok ที่นักชิมคนไหนได้แวะมาลิ้มลองก็เกิดการบอกต่อกันอย่างแน่นอน

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. แนะนำเมนูยอดนิยม No.1 Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha

Michelin Restaurant Bangkok

สำหรับนักชิมที่อยากจะสัมผัสความเป็นไทยผ่านเมนูอาหารไทยแท้จาก Royal Osha ร้านอาหารไทยระดับ Michelin Restaurant Bangkok แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกรับประทานเมนูไหนดี ต้องห้ามพลาด “ช้าวแช่ชาววัง ตำรับรอยัล โอชา” ที่ถือว่าเป็นเมนูยอดนิยม No.1 ที่เหล่านักชิมที่ได้ลิ้มลองจะต้องรอคอยเมนูนี้กันในช่วงฤดูร้อนของทุกปี เพราะว่าเมนูข้าวแช่นั้นจะมีแค่เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น และมีให้เลือกรับประทานทั้งแบบ Dine-in และ Take Away ที่สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานของนักชิมได้อย่างหลากหลาย

โดยเมนูข้าวแช่ ตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชานั้นมีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ที่ผ่านการปรุงรส และสร้างสรรค์มาอย่างประณีตตามตำรับของ Royal Osha จนได้เครื่องเคียงที่มีรสชาติที่มีอร่อย กลมกล่อม ตามแบบฉบับของข้าวแช่ไทยโบราณ แต่มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Royal Osha โดยเครื่องเคียงของข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา ทั้ง 7 อย่าง มีดังนี้

  • ลูกกะปิ
  • หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง
  • พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง
  • ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด
  • หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม
  • ปลายี่สนผัดหวาน
  • หัวไชโป๊วผัดหวาน 

 

ซึ่งทั้ง 7 เมนูเครื่องเคียงนั้นก็จะรังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่ได้ทำการเลือกสรรมาเป็นอย่างดี และพิถีพิถัน สะอาด สดใหม่ ปลอดภัย เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น เพื่อช่วยให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความกลมกล่อม และรสชาติของข้าวแช่ตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเมนูข้าวแช่ต้นตำรับรอยัล โอชา จาก Michelin Restaurant Bangkok ที่มีความหอม อร่อย สดชื่น กลมกล่อม จึงทำให้นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติตั้งตารอการกลับมาของเมนูนี้ในทุกๆ ปี และเป็นเมนูยอดนิยมที่สายชิมอาหารไทยตัวจริงต้องแวะมาลิ้มลองให้ได้สักครั้ง

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

4. แนะนำเมนูอาหารคาว Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha

สำหรับนักชิมที่อยากจะลิ้มลองอาหารไทยที่ผ่านการถ่ายทอดความเป็นไทยมาให้นักชิมได้สัมผัสกันนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแบบคอร์ส หรือ A La Carte ก็มีแต่เมนูที่มีเอกลักษณ์ กลิ่นอาย และเก็บรายละเอียดทุกความเป็นไทยไว้ในทุกคำ โดยเมนูอาหารคาว Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha ที่นักชิมต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ยำทูน่าสมุนไพรกับมาโยยูสุ เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาจากทูน่าชั้นดี ผ่านการปรุงรสที่มีความจัดจ้าน และหอมสมุนไพรอย่างชัดเจน ผสมผสานเข้ากันกับซอสมาโยยูสุที่มีความหอม อมเปรี้ยว สดชื่น ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี ท็อปด้วยคาเวียร์ และเครื่องเคียงต่างๆ ทำให้เวลาที่นักชิมรับประทานภายในคำเดียวก็จะสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อม และลงตัวเป็นอย่างมาก
  • พล่าหอยเชลล์ฮอกไกโด เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาจากหอยเชลล์พรีเมียมจากฮอกไกโด ตัวโต สดใหม่ เนื้อหวานนุ่ม ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างไฟอ่อนให้มีความหอม และเนื้อของหอยเชล์มีความหวานฉ่ำมากขึ้น ท็อปด้วยเครื่องพล่าที่มีการปรุงรสมาอย่างเข้มข้น และจัดจ้าน เมื่อรับประทานเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของพล่าไทยโบราณ
  • ปลาหมึกยักษ์ทอดซอสไข่เค็มกับพริกดองส้ม เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากหนวดปลาหมึกยักษ์ชั้นเลิศ ชิ้นโตเต็มคำ นุ่มหนึบ ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการทอด คลุกเคล้ากับซอสไข่เค็มเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับพริกดองส้ม ที่ช่วยให้ได้รสชาติที่มีความหอม กลมกล่อม จัดจ้าน ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นที่ครบเครื่อง ครบรส

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารคาวอื่นๆ ในคอร์ส และเมนู A La Carte อีกมากมายให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันตามความชอบ และสามารถสำรองที่นั่ง เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางต่างๆ ตามที่นักชิมสะดวกได้แล้ว วันนี้!

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

5. แนะนำเมนูอาหารหวาน Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha

Michelin Restaurant Bangkok

หลังจากรับประทานอาหารคาวแล้ว ก็ต้องรับประทานอาหารหวานตามสไตล์การรับประทานของชาวไทย โดยเมนูอาหารหวานของ Royal Osha นั้นก็จะมีทั้งเมนูดั้งเดิม และเมนูฟิวชั่นให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย และยังความความเป็นไทยไว้ในทุกเมนู  โดยเมนูอาหารหวาน Michelin Restaurant Bangkok จาก Royal Osha ที่นักชิมต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ขนมโคน้ำกะทิ เป็นเมนูอาหารหวานที่มีขนมโคเนื้อนุ่ม หนึบหนับ มาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน หอมหวานอร่อย ลอยอยู่ในน้ำกะทิที่มีความหอม มัน เข้มข้น หวานกำลังดี และมีควันเทียนหอมๆ ตลบอบอวล ที่ทำให้เวลานักชิมรับประทานนั้นจะสัมผัสได้ถึงความหอม หวาน มัน ตามแบบฉบับขนมหวานไทยโบราณ
  • แครมบรูว์เลมะพร้าวอ่อน เป็นเมนูอาหารหวานที่มีการผสมผสานระหว่างแครมบูว์เลที่มีความหอมวานิลลา เนื้อเนียนนุ่มคล้ายคัสตาร์ด มาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน หอมนุ่มตามสไตล์มะพร้าวอ่อนของไทย ที่เข้ากันเนื้อสัมผัสของแครมบรูว์เลเป็นอย่างดี 
  • ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นเมนูอาหารหวานที่นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติรู้จักกันเป็นอย่างดี ที่มีข้าวเหนียวมูน หอม หวาน นุ่ม มาพร้อมกับมะม่วงน้ำดอกไม้สีเหลืองสวย หวานฉ่ำ รับประทานคู่กับข้าวเหนียวมูน และน้ำกะทิที่มีความหวานมัน มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับข้าวเหนียวมะม่วงไทยแท้ 

 

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารหวานอื่นๆ ในคอร์ส และเมนู A La Carte อีกมากมายให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันตามความชอบ และสามารถสำรองที่นั่ง เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Restaurant Bangkok ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางต่างๆ ตามที่นักชิมสะดวกได้แล้ว วันนี้!

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

6. รีวิว Royal Osha 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok ยอดนิยมจาก Food Blogger 

นอกจาก Royal Osha จะเป็น Michelin Restaurant Bangkok ที่ได้รับรางวัลการันตีมาอย่างมากมายแล้ว ก็ยังได้รับรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เข้ามารับบริการจากช่องทางต่างๆ อย่างหลากหลาย รวมถึงรีวิวจาก Food Blogger ที่รีวิวอาหารโดยเฉพาะอีกด้วย โดยรีวิวจาก Food Blogger ที่แวะมาลิ้มลองความอร่อยฉบับไทยแท้ที่ Royal Osha มีดังนี้

“Goohiw”

Royal Osha เป็นร้านอาหาร Fine-dining หรูหรา อยู่บนถนนวิทยุ ใกล้แยกสารสิน ร้านตกแต่งสวยงาม เหมาะมากสำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษหรือตอนรับแขกบ้านแขกเรือน พาชาวต่างชาติมาทาน กำแพงที่ตกแต่งด้วย Wall Paper เป็นภาพวาดเรื่องราวของรามเกียรติ์ สวยงามอลังการมาก แชนเดอร์เรียรูปชฎา สูงใหญ่สวยงาม เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้านเลย ร้านนี้ตกแต่งหรูหราสวยงามโดยแฝงสเน่ห์ของความเป็นไทย มองไปทางไหนก็สะกดสายตา ข้าวแช่ต้นตำหรับชาววังถือว่าดีงามพระรามแปดมาก ทั้งรสชาติและความเพลิดเพลิน เรียกว่าเป็นข้าวแช่ที่เพอร์เฟกต์ไปทุกอย่าง สมราคาคุย ตามมาด้วยกุ้งแช่น้ำปฃลา ที่ทำมาจากกุ้งสดเด้ง แต่ไม่มีกลิ่นคาว รสของซอสแซ่บกลมกล่อม ความเผ็ดปานกลาง แต่ถ้าสำหรับลิ้นชาวต่างชาติจานนี้ก็ถือว่าเผ็ดอยู่มากทีเดียว ปิดท้ายด้วยขนมโคไรซ์เบอร์รี ที่เป็นขนมโคในน้ำกะทิ ท็อปปิ้งด้วยข้าวพองไรซ์เบอร์รี่ ด้านบนเป็นข้าวพองไรซ์เบอร์รี่กรอบๆ ด้านล่างจะเป็นขนมโค ขนมโคเนี่ยเป็นขนมพื้นบ้านของภาคใต้ ด้านนอกเป็นแป้งนุ่มๆ ข้างในเป็นมะพร้าวขูดเค็มๆมันๆ มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ทานพร้อมกัน อร่อย หอมมากๆ

“Eat Chill Wander”

ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีทองแห่งอาหารไทยระดับ fine dining ก็ว่าได้ค่ะ ร้านอาหารไทยดีๆ ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สืบเนื่องจากการมี Michelin Guide ที่ทำให้เราตื่นตัวว่าอาหารไทยก็ไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก และ ร้าน Royal Osha ก็เป็นหนึ่งใน “ไทย-ไฟน์ไดนิ่ง” ที่น่าค้นหา เพราะเป็นร้านอาหารไทย upscale ที่ได้รับรางวัลมากมายทั้งในและต่างประเทศ ร้านนี้เคยเป็นร้านสาขามาจากเชนร้านอาหารไทยชื่อดัง Osha ในเมือง San Francisco ที่มีมากกว่า 9 สาขาด้วยกันค่ะ มีอาหารให้เลือกมากมาย ทั้งแบบ A la Carte และแบบ Set menu ค่ะ โดย Set Menu จะมีสามแบบด้วยกัน คือ Royal Set ซึ่งเป็นเซตคลาสสิกของทางร้าน และ Ramayana Set ที่จะนำเมนูล่าสุดของทางร้านมาใส่ไว้ให้ลองทานกันค่ะ นับว่าเป็นมื้อที่น่าประทับใจมากๆ ค่ะ กับร้านอาหาร Royal Osha สิ่งที่เราชอบมากๆสำหรับร้านนี้มีสามอย่าง คือ Presentation ที่สวยงาม อลังการ กับรสชาติอาหารที่คงรสชาติไทยแท้ๆ ได้ครบถ้วน แต่เสิร์ฟมาในรูปแบบที่สวยงามน่ารับประทาน ข้อสุดท้ายคือ เราจะได้ทานอาหารจากทุกภาค และกรรมวิธีการทำที่แตกต่างกันถึงสิบวิธีในมื้อเดียวเลยค่ะ

“Enfinity”

ร้านอาหารไทยประยุกต์ Royal Osha เป็นร้านดังบนโลกโซเซียล ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการยกระดับอาหารไทยให้มีรสชาติยอดเยี่ยมจนสื่อที่เคยมาที่นี่ต่างชื่นชมและให้คะแนนดีเลิศ อีกทั้งยังทำให้อาหารไทยโบราณได้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง โดยการเปลี่ยนโฉมอาหารแบบใหม่ รสชาติเกินบรรยาย

ภายนอกร้านมีประตูบานใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปภายในจะเห็นการประดับประดาที่แสนหรูหรา เพราะถูกตกแต่งสีทองสวยอลังการ ร้านนี้ตกแต่งด้วยคือดำ-ทองเป็นหลัก และใช้กระจกเงามาติดตกแต่งเพื่อให้ร้านดูกว้างขึ้น ให้ความรู้สึกสบายปลอดโปร่งมากขึ้น เมื่อเข้าไปในโซนอาหาร จะเห็นบรรยากาศทั้งกว้างและสูงโปร่ง เมื่อมองไปทางชั้นสองมีโซน Private แยกเป็นสัดส่วนตกแต่งด้วยลายแกะสลักนูนอย่างสวยงาม มองไกลออกไปจะเห็นเคาร์เตอร์บาร์แนวร่วมสมัย และบันไดสีทองวนขึ้นชั้นสอง บนเพดานถูกตกแต่งด้วยชฎาสีทองที่ติดเต็มไปด้วยคริสตัล ดูโดดเด่น งดงามจนเป็นที่สะดุดตา กำแพงชั้นสองเป็นจิตรกรรมผาผนังของวรรณคดีเรื่อง “รามเกียรติ์” ซึ่งเป็นตอนที่เล่าถึงหนุมาน ภาพบนผนังจึงเห็นหนุมานเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีห้อง Private สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

ครั้งนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำเชิญจากร้านให้ไปร่วมงานเปิดประสบการณ์ต้อนรับคิมหันต์ฤดู ด้วยอาหารฤดูร้อนนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของเชฟ “วิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยชื่อดังเจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว ซึ่งครั้งนี้ได้เตรียมไว้ให้เราโดยเฉพาะถึง 2 เมนู นั่นก็คือ ข้าวยำ และข้าวแช่ชาววัง สำหรับ Blogger ต่างชาติอย่างเราแล้ว ถือเป็นครั้งแรกของการได้ลิ้มรสอาหารไทยแบบนี้ การจัดตกแต่งจานดูปราณีตและสวยงามมาก รับรู้ได้ถึงความละเอียด และใส่ใจของเชฟ ทำให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเก็บภาพอย่างอัตโนมัติ สำหรับเมนูข้าวยำซ่อนรสชาติที่ผสมกันอย่างกลมกล่อมเป็นชั้นๆ มีความเปรี้ยวอมเผ็ด การคลุกยำรวมกันทำให้จานนี้ไม่เลี่ยนเลย เป็นเมนูจานเด็ดช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว อีกหนึ่งเมนูคือข้าวแช่ชาววัง การจัดจานสวยอลังการยิ่งกว่า บอกได้เลยว่าแค่เห็นก็ทำให้รู้สึกถึงความอร่อยแล้ว ประกอบกับของทอด ผักสดและข้าวหอมมะลิที่แช่ในน้ำลอยด้วยดอกไม้ เมื่อกินเข้าไปจะได้กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้เบาๆ เป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกเลยจริงๆครับ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจมาสัมผัสบรรยาพิเศษแบบนี้ ต้องทำการจองมาล่วงหน้าก่อนนะครับ แต่แนะนำว่าต้องหาโอกาสมาลิ้มลองรสชาติให้ได้ ห้ามพลาดนะครับ!

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. สำรองที่นั่งที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ระดับ Michelin Restaurant Bangkok ได้แล้ว วันนี้!

Michelin Restaurant Bangkok

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่อยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ที่ร้านอาหารระดับ Michelin Restaurant Bangkok ก็สามารถแวะเวียนมาลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทยได้ที่ “Royal Osha” ที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟมือทองมากประสบการณ์อย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ได้ทำการคัดเลือกวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน และถ่ายทอดความเป็นไทยลงไปในทุกคำ การันตีด้วยรางวัล Michelin 6 ปีซ้อน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมกับได้รับการแนะนำจาก Michelin Guide ที่สายชิมอาหารไทยระดับ Michelin ตัวจริงต้องห้ามพลาด และยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถนนวิทยุ เดินทางง่าย สะดวกสบาย มีที่จอดรองรับอย่างมากมาย ตอบโจทย์การรับประทานอาหารได้ในทุกโอกาส ที่ไม่ว่านักชิมชาวไทย หรือชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนมากจะต้องประทับใจกันอย่างแน่นอน ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาที่ Royal Osha 1 ใน Michelin Restaurant Bangkok 

สามารถจองโต๊ะล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

“Royal Osha” ร้านอาหารไทย Fine Dining ระดับ Michelin Star ใจกลางกรุงเทพฯ

Michelin Star

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

“Royal Osha” ร้านอาหารไทย Fine Dining ระดับ Michelin Star ใจกลางกรุงเทพฯ

“Royal Osha” เป็น 1 ในร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ระดับ Michelin Star ที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใจกลางกรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย มาพร้อมกับอาหารไทยที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลมาอย่างพิถีพิถัน สะอาด สด ใหม่ และปลอดภัย และผ่านการรังสรรค์ทุกเมนูโดยเชฟมากฝีมือที่อยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี อย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่มีความตั้งใจในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารให้นักชิมได้สัมผัสถึงความเป็นไทยได้ในทุกคำที่ได้ลิ้มลองอย่างเต็มที่ภายใต้บรรยากาศในห้องอาหารที่มีการประดับประดา และตกแต่งด้วยของใช้ ของตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่มีความเป็นไทย ที่จะทำให้ตลอดระยะเวลาในการรับประทานอาหารที่ Royal Osha ของนักชิมทุกท่านนั้นได้เข้าถึงความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง การันตีด้วยรางวัล Michelin Star หรือรางวัล Michelin Guide รวมถึงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักชิมได้ว่าการเลือกรับประทานอาหารไทย Fine Dining กับ Royal Osha จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

1. Michelin Star รางวัลการันตีคุณภาพ และมาตรฐานที่ Royal Osha ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน

Michelin Star

Michelin Star หรือ Michelin Guide ที่ทาง Royal Osha ได้รับรางวัลมาติดต่อกันมากถึง 6 ปีซ้อน เป็นรางวัลที่เป็นตัวช่วยในการการันตีความอร่อย คุณภาพ และบริการของแต่ละร้านได้อย่างดีเยี่ยม เพราะว่าการประเมินของรางวัล Michelin นั้นมีหลักเกณฑ์การประเมิน ที่วัดกันที่คุณภาพ วัตถุดิบ และบริการตามจริง และผู้ประเมินที่มีจรรยาบรรณ เข้าใจ และมีความรู้เกี่ยวกับวงการอาหารอย่างแท้จริง โดยจะประเมินกันตั้งแต่คุณภาพของวัตถุดิบว่ามีความสะอาด สดใหม่ และปลอดภัย เทคนิคในการปรุงแต่ง และรังสรรค์เมนู เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่จะสะท้อน และถ่ายทอดมาทางอาหาร การประเมินจากราคาว่ามีความเหมาะสมกับวัตถุดิบ รสชาติอาหาร และบริการที่ได้รับหรือไม่ และความเสมอต้นเสมอปลายของร้านอาหารที่จะต้องทำการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานในทุกๆ ด้านให้คงที่แบบเดิม ซึ่งการประเมินรางวัล Michelin Star นั้นจะประเมินโดยผู้ตรวจสอบของทาง Michelin Group ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำงาน หรือคลุกคลีอยู่ในวงการอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม หรือสายงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้ทุกการประเมินนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเกิดจากจรรยาบรรณ ความเข้าใจ และความรู้จริงของผู้ประเมิน และผู้ประเมินทุกคนก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งสิ้น ทำการชำระค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารเต็มจำนวน และจะเข้าการประเมินคุณภาพของร้านแบบไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับการปฏิบัติ หรือสิทธิพิเศษเหนือจากลูกค้าทั่วไป รวมถึงในแต่ละการประเมินนั้นจะเป็นการประเมิน และตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้ตรวจสอบหลายๆ คนที่แวะเวียนเข้าไปรับประทานอาหาร หรือใช้บริการจริง ดังนั้น การที่ร้านอาหาร Michelin Star อย่าง Royal Osha ได้รับรางวัลมามากถึง 6 ปีซ้อนนั้นก็เป็นการการันตีว่าคุณภาพ และมาตรฐานในเรื่องของอาหาร และบริการต่างๆ ที่นักชิมจะได้รับเมื่อเข้ามาเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยจะต้องสมกับร้านอาหารระดับ Michelin Star อย่างแน่นอน

2. Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Star ที่รังสรรค์ทุกเมนูมาจากเชฟที่อยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี

เมนูอาหารของร้านอาหารไทย Michelin Star สไตล์ Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นผ่านการรังสรรค์ทุกเมนูมาจากเชฟที่อยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี อย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงแต่ง และรังสรรค์อาหารไทย โดยเชฟวิชิต มุกุระ มีความต้องการที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครงองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน จึงได้นำประสบการณ์ตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในช่วงวัย 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี จนสร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นอีกห้องอาหารไทยที่ถูกจัดอยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย และประสบการณ์ในตำแหน่งอาจารย์ ที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารอีกมากมาย มาสร้างร้านอาหารไทย Michelin Star อย่าง Royal Osha ที่ได้ร่วมมือกันสร้างร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล ด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ แปลกใหม่ มีให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ และมีราคาที่นักชิมสามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้ Royal Osha เป็นร้านอาหารไทย Fine Dining ที่สามารถตอบโจทย์ และเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยใหม่ๆ ในทุกโอกาสให้กับชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

3. สัมผัสถึงเอกลักษณ์ความเป็นอาหารไทย Michelin Star ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบตามฉบับไทยแท้ของ Royal Osha

Michelin Star

การรังสรรค์ และปรุงแต่งอาหารไทย Michelin Star ของ Royal Osha นั้นจะมีการคัดเลือก และคัดสรรวัตถุดิบตามฉบับไทยแท้ของ Royal Osha ที่จะช่วยให้นักชิมสัมผัสถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยของอาหารไทยได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งอาหารขึ้นมาในแต่ละเมนูนั้นจะเป็นวัตถุดิบตามแต่ฤดูกาล ที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้วัตถุดิบในการทำอาหารที่มีคุณภาพ มีความสดใหม่ สะอาด และปลอดภัย และถือว่าเป็นจุดเด่นในการคัดสรรวัตถุดิบของ Royal Osha โดยการเลือกสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นเกิดมาจากแนวคิด “Classic Thai Elegance Reinvented” ของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย เพื่อให้ได้อาหารไทยที่มีความครบเครื่อง มีหลากหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงามละลานตา พร้อมกับใช้แนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และการใช้พืช ผัก สมุนไพรมาปรุงเป็นอาหารนั้นตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติที่ให้มีความกลมกล่อมตามอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด และด้วยการผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบตามฤดูกาล พืช ผัก และสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา จึงทำให้เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นมีการสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่งผลให้นักชิมสามารถแวะมาลิ้มลองอาหารใหม่ๆ ที่นี่ได้ตลอดทั้งปี แบบไม่ซ้ำจำเจ เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ตามแต่ละภาค ที่มีความครบเครื่องในรสชาติ ที่ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่นักชิมจะต้องประทับใจทุกครั้งที่ได้แวะเวียนมาลิ้มลอง

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

4. เมนูแนะนำจาก Royal Osha ที่ทำให้นักชิมติดใจร้านอาหารไทย Michelin Star จนต้องกลับมาซ้ำ

สำหรับเมนูอาหาร Michelin Star ของทาง Royal Osha นั้นก็จะมีให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย เพราะว่าที่ Royal Osha มีการคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล ทำให้เมนูในแต่ละช่วงฤดูนั้นมีการเปลี่ยนแปลง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่แต่ละฤดูนั้นก็จะมีเมนูเรียกน้ำย่อย เมนูอาหารหลัก และขนมหวานที่แตกต่างกัน ซึ่งเมนูแนะนำของร้านอาหารไทย Michelin Star อย่าง Royal Osha ที่ทำให้นักชิมติดใจจนต้องกลับมาซ้ำ มีดังนี้

  • ข้าวแช่ตำรับรอยัลโอชา เป็นเมนูอาหาร Michelin Star ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Royal Osha ที่ผ่านการรังสรรค์มาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย ที่ใช้น้ำแร่ค่า pH 8.88 แช่ข้ามคืน ที่ช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดที่มีกลิ่นคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียง 7 อย่างตามตำรับชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน มาพร้อมกับผักแกะสลักต่างๆ อย่างกระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เพื่อเพิ่มความกลมกล่อม
  • ข้าวยำตำรับรอยัลโอชา เป็นเมนูอาหาร Michelin Star ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเมนูข้าวยำ ที่เป็นเมนูอาหารอัตลักษณ์ของทางภาคใต้ พร้อมกับเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีอย่างข้าวก่ำ จากจังหวัดเชียงราย ผสมเข้ากันกับสมุนไพร และวัตถุดิบชั้นเลิศอื่นๆ อย่างงาขี้ม่อน ปลาข้าวสาร ลูกเดือย ส้มโอ มะม่วง แครอต ถั่วพูล ถั่วฝักยาว หอมแดง ตะไคร้ และใบมะกรูด พร้อมกับคลุกเคล้าด้วยน้ำยำสูตรพิเศษของรอยัล โอชา และมีการเพิ่มรสชาติด้วยการบีบมะนาวเล็กน้อย ทำให้ข้าวยำตำรับรอยัล โอชานั้นมีความหอม และอร่อยกลมกล่อม
  • หลนเนื้อปูกับตะไคร้ เป็นเมนูอาหาร Michelin Star ประเภทเครื่องจิ้มที่ได้รับความนิยมในสมัยโบราณ ด้วยการนำเนื้อปูม้าก้อนใหญ่ มีขนาดชิ้นโต เต็มคำ นำมาปรุงกับกะทิที่เคี่ยวหอม และเข้มข้น ผสมผสานเข้ากันกับสมุนไพรหลากหลายชนิด ที่ทำให้ได้รสชาติที่มีความหอมหวาน มัน จากกะทิ และมีความเค็ม และมีความเปรี้ยวจากสมุนไพร เสิร์ฟคู่กับสายบัว ขมิ้นขาว และมะเขือ ที่เป็นเครื่องเคียงกรุบกรอบที่นิยมรับประทานตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นอีกเมนูเครื่องจิ้มไทยแท้ที่นักชิมที่แวะมาที่ Royal Osha ต้องห้ามพลาด
  • กงฟีเป็ดกับยำสมุนไพรกรอบ ฟัวกราส์ คาเวียส์ และทับทิม เป็นเมนูอาหาร Michelin Star ที่มีการรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน ด้วยการนำเนื้อเป็ดมาทำการตุ๋นในน้ำมันที่มีความร้อนต่ำ จนได้เนื้อเป็ดที่มีความสุก หอม เนื้อเนียนนุ่ม ไม่เหนียว ไม่คาว มาพร้อมกับยำสมุนไพรกรอบที่มีรสชาติจัดจ้าน ครบรส ตัดด้วยฟัวกราส์ คาเวียส์ และทับทิม ที่ช่วยให้รสชาติผสมผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
  • ปลาเก๋าแดงซอสฉู่ฉี่กับเนื้อวากิวออสเตรเลียย่างซอสน้ำตกเสิร์ฟพร้อมผักย่าง เป็นเมนูอาหาร Michelin Star ที่มาในสไตล์ Surf & Turf ด้วยการรวมอาหารทะเล และเนื้อแดงไว้ในจานเดียวกัน ที่มีการนำปลาเก๋าแดงมาปรุงสุกด้วยการนาบกับกระทะที่มีน้ำมันร้อนฉ่า ที่ทำให้หนังกรอบ เนื้อสัมผัสนุ่ม เด้ง หวาน และสุกกำลังพอดี พร้อมกับเสิร์ฟคู่กับซอสฉู่ฉี่เข้มข้นถึงใจ และมีเนื้อวากิวออสเตรเลีย ที่ปรุงสุกด้วยการย่าง มาคู่กับซอสน้ำตกที่มีความกลมกล่อม ครบเครื่อง ครบรส ที่เข้าคู่กันกับผักย่างได้อย่างลงตัว

 

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้น ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหาร Michelin Star อื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูอาหารไทยต่างๆ กับทาง Royal Osha สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

5. Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Star ที่ได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย การันตีความเป็นไทย ถูกใจนักชิมทุกสัญชาติ

Michelin Star

นอกจากรางวัล Michelin Star หรือรางวัล Michelin Guide ที่ทาง Royal Osha ได้รับมาเป็นเวลา 6 ปีซ้อน ก็ยังมีรางวัลอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นรางวัลการันตีว่าทาง Royal Osha เป็นร้านอาหารไทย Fine Dining ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติอย่างแพร่หลาย โดยรางวัลอื่นๆ ที่ Royal Osha ได้รับ มีดังนี้

  • รางวัลการันตีปี 2024 : Michelin Guide
  • รางวัลการันตีปี 2023 : Michelin Guide
  • รางวัลการันตีปี 2022 : Michelin Guide และ Thai Select Premium
  • รางวัลการันตีปี 2021 : Michelin Guide และ User’s Choice Wongnai
  • รางวัลการันตีปี 2020 : Michelin Guide, User’s Choice Wongnai, HELLO! Taste Awards และ Thailand Tatler Best Restaurants
  • รางวัลการันตีปี 2019 : Michelin Guide และ Thai Select Premium
  • รางวัลการันตีปี 2018 : User’s Choice Wongnai และ Thailand Tatler Best Restaurants
  • รางวัลการันตีปี 2017 : Wongnai, Thailand Tatler Best Restaurants และ Winner Bangkok’s Best Restaurant Awards
  • รางวัลการันตีปี 2016 : Wongnai

 

โดยแต่ละรางวัลนั้นก็จะมีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกจากคุณภาพวัตถุดิบ เทคนิคการปรุงอาหาร รสชาติอาหาร ความคิดสร้างสรรค์ การรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลาย การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในด้านอาหารของชาวไทย การตกแต่งภายในร้าน การบริการ หรือการรีวิวจากนักชิมที่เคยรับประทาน และมีประสบการณ์จริง เป็นต้น จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่าในทุกรางวัลที่ทาง Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Star ได้รับนั้นผ่านการคัดเลือกมาจากคุณภาพ มาตรฐาน บริการ และประสบการณ์จริง ที่จะช่วยให้นักชิมสามารถมั่นใจได้ว่าการก้าวเข้ามาลิ้มลองอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha จะต้องได้รับความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

6. รีวิว Royal Osha ร้านอาหาร Michelin Star จากเหล่านักชิมใน Instagram

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารไทย Michelin Star ที่ไม่ได้เพียงแค่รับรางวัล Michelin Star หรือรางวัลการันตีอื่นๆ ที่เป็นการการันตี และรับประกันคุณภาพ และมาตรฐานของทางร้านเพียงเท่านั้น แต่ยังได้รับการรีวิวจากนักชิมตัวจริง เสียงจริงตามช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างมากมาย โดย Instagram ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการรีวิวที่ทาง Royal Osha ได้รับการรีวิวมาอย่างล้นหลาม มาพร้อมกับรูปถ่ายอาหาร และบรรยากาศภายในร้านที่เป็นเครื่องช่วยการันตีได้ว่าทุกรีวิวนั้นได้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha ร้านอาหารไทย Michelin Star อย่างแน่นอน ดังนี้

Foodie.Muchies

“Royal Osha ร้านอาหารไทยสุดอลัง #ข้าวแช่สูตรชาววังแท้ๆ อร่อยหอมสดชื่น รับหน้าร้อนได้ดีมากๆค่ะ สงกรานต์นี้มาดับร้อนที่ร้าน Royal Osha คือเลิศมาก ตัวร้านสวยอลัง มีบันไดทองและแชนเดอเลียร์รูชฎากลางร้าน และการันตีความอร่อยด้วยรางวัล Michelin Guide 5 ปีซ้อนเลยค่ะ ทีเด็ดของร้านคือ เมนูข้าวแช่แบบชาววังแท้ๆ “ข้าวแช่ตำรับรอยัลโอชา” ได้ร่วมรังสรรค์กับเชฟวิชิต มุกุระ โดยเสิร์ฟข้าวหอมมะลิเสาไห้ ในน้ำลอยดอกไม้ไทย อย่างชมนาด กระดังงา กุหลาบมอญ และมะลิ พร้อมเครื่องเคียงที่จัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน วัตถุดิบดีสดใหม่มี 7 อย่างตามตำรับชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน พร้อมกับผักแกะสลักสวยประณีต ตัวข้าวนุ่ม น้ำแร่เย็นสดชื่น ลงตัวกับเครื่องเคียงรสหวานเค็ม ดับร้อนได้เยี่ยมมากค่ะ ยังมีสำรับของหวานอย่างไอศกรีมและมะยงชิดอีกด้วยค่า ชอบมาก

นอกจากนี้เมนูอาหารไทยอื่นๆก็อร่อยมากๆค่ะ แนะนำต้มยำกุ้ง น้ำเข้มข้น กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่สด, แกงเขียวหวาน หอมเครื่องแกง เนื้อนุ่มอร่อย และเมี่ยงคำบัวหลวงฟัวกราส์ หวานเค็มเปรี้ยว หอมเครื่องเทศ และดอกไม้ดีค่ะ”

Hungrymoju

“เทศกาลข้าวแช่มาแล้วค่ะ มาร้านนี้ร้านแรกเลยปีนี้ ยิ่งใหญ่อลังการ สวยงาม เหมือนเดิม คุณแม่ request มาทานทุกปีค่ะ ตอนจบมาพร้อมมะยงชิดลอยแก้วมีผิวส้มซ่า อร่อยสดชื่นมาก ตัวกรานิต้า เป็นเหมือนน้ำแข็งปั่น นิ่มๆหน่อย มีรสมาอยู่แล้ว ชอบค่ะ มีขายถึงสิ้นเดือน May ค่ะ เรามีสั่งเป็นกระเพราเนื้อ Wagyu มา สั่งพิเศษเป็น A la carte เอาเนื้อทั้งชิ้นมาผัด ชอบมาก เนื้อดี ไม่มันไปและไม่เหนียว ยำส้มโอไก่ฉีกกุ้งทอดอร่อยเลย เราทานหมดคนเดียว กุ้งผัดพริกขี้เหลืองสตอเราชอบนะ ทานคนเดียวหมด อาหาร portion ไม่ใหญ่ presentation สวย ร้านหรูหรา รสชาติผู้ดีๆหน่อย พาต่างชาติมาน่าจะถูกใจเลยค่ะ ได้ michelin guide ด้วยค่ะ”

Food_by_ms

“The richness and variety of Thai seasoning, preparation and presentation! Mouth watering and dishes that burst into flavor. A great award winning Michelin star restaurant in the heart of Bangkok. #bangkokrestaurant #michelinstar #thaicuisine #spiceworld #foodporn #foodie #travelingfoodie #atasteforthefoodlife”

drsuwadee

“One of the best Thai fine dining 💜 me love and recommend #michelinguide #bangkokmichelin @royaloshabangkok

อร่อยตั้งแต่จานแรกจนจานสุดท้าย เมี่ยงปูทาราบะ ทูน่าทาทาร์ซอสยูสุ ครอกเก้ทรัฟเฟิล 😍😍 พล่าหอยเป๋าหื้อ ปกติไม่ทานสมุนไพรในจาน นี่ทานเกลี้ยงเลยจ้า ซุปต้มข่าล็อปสเตอร์อร่อยมาก เนื้อสันนอกวากิบกับซอสผัดฉ่า ดีแบบมากๆ ส่วนขนมไม่หวานทานได้ 😍 มูสข้าวเหนียวดำ มากับก้อนเมฆฝนแบบน่าเอ็นดู บรรยายมาขนาดนี้อินจริง อร่อยมาก เชฟวิชิตคือเชื่อมือได้เหมือนเดิมค่ะ 💕💕💕 คอร์สนี้ชื่อ “วัสสานฤดู” ราคาเบา อิ่มกำลังดี แต่อร่อยไปอีกหลายวัน #royaloshabangkok #finediningbangkok #thaifinedining”

parattakorn_

“First time having fine dining Thai cuisine. In total of five dishes, which they all gorgeous! Surprisingly good with a delicate plating style that enhances the dish with a great combination of variance taste notes. Here at Royal Osha 😽🇹🇭🍽️✨ #royaloshabangkok #findinningbkk #thaifinedining”

sabxeats

“A must-try Thai restaurant in Bangkok 🇹🇭❤️‍🔥 At Royal Osha, the skilled chef prepares authentic, traditional Thai food using only the finest ingredients, infusing each dish with the true flavors of real Thai cuisine.

You should not miss out on this place’s most popular Tom Yum Kung. Large river prawns from Ayutthaya are grilled at Royal Osha for the ideal length of time to improve the flavor of the Tom Yum soup. To give the soup a unique flavor, it is served with mixed mushrooms and shrimp paste. You’ll be fascinated by the soup’s appearance as well. In a unique apparatus designed to emphasize the infusion process that gives the dish its distinctive and well-known flavor, the broth is slowly drizzled over the herbs and spices.”

duangposh

“I would say “Classic Thai Elegance Reinvented” is the food concept at @royaloshabangkok ,a traditional Thai fine dining restaurant recommended by the Michelin Guide with Chef Vichit Mukura (presenting a special “Winter’s Set Menu”. All dishes were meticulously created from the finest ingredients of the season combined with special Thai herbs like Koon from the south. My fav dishes are fancy River prawn and flavorful but not too spicy yellow curry Garoupa fish soup with many Thai aromatic herbs and Koon ✨😋”

livetoeat_nicha

“Exquisite fine dining with premium ingredients and good taste. Lots of thoughts are put into each dish, making dining experience memorable. Food are nicely presented and service is top notch.

I highly reccomend this dining room for a valuable experience, especially for Thai food. 📍Royal Osha”

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทย Michelin Star สำรองที่นั่งกับ Royal Osha ได้แล้ว วันนี้!

Michelin Star

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาร้านอาหารไทย Michelin Star เพื่อเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ “Royal Osha” ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารไทยที่สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยเมนูอาหารไทยที่ผ่านการรังสรรค์ และถ่ายทอดให้มีความเป็นไทยในทุกคำ คัดสรรมาจากวัตถุดิบอย่างพิถีพิถันตามตำรับไทยแท้ และผ่านการปรุงจากเชฟอาหารไทยมากฝีมือ ผนวกกับบรรยากาศภายในร้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทย ที่เหมาะกับแวะมารับประทานได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองในวันพิเศษคนพิเศษ ครอบครัว หรือเพื่อน การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง หรือการรับประทานในโอกาสอื่นๆ ก็จะต้องถูกปาก ถูกใจ นักชิมที่ได้แวะเวียนมาลิ้มลองความเป็นไทยที่ Royal Osha อย่างแน่นอน ดังนั้น นักชิมที่สนใจ หรืออยากจะลองรับประทานอาหารไทยที่ไม่เหมือนใครกับทาง Royal Osha ก็สามารถสำรองที่นั่ง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

“ข้าวแช่ชาววัง” เมนูอาหารไทยสไตล์ชาววังแห่งฤดูร้อน

Khao Chae

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

ข้าวแช่ชาววัง” เมนูอาหารไทยสไตล์ชาววังแห่งฤดูร้อน

ข้าวแช่” คือ เมนูอาหารไทยโบราณที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูร้อนเป็นอย่างมาก เพราะว่าการรับประทานเมนูข้าวแช่ชาววังที่มีความหอม ชื่นใจ เย็นสดชื่น ที่สามารถช่วยคลายร้อน หรือดับร้อนได้เป็นอย่างดี แถมยังได้ความอิ่มอร่อยในเวลาเดียวกัน จึงทำให้การรับประทานข้าวแช่ชาววังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการดับร้อน และเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายจากภายในสู่ภายนอกได้เป็นอย่างดี และถึงแม้จะเป็นทางเลือกในการคลายร้อนที่ใช้กันตั้งแต่สมัยก่อน แต่ในปัจจุบันนั้นก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Royal Osha จึงจะพานักชิมไปทำความรู้จักกับ “ข้าวแช่ชาววัง” ว่ามีจุดเริ่มต้น หรือประวัติความเป็นมาอย่างไร มีเครื่องเคียงอะไรบ้าง และมีวิธีการรับประทานข้าวแช่ที่ถูกต้องอย่างไร พร้อมแนะนำเมนูข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา ที่รังสรรค์จากฝีมือของเชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่นักชิมที่ชื่นชอบข้าวแช่ชาววัง หรือชื่นชอบอาหารไทยต้องห้ามพลาด เพื่อเปิดประสบการณ์ในการรับประทานข้าวแช่ชาววังไทยโบราณแท้ และอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาให้มื้ออาหารของนักชิมมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด

 

1. จุดเริ่มต้นของ “ข้าวแช่ชาววัง” เมนูอาหารไทยโบราณคลายร้อนจากชาวมอญ

Khao Chae

ข้าวแช่” คือ ข้าวหุงสุกที่ผ่านการแช่ในน้ำลอยดอกไม้ไทย ที่จะต้องทำการรับประทานคู่กันกับเครื่องเคียง และเครื่องแนม เพื่อให้ได้รสชาติที่มีความหอม สดชื่น และกลมกล่อม ที่ถือว่าเป็นเมนูช่วยดับร้อนที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ในสมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน โดยจุดเริ่มต้นของข้าวแช่ชาววังนั้นมาจากการได้รับอิทธิพลจากชาวมอญในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อใช้ในการเซ่นไหว้ และประกอบพิธีบูชาเทวดา เพื่อทำการขอพรให้มีทายาทสืบสกุลในวันมหาสงกรานต์ของชาวมอญ โดยจะนิยมรับประทานกันในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม ที่เป็นช่วงฤดูร้อน และเป็นช่วงที่ตรงกับประเพณีสงกรานต์ของชาวมอญ ซึ่งในภาษามอญเรียกข้าวแช่ว่า “เปิงด้าจก์” มาจากคำว่า เปิง แปลว่า ข้าว และ ด้าจก์ แปลว่า น้ำ ซึ่งในช่วงแรกที่ได้รับความนิยมนั้นชาวบ้าน หรือสามัญชนธรรมดาจะไม่สามารถรับประทานได้ เพราะถือว่าเป็นอาหารชาววัง และรับประทานได้เฉพาะเชื้อเจ้า หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น เพราะว่าในช่วงรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น (เจ้าจอมเชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา หรือเจ่ง คชเสนี) ที่เป็นพระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 ได้นำข้าวแช่ชาววังขึ้นถวายเป็นเครื่องต้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้เมนูข้าวแช่ชาววังเป็นที่นิยมในวัง และเมื่อเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นติดตามไปถวายงานพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระราชวังพระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้ทำการถ่ายทอดการทำข้าวแช่ชาววังไปยังห้องเครื่อง และหลังจากนั้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 หม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ที่เป็นข้าหลวงประจำห้องเครื่องในช่วงสมัยนั้น ก็ได้ทำการเผยแพร่ข้าวแช่ชาววังจากห้องเครื่องก็ได้ไปสู่ชาวเมืองเพชรบุรี ทำให้ข้าวแช่ชาววังที่เป็นอาหารชาววัง ก็ได้กลายเป็นอาหารที่สู่สาธารณชน และได้รับความนิยมจนถึงในปัจจุบัน

2. เครื่องเคียงข้าวแช่ชาววัง และวิธีการรับประทานข้าวแช่ที่ถูกต้อง

การรับประทานข้าวแช่ชาววังนั้นจะต้องทำการรับประทานคู่กับเครื่องเคียง และเครื่องแนม เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับข้าวแช่ชาววังที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมเย็นชื่นใจตามสไตล์อาหารไทยโบราณ โดยเครื่องเคียงของข้าวแช่ชาววังก็จะมีให้นักชิมได้เลือกรับประทานหลากหลายอย่าง มีทั้งเครื่องเคียงคาวหวาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีประมาณ 6-7 อย่าง ดังนี้

  • ลูกกะปิ
  • หมูฝอย
  • หอมแดงสอดไส้
  • พริกหยวกสอดไส้
  • ไชโป๊วผัดหวาน
  • ลูกไข่เค็ม

นอกจากนั้นอาจจะยังมีเครื่องเคียง หรือเครื่องแนมอื่นๆ เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับแต่ละสูตร และมักจะมาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้แกะสลัก เช่น มะม่วงเปรี้ยว แตงกวา พริกชี้ฟ้า ต้นหอม ดอกกระชาย หรือมันแกว เป็นต้น

โดยการรับประทานข้าวแช่ชาววังนั้นก็จะต้องมีวิธีการรับประทานที่ถูกต้อง เพื่อให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความอร่อยตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างถูกต้อง โดยวิธีในการรับประทานข้าวแช่ มีดังนี้

  • รับประทานเครื่องเคียงคาว เริ่มจากการรับประทานเครื่องเคียงที่เป็นของคาว เช่น ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ หรอกหยวกสอดไส้ หรือลูกไข่เค็ม
  • รับประทานข้าวแช่ เมื่อรับประทานเครื่องเคียงคาวแล้ว ให้สลับมารับประทานข้าวแช่ชาววัง เพื่อให้รสชาติของเครื่องเคียงคาวนั้นผสมผสานเข้ากันกับความสดชื่นของข้าวแช่ได้อย่างลงตัว และกลมกล่อม
  • รับประทานเครื่องเคียงหวาน หลังจากล้างปากจากเครื่องเคียงคาวด้วยข้าวแช่แล้ว ให้นักชิมสลับมารับประทานเครื่องเคียงหวาน เช่น หมูฝอย หรือไชโป๊วผัดหวาน และเมื่อรับประทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถรับประทานข้าวแช่ต่อได้เลย
  • รับประทานเครื่องแนม เมื่อรับประทานเครื่องเคียงคาวหวาน และข้าวแช่ชาววังแล้ว ก็สามารถรับประทานเครื่องแนมที่เป็นผัก หรือผลไม้ เพื่อช่วยให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม และล้างปากได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ ขั้นตอนที่สำคัญในการรับประทานข้าวแช่ คือ ไม่ควรทำการตักเครื่องเคียงใส่ลงในข้าวแช่ชาววัง เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของข้าวแช่ชาววังหายไป และจะทำให้รสชาติของเครื่องเคียง ทั้วคาว และหวานปะปนอยู่ในข้าวแช่ชาววัง และส่งผลให้นักชิมไม่สามารถรับรู้รสชาติที่แท้จริงของข้าวแช่ชาววัง และเครื่องเคียงแต่ละชนิดได้อย่างเต็มที่

3. ทำไมข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชาถึงเป็นที่นิยมของนักชิม?

Khao Chae

สำหรับเมนูข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา ถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่ไม่ว่านักชิมชาวไทย หรือชาวต่างชาติก็ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะว่าเมนูข้าวแช่ คือ หนึ่งในเมนูต้นตำรับรอยัล โอชาที่ผ่านการรังสรรค์มาเป็นอย่างดี จากเชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่เป็น Executive Chef แห่ง Royal Osha ที่มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงอาหารไทยมามากกว่า 40 ปี ด้วยการนำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชานั้นมีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ที่ผ่านการปรุงรส และสร้างสรรค์มาอย่างประณีตตามตำรับของ Royal Osha จนได้เครื่องเคียงที่มีรสชาติที่มีอร่อย กลมกล่อม ตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววังไทยโบราณ แต่มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Royal Osha โดยเครื่องเคียงของข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา ทั้ง 7 อย่าง มีดังนี้

  • ลูกกะปิ
  • หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง
  • พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง
  • ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด
  • หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม
  • ปลายี่สนผัดหวาน
  • หัวไชโป๊วผัดหวาน 

 

โดยในทุกเมนูเครื่องเคียงนั้นรังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่ได้ทำการเลือกสรรมาเป็นอย่างดี และพิถีพิถัน สะอาด สดใหม่ ปลอดภัย เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้กับรสชาติของข้าวแช่ชาววังตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเมนูข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา ที่มีความหอม อร่อย สดชื่น กลมกล่อม ตรงตามตำรับข้าวแช่ไทยโบราณ จึงทำให้นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติตั้งตารอการกลับมาของเมนูนี้ในทุกๆ ปีนั่นเอง

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

4. ข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา เลือกรับประทานได้ตามสไตล์ของนักชิม

การรับประทานข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา มีให้นักชิมได้เลือกรับประทาน 2 แบบ ได้แก่ แบบ Dine in หรือรับประทานที่ร้าน และ Set Take Away สำหรับการรับประทานที่บ้าน หรือซื้อเป็นของขวัญ ของฝาก เพื่อให้นักชิมได้เลือกรับประทานตามความสะดวกของตัวเอง โดยรายละเอียดของการรับประทานข้าวแช่ชาววังแต่ละรูปแบบ มีดังนี้

  • Dine in เป็นการรับประทานข้าวแช่ชาววังที่ภายในสำรับจะประกอบด้วยข้าวแช่ เครื่องเคียง 7 อย่าง 1 สำรับ ของว่าง 2 อย่าง และลอยแก้ว ที่เหมาะกับการรับประทาน 1 คน และมีราคาอยู่ที่ 1,250 บาท
  • Take Away เป็นการรับประทานข้าวแช่ชาววังที่ภายในสำรับจะประกอบด้วยข้าวแช่ และเครื่องเคียง 7 อย่าง 1 สำรับ ที่มีปริมาณเหมาะกับการรับประทาน 2 คน มีราคาอยู่ที่ 2,250 บาทต่อเซ็ท บรรจุลงในกล่องสีแดงพรีเมียมหรูหรา มาพร้อมกับ Voucher สำหรับรับประทานขนมหวานประจำวันภายในร้าน เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ หรือของฝากในโอกาสต่างๆ เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ราคาในการรับประทานข้าวแช่ชาววังตำรับรอยัล โอชา แบบ Dine in หรือรับประทานที่ร้าน อาจมีการเปลี่ยนแปลง และสำหรับสำรับข้าวแช่ชาววังแบบ Set Take Away จะต้องทำการสั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน และ Voucher ที่ได้รับภายในกล่องนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

5. รีวิวข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา จากนักชิมตัวจริง ทั้งแบบ Dine in และ Take away

Khao Chae

สำหรับเมนูข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของทาง Royal Osha ที่วนกลับมาในช่วงฤดูร้อนเมื่อไหร่ ก็ได้รับเสียงตอบรับจากนักชิมอย่างล้นหลาม เพราะว่าเมนูนี้เป็นเมนูที่เชฟวิชิต มุกุระได้ทำการสร้างสรรค์ขึ้นมาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่นักชิมคนไหนได้สัมผัสแล้วก็จะต้องติดใจ และเฝ้ารอคอยให้เมนูกลับมาในทุกๆ ช่วงหน้าร้อนของปีเสมอ โดยรีวิวข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชาจากนักชิมตัวจริง ทั้งแบบ Dine in และ Take Away ที่ช่วยการันตีว่าช้าวแช่ชาววังเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่ไม่ควรพลาด มีดังนี้

gamsamsara

“หน้าร้อนก็มีดีนะคะ คือ จะได้ทานข้าวแช่ ที่ Royal Osha แก้มมาทุกปีเลย ทั้งอร่อย presentation ที่สวยงาม อลังการมากๆๆ พาใครมาทุกคนก็ติดใจ น้ำข้าวแช่ที่นี่ไม่ธรรมดา น้ำจาก Iceland ค่า ph8.8 ด้วย มีถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น หรือจะสั่ง Delivery ให้ใครเซทก็อลังสมเกียรติมากเช่นกันค่ะ แก้มใส่รูปไว้ให้ดูด้วย ฉ่ำ!!!”

limi_tata

“ร้อนกันขนาดนี้มาคลายร้อนด้วยเมนูตำรับรอยัล โอชา ข้าวแช่ Take away Set ที่มาในกล่องของขวัญสีแดง ภายในกล่องมีข้าวหอมมะลิเสาไห้ ในน้ำลอยดอกไม้ไทยสดชื่นมากๆ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 7 อย่างที่ปรุงรสมาอย่างดี หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขามคือดีมากกก ทานเองก็ชื่นใจ หรือจะมอบให้ผู้ใหญ่ก็สุขใจไม่แพ้กัน ไปลองสั่งข้าวแช่ Take away Set มาทานกันที่บ้านได้นะคะ”

foodie.munchies

“Royal Osha ร้านอาหารไทยสุดอลัง #ข้าวแช่สูตรชาววังแท้ๆ อร่อยหอมสดชื่น รับหน้าร้อนได้ดีมากๆค่ะ สงกรานต์นี้มาดับร้อนที่ร้าน Royal Osha คือเลิศมาก ตัวร้านสวยอลัง มีบันไดทองและแชนเดอเลียร์รูปชฎากลางร้าน และการันตีความอร่อยด้วยรางวัล Michelin Guide 5 ปีซ้อนเลยค่ะ ทีเด็ดของร้านคือ เมนูข้าวแช่แบบชาววังแท้ๆ “ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา” ได้ร่วมรังสรรค์กับเชฟวิชิต มุกุระ โดยเสิร์ฟข้าวหอมมะลิเสาไห้ ในน้ำลอยดอกไม้ไทย อย่างชมนาด กระดังงา กุหลาบมอญ และมะลิ พร้อมเครื่องเคียงที่จัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน วัตถุดิบดีสดใหม่มี 7 อย่างตามตำรับชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน พร้อมกับผักแกะสลักสวยประณีต ตัวข้าวนุ่ม น้ำแร่เย็นสดชื่น ลงตัวกับเครื่องเคียงรสหวานเค็ม ดับร้อนได้เยี่ยมมากค่ะ ยังมีสำรับของหวานอย่างไอศกรีมและมะยงชิดอีกด้วยค่า ชอบมาก

นอกจากนี้เมนูอาหารไทยอื่นๆก็อร่อยมากๆค่ะ แนะนำต้มยำกุ้ง น้ำเข้มข้น กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่สด, แกงเขียวหวาน หอมเครื่องแกง เนื้อนุ่มอร่อย,และ เมี่ยงคำบัวหลวงฟัวกราส์ หวานเค็มเปรี้ยว หอมเครื่องเทศและดอกไม้ดีค่ะ”

porsajika

“ร้อนๆ แบบนี้ คนไทยทานข้าวแช่กันค่ะ ข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ หอมๆ เย็นๆ ทานคู่กับเครื่องเคียง และผักที่่ไล่จากเค็มไปหวาน อย่างลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และถั่วไชโป้วผัดหวาน ทุกอย่างอร่อยและเข้ากันมากๆค่ะเข้ากันลงตัว กลมกล่อม ใครยังไม่เปิดใจกับข้าวแช่ อยากให้ลองทานที่ @royaloshabangkok เชฟวิชิต มุกุระทำได้อร่อยกลมกล่อมมาก”

ploifone

“ปีใหม่ไทยปีนี้มาทานข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชาของไทยกันที่ @royaloshabangkok กันค่า 🌟 บอกเลยว่าสมกับที่ได้มิชลินไกด์มากๆ วัตถุดิบทุกอย่างรสชาติอร่อย ทั้งลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และถั่วไชโป้วผัดหวาน ทานกับข้าวหอมมะลิเสาไห้ ทานแล้วสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนๆในช่วงนี้ที่สุดเลยค่ะ”

bon_appetitbkk

“ซัมเมอร์ปีนี้ น้องได้มากินข้าวแช่ที่ Royal Ocha เป็นที่แรก🥰 ก่อนมาก็ทราบมาว่าข้าวแช่ที่นี่รังสรรค์โดยเชฟวิชิต มุกุระ ตื่นเต้นมากเพราะเคยทานอาหารที่เชฟทำแล้วประทับใจมากๆ ก่อนอื่นเลยการเสิร์ฟมาแบบอลังการ presentation ชนะเลิศ มี dry iced วูบวาบรู้สึกเย็นขึ้นมาทันตา!!! แต่ที่ยกให้เป็นเดอะเบสท์คือข้าว!! เชฟใช้ข้าวหอมมะลิเสาไห้ เรียงเม็ดสวย หอมและนุ่มมาก ส่วนน้ำลอยดอยมะลิก็ไม่ธรรมดา เชฟใช้น้ำแร่ Iceland Spring pH8.8 ใส สดชื่น เย็นๆ ชื่นใจ เอาเป็นว่า ดีแบบแตกต่างสุดๆ ชอบมาก ส่วนเครื่องข้าวแช่ 7 อย่างคือจัดเต็มมากกก ทั้งลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม (อันนี้ไม่เหมือนที่ไหน), ปลายี่สนผัดหวานและหัวไชโป๊วผักหวาน รวมถึงผักที่แกะสลักมาอย่างงดงาม ปิดท้ายด้วยมะยงชิดลอยแก้วสุดสดชื่น อากาศร้อนมากจริงๆค่ะช่วงนี้ ได้ข้าวแช่เย็นๆสดชื่นคือมีความสุขจริงๆค่ะ🤍👏🏻”

rosesfood

“ขออกตัวก่อนว่าโรสไม่เคยทานข้าวแช่มาก่อนเลยค่ะ ครั้งนี้มาทาน “ข้าวแช่ชาววังต้นตำรับของเชฟวิชิต” ณ ร้านอาหาร Royal Osha ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ และนับว่าเป็นการเปิดประสบการณ์มากๆ ทุกอย่างปราณีตและละเอียดมาก ส่วนตัวชอบลูกกะปิ กับหมูฝอยค่ะ ตัวหมูฝอยมีความเผ็ดนิดๆจากการนำไปผัดกับน้ำพริกมะขามทำให้รสชาติไม่หวานโดด ถึงจะเป็นของทอดแต่ทุกๆครั้งที่ทานเครื่องเคียงโรสจะทานข้าวแช่สลับกันไปมา เพื่อล้างปากเหมือนเป็นการเคลียร์รสชาติทำให้พร้อมที่จะทานคำถัดไป ทานเพลินมากๆค่ะ 🍚 ในส่วนของข้าวเป็นข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย ซึ่งโรสว่ากลิ่นหอมพิเศษมากๆค่ะ และเป็นความหอมที่ไม่ฉุนไม่แรงเกินไป อีกหนึ่งความพิเศษคือน้ำที่ทางร้านใช้น้ำแร่ค่า pH 8.88 ซึ่งสามารถสกัดกลิ่นของดอกชมนาดให้ชัดขึ้น ทานเสร็จก็ปิดท้ายด้วยขนมหวานมะยงชิดลอยแก้วกับไอศครีมโบราณรสกระเจี๊ยบกับมะพร้าวเย็นสดชื่น”

hungrymoju

“ข้าวแช่ร้านประจำที่บ้าน ทานทุกปี สะดวก สวย และอร่อยค่ะ @royaloshabangkok Presentation เลิศตั้งแต่ต้นจนจบ ร้านได้ michelin ด้วยค่ะ พาคุณแม่มาเดตได้ รับรองถูกใจ ปีนี้เปิดด้วยมะยงชิด sparkling สดชื่นเปรี้ยวหวาน พวกเราชอบตัวข้าวมาก เรียงตัวเป็นเม็ดๆ ไม่แข็งแห้งเหมือนบางร้าน(แม่เราชอบมากกกกกก) บรรดาเครื่อง ทอดมาดีทุกอย่าง ไม่อมน้ำมันเลยค่ะ กรอบทุกอัน เราชอบไข่เค็มแดงชุบแป้งทอด มีความนัว ไม่ค่อยเคยทาน กับหอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง หวานๆเค็มๆ แม่เราชอบพริกหยวกสอดไส้บอกว่าหมูดีมากไม่เหมือนที่อื่น กับปลายี่สน ขนมอัน complementary อร่อยมากๆๆๆๆๆไอติมแบบรสจัดจ้าน แบบกินละตื่นเลยเราชอบมาก เป็นกระเจี๊ยบ กับสัปปะรดพริกเกลือ ชอบมากค่ะ”

foodtrackinbkk

“@royaloshabangkok #ที่สุดของข้าวแช่ !! จากใจคนที่ไม่เคยทานข้าวแช่แล้วอร่อย แต่ที่นี้คือของจริง อร่อยแบบร้องว้าว !! 👍🏻✨ การันตีด้วยร้านระดับ fine dining ที่ได้รับมิเชอลินไกด์ถึง 5 ปีซ้อน 👏🏻 คือเค้ามี instruction ให้ด้วยว่าต้องทานอะไรคู่กับอะไรถึงจะอร่อย ทานตามนั้นแล้วไม่แปลกใจเลยครับทำไมเค้าถึงได้มิเชอลิน 🤩 อร่อยจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ลองครับ แต่ละเมนูคือพิถีพิถัน  เป็นรสชาติที่ละเอียดมากๆ รู้เลยว่าเซฟผ่านกระบวนความคิดมาเป็นอย่างดี”

oatkomkrich

“ถึงฤดูข้าวแช่ทีไร ต้องนึกถึงข้าวแช่ของ @royaloshabangkok เป็นร้านแรกทุกที ✨ จุดเด่นของข้าวแช่ที่นี่ก็คือ น้ำลอยดอกไม้ที่หอมมากๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงทั้ง 7 อย่าง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน กินคู่กับผักแนม

ข้อดีของที่ร้านคือจะให้ใบเมนูมาก่อนเริ่มคอร์ส โดยจะบอกว่าเมนูไหนต้องกินแนมกับผักอะไรถึงจะเข้ากัน ทำให้อรรถรสในการกินเพิ่มขึ้น ส่วนขนมก็เสิร์ฟมาเป็นมะยงชิดลอยแก้ว เป็นการปิดคอร์สได้แบบสดชื่นสุดๆ 🤩”

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

6. แนะนำเมนูอื่นๆ ของรอยัล โอชา ที่นักชิมแวะมาชิมข้าวแช่ชาววังแล้วต้องห้ามพลาด!

นอกจากเมนูข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา ก็ยังมีเมนูต้นตำรับอื่นๆ จาก Royal Osha ที่เชฟวิชิต มุกุระ ได้สรรค์สร้างขึ้นมา เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสถึงความเป็นไทยแท้ตามตำรับของอาหารไทยโบราณ ในรสชาติที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยเมนูอื่นๆ ของรอยัล โอชา ที่นักชิมแวะมาชิมข้าวแช่ชาววังแล้วต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ขนมจีนตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูอาหารต้นตำรับที่เชฟวิชิต มุกุระได้ทำการยกระดับขนมจีนให้เป็นเมนู Fine Dining โดยมีให้นักชิมได้เลือกรับประทาน 3 แบบ ได้แก่ ขนมจีนน้ำพริก ขนมจีนน้ำยาป่า และขนมจีนซาวน้ำแจงลอน ที่เส้นขนมจีนเป็นเส้นสด เหนียว นุ่ม มาพร้อมกับเครื่องแกงที่มีความถึงเครื่อง ผสมผสานเข้ากันกับกะทิหอม มัน และเข้มข้น และเมื่อรับประทานเข้าด้วยกันก็จะทำให้นักชิมได้ลิ้มลองขนมจีนที่มีความหนึบหนับ เหนียวนุ่ม เข้มข้น ที่บ่งบอกได้ถึงวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมในทุกคำ
  • ข้าวยำตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูอาหารต้นตำรับที่เชฟวิชิต มุกุระได้ทำการผสมผสานวัตถุดิบอย่างหลากหลายเข้าด้วยกัน โดยเป็นการนำเมนูข้าวยำ ที่เป็นเมนูอาหารอัตลักษณ์ของทางภาคใต้ แต่เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีอย่างข้าวก่ำ จากจังหวัดเชียงราย ผสมผสานเข้ากันกับสมุนไพร และวัตถุดิบพรีเมียมอื่นๆ เช่น งาขี้ม่อน ปลาข้าวสาร ลูกเดือย ส้มโอ มะม่วง แครอต ถั่วพูล ถั่วฝักยาว หอมแดง ตะไคร้ และใบมะกรูด เป็นต้น พร้อมกับคลุกเคล้าด้วยน้ำยำสูตรพิเศษของรอยัล โอชา ปิดท้ายด้วยการบีบมะนาวเล็กน้อย เพื่อทำให้ข้าวยำตำรับรอยัล โอชานั้นมีความหอมของส่วนผสมต่างๆ อย่างชัดเจน อร่อย เข้มข้นถึงใจ และกลมกล่อมเป็นอย่างมาก

 

ทั้งนี้ เมนูข้าวแช่ชาววัง และเมนูอาหารต้นตำรับอื่นๆ ของ Royal Osha อาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือวางจำหน่ายในเพียงบางช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มรสความเป็นไทย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

7. สั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่ง เพื่อสัมผัสความอร่อยของข้าวแช่ชาววัง ที่ รอยัล โอชา ได้เลย! ที่นี่

Khao Chae

สำหรับนักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา ที่ Royal Osha ในช่วงฤดูร้อนนี้ ก็สามารถลิ้มลองความหอมชื่นใจ สดชื่น และอิ่มอร่อยไปกับเมนูข้าวแช่ชาววังที่ช่วยคลายร้อนได้ทั้งแบบ Dine in และแบบ Take Away ที่ตอบโจทย์ในการดับร้อนในช่วงที่อากาศของประเทศไทยมีอุณหภูมิค่อนข้างสูงได้เป็นอย่างดี โดยนักชิมที่ต้องการสั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่งล่วงหน้าในการรับประทานข้าวแช่ชาววังต้นตำรับรอยัล โอชา หรือรับประทานเมนูอาหาร Fine Dining ที่เป็น Set Menu ของคิมหันต์ฤดู หรือฤดูร้อนแบบจัดเต็ม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่ง ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

แนะนำ Royal Osha Menu ที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด!

Royal Osha Menu

แนะนำ Royal Osha Menu ที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด!

สำหรับนักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และอยากจะสัมผัสกับความอร่อยของอาหารไทยที่มีรสชาติ และองค์ประกอบต่างๆ ตามแบบฉบับของอาหารไทยแท้ ต้องห้ามพลาด “Royal Osha Menu” ที่มีเมนูให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย และมีการสลับสับเปลี่ยนเมนูตามแต่ฤดูกาล ที่แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล พร้อมกับมีการผสมผสานการใช้สมุนไพร ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทาง Royal Osha เพื่อให้นักชิมได้ลิ้มลองอาหารไทยเมนูใหม่ๆ ได้แบบไม่มีเบื่อ แถมยังได้อิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำ Royal Osha Menu จาก 3 ฤดูกาลที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด โดยจะมีเมนูอะไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. Royal Osha Menu อาหารไทยที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล เอกลักษณ์เฉพาะที่ Royal Osha

Royal Osha Menu

Royal Osha Menu เป็นอาหารไทยที่ผ่านการรังสรรค์ และปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ โดยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นเกิดจากการที่เชฟวิชิต มุกุระ มีแนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งอาหารแต่ละเมนูนั้นมีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย รวมถึงยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รสตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ส่งผลให้เมนูอาหารของ Royal Osha Menu นั้นมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล มีความแปลกใหม่ แต่ยังคงความอร่อย และมีคุณประโยชน์ตามแบบต้นตำรับอาหารไทย ที่ทำให้นักชิมสามารถแวะมาลิ้มลองอาหารใหม่ๆ ที่ Royal Osha ได้ตลอดทั้งปี แบบไม่ซ้ำจำเจ เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ตามแต่ละภาค ที่มีความครบองค์ประกอบ สีสันละลานตา และครบเครื่องในรสชาติ ที่ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจะต้องประทับใจทุกครั้งที่ได้แวะเวียนมาลิ้มลองกันอย่างแน่นอน ดังนั้น นักชิมคนไหนที่เป็นแฟนคลับตัวยงของอาหารไทย ต้องห้ามพลาดที่จะแวะมาลิ้มลอง Royal Osha Menu ให้ครบทั้ง 3 ฤดูอย่างเด็ดขาด

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

2. สัมผัสกับ Royal Osha Menu ที่รังสรรค์จากฝีมือเชฟอาหารไทยแท้ภายใต้บรรยากาศที่มีความเป็นไทย

สำหรับเมนูอาหาร Royal Osha Menu ที่นักชิมจะได้ลิ้มลอง และสัมผัสได้ถึงความอร่อยกลมกล่อมตามแบบฉบับอาหารไทยนั้นก็ได้ผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยแท้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี โดยในทุก Royal Osha Menu นั้นนักชิมสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยที่มีความแปลกใหม่ และประทับใจอย่างแน่นอน เพราะว่าเชฟวิชิต มุกุระ มีความตั้งใจ และอยากจะใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเอง ในการยกระดับวงการอาหารไทยให้เป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงเลื่องลือดังไกลไปทั่วโลก การันตีด้วยประสบการณ์ในการทำงานในวงการอาหารที่เริ่มต้นตั้งแต่อายุ 24 ปี ในตำแหน่งเชฟใหญ่ ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี จนสร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นอีกห้องอาหารไทยที่ถูกจัดอยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย และยังส่งต่อความรู้ความสามารถของตัวเองในตำแหน่งอาจารย์ ที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารอีกมากมาย จึงเกิดเป็น “Royal Osha” ที่ได้จับมือร่วมมือกันสร้างร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครบองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน และด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าคุ้มราคา และมีอาหารให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ รวมถึงยังมีบรรยากาศแบบไทยๆ ที่มีการถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านทางอาหารไปจนถึงบรรยากาศภายในร้าน เพื่อให้นักชิมสามารถดื่มด่ำกับความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ด้วยการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น ที่มีการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด มีจิตรกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตรกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลา มาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอก และภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ มีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้เวลาที่นักชิมกำลังอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยสุดพรีเมียมนั้นก็ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ กลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ และด้วยรสชาติอาหาร การบริการ บรรยากาศภายในร้าน และราคาที่สมเหตุสมผล จึงทำให้ Royal Osha เป็น ร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน ที่ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินิยมแวะเวียนมาฝากท้องกันไว้เสมอ

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

3. แนะนำ Royal Osha Menu ประจำคิมหันต์ฤดู

Royal Osha Menu

Royal Osha Menu ประจำคิมหันต์ฤดู หรือฤดูร้อน ที่เป็นช่วงที่สภาพอากาศนั้นจะมีความร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ทำให้ Royal Osha Menu นั้นมีการเลือกใช้วัตถุดิบ และมีการปรุงแต่งที่สามารถช่วยคลายร้อน หรือดับร้อนให้กับนักชิมได้เป็นอย่างดี โดยเมนูอาหารแนะนำประจำคิมหันต์ฤดูที่นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ข้าวแช่ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนู Signature ประจำคิมหันต์ฤดูที่แฟนคลับ Royal Osha Menu ตัวจริงต้องแวะเวียนกลับมาซ้ำเป็นประจำทุกปี เพราะว่าข้าวแช่ต้นตำรับรอยัล โอชานั้นสามารถช่วยคลายร้อนในช่วงฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี โดยทำมาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดี ลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 เพื่อทำการแช่ข้ามคืน ที่จะช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้ได้กลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน ที่มาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต 
  • ม้าฮ่อ เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากเนื้อไก่ผัดเข้ากันกับเครื่องปรุงรส น้ำตาลปี๊บ หอมแดง และถั่วคั่ว แล้วนำมาปั้นวางบนสับปะรดที่มความหอม หวาน ฉ่ำ อมเปรี้ยวเล็กน้อย และมีความกรอบ ทำให้เวลารับประทานนั้นจะรู้สึกได้ถึงความหอมสดชื่น และถ้าหากรับประทานหลังจากข้าวแช่จะช่วยให้มีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
  • แตงโมหอยสังข์กับบีทรูทปลาแห้ง เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากเนื้อแตงโมหวานฉ่ำมาคู่กับหอยสังข์จากประเทศญี่ปุ่นที่ถูกหั่นบาง โรยด้วยเกลือหิมาลัยที่ผ่านการย่างมาจนหอมได้ที่ เสิร์ฟคู่กับปลาแห้งรสหวานเค็ม และน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีส่วนผสมของบีทรูทที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ทำให้เวลารับประทานจะได้รสชาติที่มีความจัดจ้าน กลมกล่อม และสดชื่นภายในคำเดียว

 

ทั้งนี้ Royal Osha Menu ประจำคิมหันต์ฤดูนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะสัมผัสความอร่อยกลมกล่อมของอาหารไทยแท้ประจำคิมหันต์ฤดู สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้เลยที่ Facebook : Royal Osha

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

4. แนะนำ Royal Osha Menu ประจำเหมันต์ฤดู

Royal Osha Menu ประจำเหมันต์ฤดู หรือฤดูหนาว ที่เป็นช่วงที่สภาพอากาศนั้นจะมีความหนาวเย็นมากกว่าปกติ ทำให้ Royal Osha Menu นั้นมีการเลือกใช้วัตถุดิบ และมีการปรุงแต่งที่สามารถช่วยสร้างความอบอุ่น และบรรเทาอาการหวัดที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวได้ง่าย โดยเมนูอาหารแนะนำประจำเหมันต์ฤดูที่นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ต้มลูกรอกฟัวกราส์ไก่ฝรั่งเศสหนังไก่กรอบ เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากไก่ที่ผ่านการตุ๋นในน้ำใส และผ่านการเคี่ยวเป็นระยะเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำซุปมีความหอมหวานจากธรรมชาติของกระดูกไก่ มาพร้อมกับลูกรอกที่ผสมกับฟัวกราส์ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการนึ่ง เสิร์ฟคู่กับเนื้อไก่ และหนังไก่กรอบ ราดน้ำซุปร้อนๆ เพื่อช่วยเพิ่มความกลมกล่อมมากขึ้น และมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่สามารถช่วยบรรเทาอาการหวัดได้เป็นอย่างดี

 

  • ยำสมุนไพรตะไคร้มะแขว่นส้มโอกับขาปู เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากขาปูทาราบะที่ผ่านการย่างมาจนได้กลิ่นหอม เนื้อหวาน นุ่ม ที่มาคู่กันกับมะแข่วนดองน้ำปลาที่ผสมผสานเข้ากันกับยำสมุนไพร เช่น ต้นหอม หอมแดง คะไคร้ ผักชีใบเลื่อย และผักแพรว พร้อมกับตัดรสชาติด้วยส้มโอ ที่เมื่อรับประทานคู่กันก็จะช่วยให้ได้รสชาติที่มีความจัดจ้าน เข้มจ้น และกลมกล่อมเป็นอย่างมาก

 

  • ทองม้วนต้มยำกุ้งคาเวียร์ เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากหลากหลายวัตถุดิบให้รวมกันเป็นหนึ่ง และมีความแปลกใหม่ ด้วยการนำแท่งทองม้วนกรอบที่มีขนาดพอดีคำ มาสอดไส้ด้วยเนื้อกุ้ง และราดด้วยมูสต้มยำที่มีความหอมจากข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดอย่างครบรส และท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ ที่เมื่อรับประทานภายในคำเดียวจะสัมผัสได้ถึงความหอม เข้มข้น จัดจ้าน และความอบอวลของส่วนผสม และวัตถุดิบต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ Royal Osha Menu ประจำเหมันต์ฤดูนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะสัมผัสความอร่อยกลมกล่อมของอาหารไทยแท้ประจำเหมันต์ฤดู สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้เลยที่ Facebook : Royal Osha

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

5. แนะนำ Royal Osha Menu ประจำวัสสานฤดู

Royal Osha Menu

Royal Osha Menu ประจำวัสสานฤดู หรือฤดูฝน ที่เป็นช่วงที่สภาพอากาศนั้นจะมีฝนตกเป็นประจำ และมีอากาศที่ค่อนข้างชื้น และเย็น ทำให้ Royal Osha Menu นั้นมีการเลือกใช้วัตถุดิบ และมีการปรุงแต่งที่สามารถช่วยบรรเทา หรือขับไล่อาการหวัดที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนได้เป็นอย่างดี โดยเมนูอาหารแนะนำประจำวัสสานฤดูที่นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • แกงทะเลปูใบยี่หร่า เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากเนื้อปูที่มีความสดใหม่ เนื้อหวาน ที่ผ่านการปรุงเข้ากันกับสมุนไพร และแกงเผ็ดเข้มข้นที่มีทั้งความหอม และเผ็ดร้อน ผสมผสานเข้ากันกับกะทิที่มีความมัน และใบยี่หร่า ที่มาพร้อมกับใบยี่หร่าทอดกรอบ และข้าวสวยร้อนๆ ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

  • ต้มข่าล็อบสเตอร์กับหัวปลี เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างล็อบสเตอร์ ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการนำมาต้มกับข่า และหัวปลี ที่ถือว่าเป็นวัตถุดิบ และสมุนไพรที่สามารถช่วยบรรเทา หรือขับไล่อาการหวัดได้เป็นอย่างดี และยังเป็นเมนูที่สามารถช่วยล้างปากได้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเมนูถัดไปอีกด้วย

 

  • เนื้อแกะย่างซอสผัดฉ่า เป็น Royal Osha Menu ที่รังสรรค์มาจากเนื้อซี่โครงแกะจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีความนุ่มละมุน ละลายในปากที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างจนหอม ที่มาพร้อมกับความจัดจ้านจากซอสผัดฉ่า ที่มีรสชาติเผ็ด และหอมเครื่องเทศสมุนไพร เสิร์ฟคู่กับข้าวที่มีส่วนผสมของงาขี้ม่อน และผักย่าง ที่ช่วยปรับสมดุลให้รสชาติของเมนูนี้มีความอร่อย กลมกล่อม และเข้มข้นกำลังพอดี

ทั้งนี้ Royal Osha Menu ประจำวัสสานฤดูนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะสัมผัสความอร่อยกลมกล่อมของอาหารไทยแท้ประจำวัสสานฤดู สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้เลยที่ Facebook : Royal Osha

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

6. รีวิวจริงจากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาสัมผัสกับ Royal Osha Menu อาหารไทยแท้

นอกจากรางวัลการันตีต่างๆ ที่ทาง Royal Osha ได้รับ และรางวัล Michelin Guide ที่ได้รับมานานถึง 6 ปีซ้อน ที่สามารถช่วยการันตีถึงรสชาติ คุณภาพ และมาตรฐานในเรื่องของอาหาร และบริการของทาง Royal Osha ได้ ก็ยังมีรีวิวจริงจากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาสัมผัสกับ Royal Osha Menu อาหารไทยแท้ ที่เป็นอีกเสียงที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักชิมได้ว่า ถ้าหากแวะมาที่ Royal Osha แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน โดยรีวิวจริงจากเหล่านักชิมจากเว็บไซต์ และแหล่งรีวิวต่างๆ มีดังนี้

  • Mim Likes This

“บรรยากาศร้านชนะเริ่ด ตกแต่งแบบไทยร่วมสมัย เอกลักษณ์ของร้านคือชฏายักษ์ ตั้งตระหง่านสวยงาม พนักงานบริการมีดาว10ดวง ให้ 10 ดวงเต็มเลย เป็นอีกร้านที่ได้ทั้งประสบการณ์ดีๆ และอาหารอร่อย”

  • Nickktwf

“ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง สไตล์โมเดิร์นสุดหรู ประตูหน้าร้านสีดำบานใหญ่ เข้าไปสัมผัสบรรยากาศร้านในโลกรามเกียรติ์ เมื่อเข้าไปพนักงานจะนำเราไปที่โต๊ะอาหาร บริการโน่นนี่นั่น เสิร์ฟ welcome drink ต่อมาเป็นอภินันทนาการจากเชฟ เป็นของว่างเล็กๆน้อย รสชาติ การบริการ และบรรยากาศร้านดีมาก คุ้มค่าที่ได้ทาน”

  • Pookeats

“ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ขับผ่านไปมาบ่อยๆ แต่ไม่เคยคิดจะแวะลองชิมเพราะคิดเอาเองว่ารสน่าจะออกแนวไทยฟิวชั่นเหมือนหลายๆ ร้าน แต่ปรากฏว่าเรามีความเข้าใจผิดมาตลอด เพราะเชฟยังคงรสชาติไทยๆ แบบดั้งเดิมแต่สามารถยกระดับเมนูอาหารไทยธรรมดาให้มีรูปลักษณ์และรสชาติที่น่าสนใจมากขึ้นเมนูอาหารที่จัดมาในดีล รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของเชฟและทีมงานในการนำเสนอเมนู เพราะมาครบทั้งรูป, รส, และกลิ่น ชอบที่พนักงานมีการสอบถามรายละเอียดของประวัติการแพ้อาหารของลูกค้าแต่ละท่าน แสดงออกถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของลูกค้า รวมทั้งอธิบายรายละเอียดของเมนูที่ลงเสิร์ฟทุกจานแบบที่ข้อมูลครบถ้วน ไม่ตกหล่น มาครบทั้งแหล่งที่มาและจุดเด่นของวัตถุดิบแต่ละตัว รวมทั้งแนะนำลำดับการรับประทานสำหรับเมนู appetizer ทำให้รสชาติออกมาบาลานซ์กันพอดี โดยรวมถือเป็นดีลที่คุ้มค่าจริงๆ มีครบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามประณีต รสชาติแบบดั้งเดิมแต่มีความทันสมัย, กลิ่นหอมๆ ของควันเทียน และรสสัมผัสของอาหารที่มีความน่าสนใจ แถมพนักงานก็บริการดีเยี่ยม ไร้ที่ติ”

  • Mr. Stew

“Royal Osha (ร่วมฤดี) ร้านอาหารไทยสุดหรูหราทั้งการตกแต่งร้านแบบเน้นความเป็นไทยที่ดูทันสมัย และการจัดจานอาหารที่อลังการมาก นำเสนออาหารที่ใช้วัตถุดิบของไทยนำมาปรุง,แต่งแต้มในจานอาหารได้อร่อยและสวยงามจริงๆ บรรยากาศและการบริการดีเยี่ยมเลยครับ คอยดูแลลูกค้าอยู่ห่างๆ,เปลี่ยนจานที่เลอะให้ใหม่ตลอด บริการแบบนี้ค่อยเหมาะสมกับค่าเซอร์วิส ไม่เหมือนหลายๆร้านที่เจอเก็บค่าเซอร์วิสแต่บริการต้องคอยเรียก แนะนำครับใครที่มีเพื่อนหรือรับแขกต่างชาติร้าน Royal Osha เหมาะสมทุกสิ่งอย่าง”

  • Coryne Z Suzuki

“Celebrated a very special birthday here ❤️ Food was outstanding! Both, delicious and beautiful! Thank you for the wonderful hospitality and for making this evening so memorable!”

  • Nui Nui Nui

“If you’re in Bangkok and craving some next-level eats, let me put you on to Royal Osha Thai Fine Dining. It’s like finding a secret treasure chest right in the heart of the city.”

  • Wilber suen

“When we talk about Thai fine dining, only a few names come to mind. I must admit that I pass by Royal Osha quite often but haven’t heard or thought of dining here. Having tried the food and visited Royal Osha myself, I am convinced that it is one of the strongest players in the category of Thai fine dining in Bangkok. and Royal Osha completes the whole package in terms of food and decor. If you are looking to bring your guests/clients somewhere with good food and atmosphere, this is an option that will not disappoint.”

  • Chuckdickens

“This is a first-class, fine dining, and wonderfully decorated restaurant in the heart of Bangkok. This is our second visit this month. The staff are efficient, know the menu well, and are always happy to make recommendations. They do have a notable wine list with a wide variety of options. We found the food to be extremely delicious, very well presented, and it is clear that the chef takes great pride in preparing each dish!

 

If you’re looking for Thai food on a whole new level, we highly recommend you make a visit to Royal Osha. Food is delicious and the atmosphere is fantastic! We look forward to our return!”

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. สำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารไทย Royal Osha Menu ที่นี่ ได้เลย!

Royal Osha Menu

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” ร้านอาหารไทยแท้ที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่ง Royal Osha Menu ขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทย Royal Osha Menu สามารถจองโต๊ะล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

“ข้าวแช่” เมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดูจาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารตัวจริงต้องห้ามพลาด

Khao Chae

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

  •  

ข้าวแช่” เมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดูจาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารตัวจริงต้องห้ามพลาด

ถึงแม้ว่าในช่วงฤดูร้อนนั้นจะเป็นช่วงที่มีเทศกาลสงกรานต์ในการช่วยดับร้อน และมีวันหยุดยาวที่หลายๆ คนจะได้กลับบ้านเยี่ยมครอบครัว หรือท่องเที่ยวได้แบบสบายใจ แต่ว่าในช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่อากาศ และอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อนไปจนถึงร้อนมาก จนทำให้ทุกคนจะต้องมองหาวิธีดับร้อนที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำ การดื่มน้ำเย็นๆ หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยให้ร่างกายมีความสดชื่นจากภายในสู่ภายนอก อย่างเช่น “ข้าวแช่” ที่เป็นเมนูช่วยคลายร้อนยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน เพราะว่าเมนูข้าวแช่นั้นมีทั้งความหอม ความเย็น และความอร่อย ทำให้เวลารับประทานเข้าไปนั้นจะสัมผัสได้ถึงความหอมชื่นใจ เย็นสดชื่น และอิ่มอร่อยได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมไปทำความรู้จักกับ “ข้าวแช่” ตำรับรอยัล โอชา ที่เป็นเมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดูจาก Royal Osha ว่าคืออะไร มีเครื่องเคียงอะไรบ้าง มีวิธีการรับประทานอย่างไร พร้อมแนะนำเมนูอาหาร Fine Dining ใน Set Menu คิมหันต์ฤดู ที่จะช่วยให้นักชิมได้ดับร้อนจากอากาศร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

1. “ข้าวแช่” คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเมนูที่ต้องรับประทานในช่วงหน้าร้อน

Khao Chae

ข้าวแช่” คือ ข้าวหุงสุกที่แช่อยู่ในน้ำลอยดอกไม้ไทยที่รับประทานคู่กับเครื่องเคียง และเครื่องแนม เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม และเมื่อรับประทานแล้วจะสัมผัสได้ถึงความหอม และสดชื่น ที่สามารถช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดี โดยข้าวแช่นั้นได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญตั้งแต่ในช่วงรัชกาลที่ 3 ที่ในภาษามอญเรียกว่า “เปิงด้าจก์” มาจากคำว่า เปิง แปลว่า ข้าว และ ด้าจก์ แปลว่า น้ำ ที่ชาวมอญใช้ในการเซ่นไหว้ และประกอบพิธีบูชาเทวดา เพื่อทำการขอพรให้มีทายาทสืบสกุลในวันมหาสงกรานต์ของชาวมอญ และในช่วงรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น (เจ้าจอมเชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา หรือเจ่ง คชเสนี) ที่เป็นพระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 ก็ได้นำข้าวแช่ขึ้นถวายเป็นเครื่องต้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้เมนูข้าวแช่เป็นที่นิยมในวัง และเมื่อเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นติดตามไปถวายงานพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระราชวังพระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้ทำการถ่ายทอดการทำข้าวแช่ชาววังไปยังห้องเครื่อง และหลังจากนั้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 หม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ที่เป็นข้าหลวงประจำห้องเครื่องในช่วงสมัยนั้น ก็ได้ทำการเผยแพร่ข้าวแช่จากห้องเครื่องก็ได้ไปสู่ชาวเมืองเพชรบุรี ทำให้ข้าวแช่ที่เป็นอาหารชาววัง ก็ได้กลายเป็นอาหารที่สู่สาธารณชน และได้รับความนิยมจนถึงในปัจจุบัน และด้วยความที่ข้าวแช่ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีสงกรานต์ของชาวมอญ และนิยมรับประทานกันในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม ที่เป็นช่วงฤดูร้อน เพราะว่าข้าวแช่สามารถช่วยคลายร้อนให้ความรู้สึกหอม เย็น สดชื่น และชื่นใจเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตั้งแต่ในช่วงสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันนิยมนำข้าวแช่มารับประทานกันในช่วงหน้าร้อนนั่นเอง

2. เครื่องเคียงของข้าวแช่มีอะไรบ้าง? และทำไมถึงต้องรับประทานข้าวแช่คู่กับเครื่องเคียง

การรับประทานข้าวแช่นั้นจะต้องรับประทานคู่กับเครื่องเคียง และเครื่องแนม เพื่อช่วยให้ข้าวแช่มีรสชาติที่อร่อย กลมกล่อม หอมเย็น ชื่นใจ ตามสไตล์ของข้าวแช่โบราณ โดยส่วนใหญ่นั้นเครื่องเคียงของข้าวแช่ก็จะมีให้เลือกรับประทานหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกกะปิ หมูฝอย หอมแดงสอดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ไชโป๊วผัดหวาน และลูกไข่เค็ม เป็นต้น ซึ่งเครื่องเคียงของข้าวแช่ แต่ละอย่างนั้นมีรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกกะปิ เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากเนื้อปลาช่อน หรือปลาดุกย่าง ผสมผสานเข้ากันกับตะไคร้ กระชาย หัวหอม กะปิ และหัวกะทิ แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก ชุบไข่ผสมแป้งสาลี และทอดให้สุกจนได้สีเหลืองสวย
  • หมูฝอย เป็นเครื่องเคียงที่ทำจากเนื้อหมูที่ผ่านการต้ม และนำมาฉีกเป็นฝอย แล้วจึงนำไปทอดกับน้ำตาล เพื่อให้ได้รสชาติหวานกำลังดี
  • หอมแดงสอดไส้ เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากเนื้อปลาช่อน หรือปลาดุกย่าง โขลกเข้ากันกับสมุนไพรจนเหนียว แล้วจึงค่อยนำไปปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก สอดใไส้ในหอมแดงที่คว้านเนื้อออก ชุบไข่ผสมแป้งสาลี และทอดให้สุกจนได้สีเหลืองสวย
  • พริกหยวกสอดไส้ เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากเนื้อกุ้ง หรือเนื้อหมูติดมันที่สับจนเนื้อเนียนละเอียด เพื่อนำไปปรุงรส พร้อมกับนึ่งจนสุก แล้วจึงค่อยนำไปห่อด้วยพริกหยวก และไข่ที่ทำทอดออกมาเป็นแพ
  • ไชโป๊วผัดหวาน พอขึ้นเงา โรยกระเทียม เป็นเครื่องเคียงที่มาจากไชโป๊วผัดหวานเข้ากันกับน้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลโตนด แล้วจึงปรุงรส เพื่อให้ได้รสชาติที่มีความหวาน และความเค็มเข้ากันอย่างลงตัว
  • ลูกไข่เค็ม เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากลูกไข่แดงเค็มที่นำมาปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก ชุบไข่ผสมแป้งสาลี และทอดให้สุกจนได้สีเหลืองสวย


นอกจากเครื่องเคียงของข้าวแช่ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็อาจจะมีเครื่องเคียงเพิ่มเติมอื่นๆ ด้วย ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละคน และก็ยังมาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้แกะสลัก เช่น มะม่วงเปรี้ยว แตงกวา พริกชี้ฟ้า ต้นหอม ดอกกระชาย หรือมันแกว เป็นต้น ที่เมื่อนำมารับประทานคู่กับช้าวแช่แล้ว ก็จะได้รสชาติที่เข้ากันได้ดี หอมสดชื่น และกลมกล่อม ที่นักชิมจะได้สัมผัสความอร่อยสไตล์ไทยโบราณได้ในทุกคำ

3. ข้าวแช่มีวิธีรับประทานอย่างไร? ถึงจะสัมผัสความอร่อยตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างถูกต้อง

ถึงแม้ว่าข้าวแช่นั้นจะเป็นเมนูอาหารที่มีความหอม สดชื่น และอร่อยกลมกล่อม ที่นักชิมนิยมนำมารับประทานกันในช่วงหน้าร้อน และดูเหมือนจะสามารถรับประทานแบบไหนก็ได้ แต่ความจริงนั้นการรับประทานข้าวแช่ก็มีขั้นตอนในการรับประทานที่จะช่วยให้นักชิมสัมผัสได้ถึงความอร่อยตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างถูกต้อง โดยขั้นตอนในการรับประทานข้าวแช่ มีดังนี้

  • รับประทานเครื่องเคียงคาว เป็นขั้นตอนในการรับประทานข้าวแช่ที่จะต้องเริ่มจากการรับประทานเครื่องเคียวที่เป็นของคาวก่อน เช่น ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ พริกหยวกสอดไส้ และลูกไข่เค็ม เป็นต้น
  • รับประทานข้าวแช่ หลังจากรับประทานเครื่องเคียงคาวแล้ว ให้นักชิมทำการรับประทานข้าวแช่ต่อได้เลย เพื่อเป็นการเพิ่มความสดชื่น และเมื่อผสมผสานกับรสชาติของเครื่องเคียงคาวก็จะช่วยให้ได้ความกลมกล่อมมากขึ้น
  • รับประทานเครื่องเคียงหวาน เมื่อรับประทานข้าวแช่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้รับประทานเครื่องเคียงที่เป็นของหวานต่อได้เลย เช่น หมูฝอย และไชโป๊วผัดไข่ และหลังจากรับประทานแล้ว ก็สามารถรับประทานข้าวแช่ต่อได้เลยเช่นกัน
  • รับประทานเครื่องแนม หลังจากรับประทานเครื่องเคียงคาวหวาน และข้าวแช่แล้ว ก็ให้รับประทานเครื่องแนม เช่น มะม่วงเปรี้ยว แตงกวา พริกชี้ฟ้า หรือต้นหอม เป็นต้น เพื่อช่วยให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมขึ้น


ทั้งนี้ การรับประทานช้าวแช่นั้นไม่ควรทำการตักเครื่องเคียงใส่ลงในข้าวแช่ เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของข้าวแช่หายไป และจะทำให้รสชาติของเครื่องเคียง ทั้วคาว และหวานปะปนอยู่ในข้าวแช่ และส่งผลให้นักชิมไม่สามารถรับรู้รสชาติที่แท้จริงของข้าวแช่ และเครื่องเคียงแต่ละชนิดได้อย่างเต็มที่

4. เมนู “ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา” มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่าง ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างประณีตจากเชฟแถวหน้าของเมืองไทย

เมนูข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดู หรือฤดูร้อนของ Royal Osha ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างประณีตจากเชฟแถวหน้าของเมืองไทย ได้แก่ “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef แห่ง Royal Osha ที่มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงอาหารไทยมามากกว่า 40 ปี โดยข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา นั้นได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาด้วยการนำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดี ลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 เพื่อทำการแช่ข้ามคืน ที่จะช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้ได้กลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ที่ผ่านการปรุงรส และสร้างสรรค์มาอย่างประณีตตามตำรับของ Royal Osha จนได้เครื่องเคียงที่มีรสชาติที่มีอร่อย กลมกล่อม ตามแบบฉบับของข้าวแช่ไทยโบราณ แต่มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Royal Osha ไว้ในทุกสัมผัส โดยเครื่องเคียงของข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ทั้ง 7 อย่าง มีดังนี้

  • ลูกกะปิ
  • หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง
  • พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง
  • ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด
  • หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม
  • ปลายี่สนผัดหวาน
  • หัวไชโป๊วผัดหวาน 

โดยในทุกเมนูเครื่องเคียงนั้นรังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่ได้เลือกสรรมาเป็นอย่างดี มาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต เพื่อช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้กับรสชาติของข้าวแช่มากขึ้น อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น

5. นอกจากเมนูข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ยังมีเมนูอาหาร Fine Dining ในคิมหันต์ฤดูให้นักชิมได้เลือกลิ้มลอง

Khao Chae

สำหรับนักชิมที่สนใจอยากจะดับร้อนด้วย “ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา” และอยากจะลิ้มลองเมนูอาหาร Fine Dining ที่สามารถช่วยคลายร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทาง Royal Osha ก็มีเมนูอาหาร Fine Dining ที่เป็น Set Menu คิมหันต์ฤดู ที่เชฟวิชิต มุกุระ ได้รังสรรค์ขึ้นมาให้ทุกเมนูสามารถช่วยคลายร้อนให้กับชักชมได้แบบจัดหนักจัดเต็ม ซึ่งแต่ละเมนูนั้นก็มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลผสมผสานเข้ากันกับสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ช่วยให้นักชิมได้คลายร้อน อิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน โดยเมนูอาหาร Fine Dining จาก Set Menu คิมหันต์ฤดู มีดังนี้

  • ทองม้วนต้มยำกุ้งคาเวียร์ เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการผสมผสานกันระหว่างของคาว และของหวาน ที่นำทองม้วนมาสอดไส้ด้วยเนื้อกุ้งนุ่มเด้งผสมผสานกับมูสต้มยำ เพิ่มสีสันให้น่ารับประทานมากขึ้นด้วยซอสมะม่วง ใบมะกรูดกรอบ และดอกไม้ ทำให้นักชิมสามารถสัมผัสได้ถึงความกรอบของทองม้วนที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้ง และมูสต้มยำ และหอมกรุ่นไปด้วยสมุนไพร
  • แตงโมหอยสังข์กับบีทรูทปลาแห้ง เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการนำแตงโมมาหั่นเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า ตกแต่งด้านบนด้วยหอยสังข์ พร้อมกับโรยเกลือหิมาลายาเล็กน้อย แล้วจึงค่อยนำไปย่าง เพื่อให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด บีทรูท และปลาแห้ง เพื่อช่วยให้ได้รสชาติที่มีความจัดจ้านกำลังดี และมีความกลมกล่อมอย่างลงตัว
  • ยำผักหวานป่ากับสแกลลอปฮอกไกโด เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาจากผักหวาน ที่นำมายำกับกะทิ และเครื่องกรอบต่างๆ มาพร้อมกับสแกลลอปฮอกไกโดที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการจี่ และโรยเกลือหิมาลายา ทำให้ได้รสชาติหวาน มีความสดใหม่ และนุ่มเด้ง ที่ผสมผสานเข้ากันจนได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม และลงตัวเป็นอย่างมาก
  • ต้มโคล้งปลากรอบแบบใสกับยำสายบัวพริกหวานและกุ้งสเปน เป็นเมนูอาหารที่ประกอบไปด้วยต้มโคล้งปลากรอบแบบใส มาพร้อมกุ้งสเปนที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการจี่ และโรยเกลือหิมาลายา และนำส่วนหัวทอดแบบเทมปุระ เพื่อนำมารับประทานคู่กับยำสายบัวพริกหวานที่มีน้ำยารสชาติเข้มข้น ทำให้นักชิมได้สัมผัสรสชาติที่มีความเข้มข้น และจัดจ้านที่มีความกลมกล่อม
  • ล็อบสเตอร์ผัดฉ่า แกะย่างจิ้มแจ่วข้าวหอมมะลิแดง เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาแบบ Surf & Turf ที่ผสมผสานระหว่างอาหารทะเล และเนื้อไว้ในจานเดียวกัน โดยมีล็อบสเตอร์ที่มาพร้อมกับซอสผัดฉ่า รสชาติเข้มข้นถึงใจ ตัดด้วยเนื้อแกะย่างที่มีความสุกระดับ Medium Rare รสชาติจัดจ้านแบบน้ำจิ้มแจ่ว เสิร์ฟคู่กับข้าวหอมมะลิแดง ที่จะช่วยให้ได้รสชาติที่มีความอร่อย และมีความจัดจ้านกำลังดี
  • เจลลี่ส้มฉุนผลไม้กับมะกรูดเชื่อม เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นสไตล์ลอยแก้ว ด้วยการนำส้มซ่ามาทำเป็นลอยแก้ว ผสมผสานกับระหว่างผลไม้ไทย และผลไม้ญี่ปุ่นตามฤดูกาล รับประทานคู่กันกับมะกรูดเชื่อมเนื้อใส พร้อมกับโรยหน้าด้วยหอมเจียวรมควัน และขิงซอย ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น และล้างปากปิดมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
  • พุดดิ้งนมสดกับไอศกรีมชาไทยและเบอร์รี เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการผสมผสานระหว่างพุดดิ้งนมสดที่มีความหอม หวาน และมัน กับไอศกรีมชาไทยที่มีความหอมชาไทยเป็นเอกลักษณ์เข้าด้วยกัน พร้อมกับตัดเลี่ยนด้วยเบอร์รีชนิดต่างๆ ที่มีรสชาติหวานฉ่ำอมเปรี้ยวกำลังดี ที่ช่วยปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ทั้งนี้ Set Menu ของคิมหันต์ฤดู และฤดูกาลอื่นๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการรังสรรค์ทุกเมนูนั้นมีการคัดสรร และเลือกใช้ตามฤดูกาล ดังนั้น นักชิมคนไหนที่อยากจะสัมผัส หรือลิ้มลองความอร่อยของเมนูอาหาร Fine Dining ที่ Royal Osha สามารถติดตามเมนูอาหารประจำฤดู สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้เลยที่ Facebook : Royal Osha Bangkok หรือคลิก ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

6. ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา จะ Dine in หรือ Take Away ก็ช่วยดับร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะสัมผัสความสดชื่นรื่นรสแห่งคิมหันต์ฤดู จากสำรับข้าวแช่ชาววัง ตำรับรอยัล โอชา ก็มีให้นักชิมได้เลือกรับประทานกัน 2 แบบ ได้แก่ แบบ Dine in หรือรับประทานที่ร้าน และ Set Take Away สำหรับการรับประทานที่บ้าน หรือซื้อเป็นของขวัญ ของฝาก โดยรายละเอียดของการเลือกรับประทานข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ในแต่ละรูปแบบ มีดังนี้

  • Dine in เป็นสำรับของข้าวแช่รอยัล โอชา ที่มีราคาอยู่ที่ 1,250 บาท ต่อ 1 คน โดยจะประกอบไปด้วยข้าวแช่ และเครื่องเคียง 1 สำรับ, ของว่าง 2 อย่าง และลอยแก้ว ที่ให้นักชิมได้สัมผัสความอิ่มอร่อย และคลายร้อนกันแบบจัดเต็ม
  • Take Away เป็นสำรับของข้าวแช่รอยัล โอชา ที่มีราคาอยู่ที่ 2,250 ต่อ 1 เซ็ท โดยจะประกอบไปด้วยข้าวแช่ และเครื่องเคียง 1 สำรับ ที่มีปริมาณเหมาะกับการรับประทาน 2 คน บรรจุลงในกล่องสีแดงสุดหรูหรา และพรีเมียม มาพร้อมกับ Voucher สำหรับรับประทานขนมหวานประจำวันภายในร้าน เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ หรือของฝากในโอกาสต่างๆ เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ราคาในการรับประทานข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา แบบ Dine in หรือรับประทานที่ร้าน อาจมีการเปลี่ยนแปลง และสำหรับสำรับข้าวแช่แบบ Set Take Away จะต้องทำการสั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน และ Voucher ที่ได้รับภายในกล่องนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. ดับร้อนด้วย “ข้าวแช่” ตามแบบวิถีของ Royal Osha สั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่งได้แล้ว วันนี้!

Khao Chae

สำหรับในช่วงคิมหันต์ฤดู หรือช่วงฤดูร้อนนั้นเป็นช่วงที่อากาศของประเทศไทยมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง ที่ในบางวันมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ทำให้อากาศมีความร้อน และอบอ้าว ที่ส่งผลให้ร่างกายร้อนตามไปด้วย ดังนั้น การดับร้อนด้วย “ข้าวแช่” ถือว่าเป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยดับร้อนได้จากภายในสู่ภายนอก ที่จะทำให้นักชิมได้ทั้งอิ่ม อร่อย และดับร้อนได้อย่างดีเยี่ยม และสำหรับนักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะดับร้อนด้วยข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ตามแบบวิถีของ Royal Osha สามารถสั่งซื้อข้าวแช่ แบบ Set Take Away หรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อลิ้มลองข้าวแช่แบบ Dine in หรือถ้าหากอยากดับร้อนแบบ Full Course ที่ทุกเมนูนั้นถูกรังสรรค์ขึ้นมา ที่ให้นักชิมได้อิ่มอร่อย ดับร้อน และดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถเลือกรับประทานเมนูอาหาร Fine Dining ที่เป็น Set Menu ของคิมหันต์ฤดูแบบจัดเต็มได้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่ง ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

แนะนำร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ถนนวิทยุ ถูกใจนักชิมสายชิล

Michelin Restaurant Near Me

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

แนะนำร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ถนนวิทยุ เดินทางสะดวกสบาย ถูกใจนักชิมสายชิล

ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน” เป็นทางเลือกที่นักชิมหลายๆ คนมักจะค้นหากันบ่อยๆ เพราะว่าเป็นตัวช่วยที่จะทำให้นักชิมสามารถหาร้านอาหารอร่อยที่ใกล้อยู่กับตำแหน่งที่ตั้ง หรือพิกัดในปัจจุบันของนักชิมได้ แต่ว่าในทุกครั้งที่นักชิมค้นหาคำว่า ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ก็อาจจะมีร้านอาหารขึ้นมาให้เลือกอย่างหลากหลาย และทำให้นักชิมเลือกไม่ถูกว่าควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้านไหนดี ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน “Royal Osha” ที่เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย ที่สามารถตอบโจทย์การรับประทานอาหารได้ในทุกมื้อ ทุกโอกาส และถูกปากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน พร้อมแนะนำร้านอาหารมิชลินใกล้ฉันสไตล์อื่นๆ และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ที่ไม่ควรพลาด

1. Royal Osha ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ถนนวิทยุ อาหารไทยสไตล์ Fine Dining รับประทานมื้อไหน ก็อิ่มอร่อยถูกใจ

Michelin Restaurant Near Me

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ หัวมุมซอยร่วมฤดีด้านซ้ายมือก่อนออกถนนวิทยุ ที่ถือว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ที่สามารถใช้ขนส่งสาธารณะอย่าง BTS ลงที่สถานีเพลินจิต หรือ MRT ลงที่สถานีลุมพินี หรือนักชิมคนไหนสะดวกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ทางร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ก็มีที่จอดรถรองรับอยู่ในโซนด้านหลังของทางร้าน โดย Royal Osha นั้นเป็นร้านอาหารไทย สไตล์ Fine Dining ที่การันตีด้วยรางวัล Micheline Guide 6 ปีซ้อน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่การันตีได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย ผ่านการรังสรรค์จากเชฟมากฝีมือที่ได้ใช้เทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟ มีการนำเสนออาหารไทยให้ออกมาในรูปแบบที่นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติสามารถเข้าถึงได้ง่าย สัมผัสได้ถึงความเป็นไทยได้ในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง และที่สำคัญ คือ ในทุกเมนูอาหารนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ทาง Royal Osha ก็ยังคงความเสมอต้นเสมอปลาย และมีความคุ้มค่าคุ้มราคาในทุกบาททุกสตางค์ที่นักชิมจ่าย ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ตรงกับหลักเกณฑ์ประเมิน Michelin Guide และนอกจากนั้นเมนูอาหารของ Royal Osha ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉันนั้นยังมีให้ชิมได้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบ Set Menu ที่เชฟได้จัดเมนูมาให้ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน แบบจัดหนักจัดเต็ม หรือจะเป็นแบบ A La Carte ที่นักชิมสามารถเลือกได้ตามความชอบก็มีเช่นกัน จึงทำให้เมนูอาหารของทาง Royal Osha ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ถนนวิทยุ นั้นสามารถตอบโจทย์การรับประทานอาหารของนักชิมได้ทุกมื้อ และไม่ว่าจะรับประทานในโอกาสพิเศษ ดินเนอร์ เฉลิมฉลอง หรือมื้อไหนๆ ก็อิ่มอร่อยถูกใจอย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าหากนักชิมคนไหนที่กำลังมองหาร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ที่เป็นอาหารไทย สไตล์ Fine Dining ก็ต้องห้ามพลาดที่จะแวะมาที่ Royal Osha ให้ได้สักครั้ง

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

2. ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟมากฝีมือ จนได้รางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน

สำหรับเมนูอาหารของร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน “Royal Osha” ทุกเมนูที่นักชิมได้ลิ้มลองนั้นจะสัมผัสได้ถึงความเป็นไทย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทุกคำ เพราะว่าเมนูอาหารไทยที่นี่ผ่านการรังสรรค์จากเชฟมากฝีมืออย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี และถือว่าเป็นเชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทยอีกคนเลยก็ว่าได้ โดยจุดเริ่มต้นของเชฟวิชิต มุกุระนั้นเริ่มมาจากการช่วยเป็นลูกมือของคุณแม่ภายในครัว ที่เป็นแรงผลักดันให้เชฟได้เข้าสู่วงการเชฟในช่วงวัย 24 ปี ในตำแหน่งเชฟใหญ่ ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี จนสร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นอีกห้องอาหารไทยที่ถูกจัดอยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย และยังส่งต่อความรู้ความสามารถของตัวเองในตำแหน่งอาจารย์ ที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารอีกมากมาย แต่ด้วยความที่เชฟวิชิตนั้นอยากลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่มีความตั้งใจ และอยากจะใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเอง ในการยกระดับวงการอาหารไทยให้เป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงเลื่องลือดังไกลไปทั่วโลก จึงได้เกิดเป็น “Royal Osha” ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน ด้วยการจับมือร่วมมือกันสร้างร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครงองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน และด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าคุ้มราคา และมีอาหารให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ จึงทำให้ Royal Osha เป็นอีกร้านอาหารมิชลินใกล้ฉันที่ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินิยมแวะเวียนมาฝากท้องกันไว้เสมอ

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

3. คัดสรรวัตถุดิบแบบ Seasonal ผสมผสานกับการใช้สมุนไพร ตามสไตล์อาหารไทยตำรับร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha

Michelin Restaurant Near Me

การคัดสรรวัตถุดิบที่ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha จะมีขั้นตอนในการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความพิถีพิถันมากที่สุด เพื่อให้วัตถุดิบในการทำอาหารที่มีคุณภาพ มีความสดใหม่ สะอาด และปลอดภัย และจุดเด่นในการคัดสรรวัตถุดิบของ Royal Osha นั้นก็จะเป็นการคัดสรร และเลือกใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการใช้วัตถุดิบตามแต่ละฤดูกาล โดยการเลือกสรรวัตถุดิบแบบนี้นั้นเกิดมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย เพื่อให้ได้อาหารไทยที่มีความครบเครื่อง มีหลากหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงามละลานตา และมีรสชาติที่ผ่านการปรุงให้มีความกลมกล่อมตามอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด พร้อมกับใช้แนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และการใช้พืช ผัก สมุนไพรมาปรุงเป็นอาหารนั้นตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และด้วยการผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบตามฤดูกาล พืช ผัก และสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา ที่มีการปรุงแต่งออกมาเป็นอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ตามแต่ละภาค ที่มีความครบเครื่องในรสชาติ ทำให้เมนูอาหารของทางร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha นั้นมีการสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่งผลให้นักชิมสามารถแวะมาลิ้มลองอาหารใหม่ๆ ที่นี่ได้ตลอดทั้งปี แบบไม่ซ้ำจำเจ ที่ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทย Fine Dining ที่นักชิมจะต้องประทับใจทุกครั้งที่แวะเวียนมาอย่างแน่นอน

ดังนั้น นักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และอยากดูแลสุขภาพในเวลาเดียวกัน ต้องห้ามพลาดที่จะมาเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทย สไตล์ Fine Dining ที่ทุกเมนูได้รับการรังสรรค์มาเป็นอย่างดีตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงการนำเสนอ สามารถแวะมาชิมได้ที่ Royal Osha ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ที่มีเมนูอาหารไทย 4 ภาคที่ได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และเสน่ห์ของอาหารไทย จากการปรุงในทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เพื่อช่วยยกระดับอาหารไทย และช่วยให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติได้รับมุมมองใหม่ๆ จากการรับประทานอาหารไทยได้ดีเยี่ยมมากขึ้น

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

4. ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha กับเมนู 3 ฤดู ให้นักชิมได้ลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทยพร้อมบำรุงร่างกายแบบ 2 in 1

สำหรับเมนูอาหารของร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นก็ทำให้เมนูอาหารจะมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่แต่ละฤดูนั้นก็จะมีเมนูเรียกน้ำย่อย เมนูอาหารหลัก และขนมหวานที่แตกต่างกัน โดยเมนูแนะนำจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ที่นักชิมห้ามพลาด มีดังนี้
  • แกงคั่วสามฉุนกับหอยเชลล์ย่าง เป็นเมนูอาหารที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์จากฮอกไกโด ที่นำมาปรุงสุกด้วยการย่างจนมีกลิ่นหอม มาพร้อมกับซอสแกงคั่วที่เป็นเครื่องแกงสูตรเฉพาะของทางภาคใต้ ที่มีการผสมผสานความเผ็ดร้อนจากสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น สะตอ ชะอม และใบชะพลู ตกแต่งด้วยไข่ปลาแซลมอน (อิคุระ) เพื่อช่ยตัดรสชาติเผ็ดร้อน เค็ม และหวานได้อย่างลงตัว และกลมกล่อมเป็นอย่างมาก
  • หลนปูกับเนื้อตะไคร้ เป็นเมนูอาหารที่รังสรรค์มาจากเนื้อปูม้าก้อนใหญ่ ชิ้นโตเต็มคำ ที่นำมาปรุงกับกะทิที่เคี่ยวหอม เข้มข้น ผสมผสานกับสมุนไพรหลากหลายชนิด ที่ทำให้ได้รสชาติที่มีความหอมหวาน มัน จากกะทิ และมีความเค็ม และเปรี้ยวจากสมุนไพร เสิร์ฟพร้อมกับสายบัว ขมิ้นขาว และมะเขือ ที่เป็นเครื่องเคียงกรุบกรอบที่นิยมรับประทานตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นอีกเมนูเครื่องจิ้มที่นักชิมที่ชื่นชอบอาหารไทยไม่ควรพลาด
  • เบือทอดกุ้งแดงสเปนกับรอยัล โอชามาโย และมัสตาร์ดซอส และแสร้งว่าหอยเชลล์ย่าง เป็นเมนูอาหารที่รังสรรค์มาจากกุ้งแดงสเปน ที่ปรุงสุกด้วยการทอดในอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้ได้เนื้อกุ้งที่มีความหวาน นุ่ม เด้ง มาพร้อมกับใบชะพลูชุบแป้งทอด ราดด้วยซอส Signature อย่าง “Royal Osha Mayonnaise and Mustard Sauce” ตามมาด้วยแสร้งว่าหอยเชลล์ย่าง ที่รังสรรค์จากหอยเชลล์คุณภาพ สะอาด สดใหม่ ปรุงสุกด้วยการย่างจนได้สีเหลืองทอง ตัดรสชาติด้วยการนำไข่ปลาแซลมอน (อิคุระ) วางไว้ด้านบน พร้อมเครื่องยำที่จัดจ้านที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรไทยหลากหลายชนิด
  • ปลาเก๋าแดงซอสฉู่ฉี่กับเนื้อวากิวออสเตรเลียย่างซอสน้ำตกเสิร์ฟพร้อมผักย่าง เป็นเมนูที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาแบบ Surf & Turf ที่ได้รวมอาหารทะเล และเนื้อแดงไว้ในจานเดียวกัน ด้วยการนำปลาเก๋าแดง ปรุงสุกด้วยการนาบกับกระทะที่มีน้ำมันร้อนฉ่า จนได้หนังกรอบ เนื้อนุ่ม เด้ง หวาน สุกกำลังพอดี เสิร์ฟคู่กับซอสฉู่ฉี่เข้มข้นถึงใจ มาพร้อมกับเนื้อวากิวออสเตรีเลีย ที่ปรุงสุกด้วยการย่าง มาคู่กับซอสน้ำตกที่มีความกลมกล่อม ครบเครื่อง ครบรส รับประทานคู่กับผักย่างได้อย่างลงตัว
  • ต้มหนวดปลาหมึกยักษ์กับส้มจี๊ด เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากหนวดปลาหมึกยักษ์ ที่มีความพรีเมียม สดใหม่ หนวดโต เนื้อนุ่มเด้ง หนึบหนับ ผ่านการปรุงสุกให้มีความสุกกำลังพอดี มาพร้อมกับน้ำซุปสีทองเหลืองอร่าม ที่มีรสชาติจัดจ้านถึงใจจากส้มจี๊ดที่ผ่านการปรุงมาอย่างพิถีพิถัน เคี่ยวเป็นระยะเวลานานจนได้ซุบที่มีความเข้มข้น ผสมผสานกับสมุนไพรหลากหลายชนิด เพื่อเพิ่มความหอม และมีการเสิร์ฟด้วยเครื่องไซฟ่อน ที่ช่วยดึงน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรต่างๆ ให้เข้าลงสู่ตัวซุปได้เป็นอย่างดี

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

5. ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน แถวถนนวิทยุ สไตล์อื่นๆ ที่นักชิมสามารถแวะเวียนไปลิ้มลองกันได้

Michelin Restaurants Near me

นอกจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ก็ยังมีร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน แถวถนนวิทยุสไตล์อื่นๆ ที่ให้นักชิมแวะเวียนไปลิ้มลองกันได้อีกหลากหลายร้าน โดยร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับ Royal Osha มีดังนี้

  • เสน่ห์จันทร์ เป็นร้านอาหารไทยโบราณ ที่ใช้สูตร หรือเครื่องปรุงแบบโบราณ มีให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ เช่น A La Carte, Lunch Set, Dinner Set หรืออาหารมังสวิรัติ มีทั้งเมนูเรียกน้ำย่อย เมนูซุป เมนูอาหารจานหลัก และของหวาน ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ห่างจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ประมาณ 200 เมตร

 

  • Misho เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีอาหารญี่ปุ่นให้เลือกรับประทานหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ปลาดิบ ราเมน เทมปุระ หรือทงคัตสึ อาหารสดใหม่ทุกจาน ทั้งของดิบ และของปรุงสุก ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ห่างจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ประมาณ 260 เมตร

 

  • ข้าว เป็นร้านอาหารไทยโบราณ ที่มีให้เลือกรับประทานทั้งอาหารจานเดียว กับข้าว และแบบคอร์ส มีเมนูอาหารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้ม แกง ผัด ทอด นึ่ง หรืออบ รวมถึงมีขนม และของว่างให้เลือกรับประทานอย่างละลานตา ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ห่างจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ประมาณ 450 เมตร

6. สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ที่ไม่ควรพลาด

สำหรับนักชิมคนไหนที่แวะเวียนมาลิ้มลองร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha และอยากจะหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือเดินย่อยอาหารที่รับประทานมาอย่างเต็มอิ่ม ในบริเวณใกล้เคียงกันกับร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha นั้นก็มีพื้นที่สีเขียว และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ต้องห้ามพลาด ดังนี้
  • สะพาน​เขียว​ สวนลุมพินี-ส​วนเบญจกิติ (ฝั่งลุมพินี) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักชิมคนไหนชื่นชอบการถ่ายรูปต้องห้ามพลาด เพราะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมที่มีสะพานสีเขียวทอดยาว มีร่มไม้น้อยใหญ่ให้ความร่มรื่น เหมาะกับการเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือถ่ายรูปเป็นอย่างมาก ห่างจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha เพียง 100 เมตร
  • สวนลุมพินี เป็นสถานที่ท่องที่ยวที่เป็นพื้นที่สีเขียวให้นักชิมได้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และเดินย่อยอาหารแบบเพลินๆ ที่นักชิมสามารถแวะเวียนไปได้หลังจากได้เที่ยวชม และถ่ายรูปบริเวณสะพานเขียว ห่างจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ประมาณ 300 เมตร
  • บ้านปาร์คนายเลิศ เป็นพิพิธภัณฑ์อายุกว่า 100 ปีที่ล้อมรอบไปด้วยแมกไม้เขียวขจี ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนหรูหรา และมีของเก่า ของโบราณ ที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลให้ได้เยี่ยมชมกัน ห่างจากร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha ประมาณ 1.7 กิโลเมตร

7. จองโต๊ะล่วงหน้าที่ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน Royal Osha สัมผัสความอร่อยของอาหารไทย Fine Dining ได้เลย ที่นี่!

ถ้าหากนักชิมคนไหนกำลังมองหาร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถนนวิทยุ เดินทางได้สะดวกสบาย “Royal Osha” ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์นักชิมได้เป็นอย่างดี เพราะมีเมนูอาหารไทยให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน รังสรรค์จากเชฟมากประสบการณ์อย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ได้ถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสที่นักชิมได้ลิ้มลอง มาพร้อมกับบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกอณู จึงเหมาะกับการแวะเวียนมารับประทานได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะนักชิมชาวไทย หรือชาวต่างชาติ ก็จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาสัมผัสความอร่อยของอาหารไทย Fine Dining ที่ Royal Osha ร้านอาหารมิชลินใกล้ฉัน สามารถจองโต๊ะล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Michelin Restaurant Near Me