รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ด้วยความปรารถนาที่อยากให้อาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา Royal Osha (รอยัล โอชา) ร้านอาหารไทยไฟน์ ไดนิ่ง หนึ่งใน Michelin Restaurant ที่ครองใจนักชิมทุกสัญชาติ การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน จัดทำโครงการ “รอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือ บันทึก นึกอร่อย” รังสรรค์ 10 เมนูพิเศษจากตำราอาหารของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ ถ่ายทอดโดยเชฟชื่อดัง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาวและเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ แห่งร้านรอยัลโอชา เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี โดยรายได้จาก 10 เมนูพิเศษหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา
สำหรับงานเปิดตัวโครงการฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วยเซเลบริตี้มากมาย มาร่วมงาน ณ ร้าน รอยัล โอชา ถนนวิทยุ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567
ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล เจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา กล่าวว่า “นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรอยัลโอชา และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านการปรุงรสชาติอาหารหลากหลายเมนูที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น นำเสนอความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม พร้อมเสิร์ฟในนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์ ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้คนไทยรุ่นใหม่และต่างชาติได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของสำรับอาหารไทยที่แท้จริง”
เกวลิน พิทยานุกุล เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนูและเจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา เผยว่า “ทุกเมนูอาหารมีความอร่อย จากคุณภาพวัตถุดิบที่ดีและการใส่ใจในเรื่องรสชาติ รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อนำเสนอความเป็นไทยสไตล์พรีเมียมให้นักชิมได้ลิ้มลองผ่านอาหารทุกคำ สัมผัสรสชาติอันซับซ้อนไม่ว่าจะเป็น รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เคล้ากลิ่นสมุนไพรพื้นบ้าน ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย”
เชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef แห่ง รอยัลโอชา เผยถึงที่มาที่ไปของโครงการฯ ว่า “จากการได้ร่วมเป็น 1 ใน 4 เชฟ ที่ได้รังสรรค์เมนูจากหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทำโครงการกับมูลนิธิชัยพัฒนาและอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า สูตรอาหารจากตำรา บันทึก นึกอร่อย นั้นสามารถทำได้จริง โดยคัดเลือก 10 เมนู ได้แก่ ประทัดลม ยำหัวปลีกุ้งสด ยำตะไคร้กุ้งสด กระทงกุ้งกระทงมัน หมูเสียบสับปะรด ไก่สำอาง แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม แกงฮังเลหมู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก และน้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ ซึ่งแต่ละเมนูสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการนำวัตถุดิบของไทยมาผสานกับวัตถุดิบต่างประเทศ รวมถึงความสนุกในการแกะสูตร ชิมรสชาติ เพราะสูตรในตำราบางเมนูไม่มีบอกปริมาณชั่งตวงวัด เนื่องจากเป็นสูตรอาหารไทยโบราณที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่านอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารไทยตำรับชาววังแล้ว ยังร่วมทำบุญด้วย โดยรายได้จากโครงการรอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือบันทึก นึกอร่อย หลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา”
ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยตำรับชาววัง ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” 10 เมนูสุดพิเศษ
เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย อย่าง ประทัดลม เมนูชื่อแปลกหูนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนั้นไทยเริ่มทำการค้ากับชาวจีน เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านอาหาร ประทัดลม ทำจากฟองเต้าหู้ที่นำไปห่อตัวเครื่องที่ประกอบไปด้วย หมูสับ เนื้อปู ปรุงรสด้วยสามเกลอ และใส่แห้วเพื่อเพิ่มรสสัมผัส ห่อเป็นรูปทรงกระบอกพันหัวท้ายด้วยต้นหอมแล้วทำไปทอดให้กรอบ เสิร์ฟคู่พร้อมน้ำจิ้มสามรส ออกเผ็ดนิดๆ ตามต้นตำรับ
หมูเสียบสับปะรด อาหารทานเล่นสไตล์แบบบาร์บีคิว นำเนื้อหมูส่วนหัวไหล่จาก Pork Matters เนื้อหมูคุณภาพ ปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดงและยาปฏิชีวนะ อุดมไปด้วยไขมันดีจากโอเมก้า 3 หั่นเต๋าหมักด้วยน้ำสับปะรดและเครื่องเทศตามสูตรต้นตำรับ เพิ่มลูกเล่นด้วยการนำแกนกลางของสับปะรดมาใช้แทนไม้เสียบ นำไปย่างไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมของเนื้อหมูเคล้าเครื่องเทศ สามเกลอ ผสานกลิ่นน้ำสับปะรดที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหมู เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มทานเพลินยิ่งนัก
ต่อกันที่เมนูสลัดสไตล์ไทย อย่าง กระทงกุ้งกระทงมัน ยำส้มโอรสจัดจ้าน ผสานรสสัมผัสหลากหลายมิติของ ถั่วพู มะพร้าวคั่ว แห้ว และความกรอบของกระทงมันฝรั่ง ท็อปด้วยกุ้งชุบเกล็ดขนมปัง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่อร่อยคุ้มค่าแก่การลิ้มรส อีกหนึ่งเมนูยำที่คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับ ยำหัวปลีกุ้งสด หรือ กัทลียำ ซึ่งกัทลี (กัด-ทะ-ลี) หมายถึง กล้วย โดยสูตรยำหัวปลีสูตรนี้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นหอมเจียว กระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่วป่น นอกจากนี้ยังมี ยำตะไคร้กุ้งสด ให้เลือกรับประทานและสนุกไปกับรสหอมของสมุนไพรไทย อย่าง ตะไคร้ นำมาซอยบางๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำสามรส โรยด้วยมะพร้าวคั่ว เสิร์ฟพร้อมกุ้งลวกด้วยน้ำเกลือ รับประทานแล้วจะได้รสชาติที่รู้สึกเบาสบาย สดชื่น
สำรับกับข้าวจานหลักมีให้เลือกครบสำรับ ทั้ง น้ำพริก แกง ต้มจืด ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ น้ำพริกหอมกลิ่นมะกรูดหาทานได้ยาก รสชาติคล้ายคลึงน้ำพริกกะปิ แต่เด่นด้วยการใช้มะกรูดมาเป็นตัวชูรสเปรี้ยว ทำให้มีกลิ่นหอมของมะกรูดที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น เป็นตำรับที่ท่านผู้หญิงประสานสุขได้มาจากวังวรดิศ โรยด้วยแคบหมูแบบครัมเบิ้ล (Crumble) ที่เวลารับประทานคู่กับน้ำพริกจะให้ความรู้สึกกรุบกรอบ ทานคู่กับผักเคียงตามฤดูกาล
อีกหนึ่งเมนูที่นำความเป็นไทยมาผสานกับวัตถุดิบฝรั่งด้วยการนำ แกงมัสมั่น เมนูอาหารที่ครองแชมป์ติดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเป็น “ราชาแห่งเครื่องแกง” มาผสมผสานกับความเปรี้ยวของ ส้มซันคิส แทนน้ำมะขามเปียก รังสรรค์เป็น แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม ให้รสชาติที่หอม เปรี้ยว หวาน หอมกลิ่นส้ม
แกงฮังเล อาหารชาวเหนือ หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่าง ข่า ขมิ้น หากใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจ ด้วยรสชาติ 4 รสกลมกล่อม ทั้ง เผ็ด หวาน เปรี้ยว และเค็ม ที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นชิ้นโต เคี้ยวจนนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับกระเทียมโทนดอกอร่อยเหาะ
ปิดท้ายกับ 2 เมนู ชื่อแปลกที่ต้องได้ลองสักครั้ง อย่าง ไก่สำอาง หอมกรุ่นกลิ่นกะทิเคล้ากลิ่นขมิ้น ครบรสด้วย น้ำตาล น้ำปลา มะนาว ทานคู่กับ ขิงหั่นฝอยทอด และน้ำมันพริก อาหารสำรับแบบไทยๆที่ขาดไม่ได้ แกงจืด หรือ ต้มจืด กับเมนู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก หอมหวานด้วยน้ำสต๊อกซดคล่องคอ เนื้อหมูบดปั้นก้อนที่ปรุงรสด้วยกระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว พริกไทย เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรับของเม็ดแมงลัก จัดเสิร์ฟสไตล์ ไซฟอน เพื่อสร้างสุนทรียแห่งกลิ่นอโรมาของสมุนไพรไทยขณะลิ้มรสความอร่อยของเมนูสุดพิเศษนี้
เพลิดเพลินกับ 10 เมนูพิเศษจากโครงการหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” กับรอยัลโอชา ตำรับอาหารชาววังของ ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล แบบ อาลาคาร์ท (à la carte) หรือ แบบ 6 คอร์สเมนู ในราคา 4,000++ บาท หรือ Chef’s Table 10 คอร์สเมนู ในราคา 6,000++ บาท ได้ที่ ณ รอยัล โอชา ถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30 – 23.00 น.
สำหรับผู้สนใจลิ้มลองเมนูสไตล์ Chef’s Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สอบถามรายละเอียดได้ทาง โทร. 02-256-6555 หรืออีเมล [email protected]