Story of

chef vichit mukura

ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในยุทธจักรอาหารใต้ฟ้าเมืองไทยของเชฟวิชิต มุกุระ จากลูกมือช่วยงานในครัวของแม่ ผลักดันเขาสู่การเป็นแม่ทัพใหญ่ของครัวในโรงแรมหรู จนมาเป็นทัพหน้าแห่งร้าน “Royal Osha” ร้านอาหารไทยที่ได้รับรางวัลมิชลินไกด์ 5 ปีซ้อน
ตำแหน่งเชฟใหญ่ครั้งแรกที่ยาวนานถึง 27 ปี ช่วงหนึ่งในชีวิตของเชฟวิชิตเขาตัดสินใจลาออกจากการเป็นเชฟโรงแรมเพื่อไปช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจร้านอาหารที่คุณพ่อเป็นผู้บุกเบิกไว้เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะวกกลับเข้ามาทำงานเป็นเชฟในสายโรงแรมเช่นเดิม เขามุ่งลงใต้สู่ Phuket Yacht Club โดยได้รับตำแหน่ง Sous Chef และทำให้มีโอกาสเดินทางไปสอนทำอาหารไทยที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนกลับมาเมืองไทยไปประจำเป็นเชฟใหญ่อยู่ที่ “ศาลาริมน้ำ” ห้องอาหารไทยชื่อดังของโรงแรมระดับแถวหน้าของประเทศอย่างแมนดาริน โอเรียนเต็ลอยู่นานเกือบ 3 ทศวรรษ
เชฟวิชิตได้รับตำแหน่งเชฟใหญ่ตอนอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น ต้องคุมทีมใหญ่ 32 คนเป็นครั้งแรก หลังจากที่กระโดดย้ายงานไปตามโรงแรมหลายแห่งในช่วงเวลาไม่กี่ปี คราวนี้เชฟวิชิตประจำการอยู่ที่ห้องอาหารศาลาริมน้ำยาวนานถึงกว่า 27 ปี และคงไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่าฝีมือของเชฟวิชิตนี่เองที่ทำให้ศาลาริมน้ำกลายเป็นห้องอาหารไทยชื่อดังระดับแถวหน้าของเมืองไทย
และยังได้มีการมีการเปิดโรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ซึ่งเชฟวิชิตรับหน้าที่เป็นอาจารย์ สอนและสร้างเชฟรุ่นใหม่ ๆ ประดับวงการ ช่วยยกระดับแวดวงร้านอาหารของเมืองไทยได้อย่างมากมาย

Story of

chef vichit mukura

“ผมอยู่ที่โรงแรมโอเรียนเต็ลยาวนานถึง 27 ปีครึ่ง ที่นั่นเป็นเหมือนครอบครัวและบ้านอีกหลังหนึ่งของผม แต่ผมรู้ตัวเองว่าลึก ๆ แล้วเราก็มองหาความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับชีวิตอยู่ ผมไม่อยากทำสิ่งเดิม ๆ ที่เคยทำมาจนผมอายุ 60 ในโรงแรม ซึ่งความจริงระหว่างที่ทำงานอยู่มีคนติดต่อเข้ามาตลอดนะว่าอยากให้ผมไปทำงานด้วย เมื่อประจวบเหมาะกับที่ผมส่งเสียลูก ๆ 2 คนไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบแล้วผมก็หมดห่วง เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาที่เราต้องออกมาท้าทายตัวเองสักที ความตั้งใจแรกของผมคืออยากทำแบรนด์ร้านอาหารไทยที่ใช้ระบบโรงแรมเข้ามาดำเนินงาน ใช้คนที่จบจากโรงแรมเข้ามาดูแล มาทำงาน ซึ่งผมคิดว่าคนที่เรียนจบการโรงแรมเมื่อมาทำร้านอาหารจะได้รายละเอียดที่มากกว่า”
ในฐานะที่อยู่ในแวดวงอาหารไทยมากว่า 4 ทศวรรษและประสบความสำเร็จในฐานะเชฟที่หลายคนเรียกว่าเป็นระดับปรมาจารย์ “ผมคิดว่าอาหารไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าอาหารชาติอื่น ๆ เลย อาหารไทยครบทั้งรส ครบทั้งสี ในขณะที่อาหารบางชาติไม่มีสี หรือบางชาติมีสีแต่รสไม่ได้ หนักไปที่เพียงบางรสชาติ แต่อาหารไทยผมมองว่ามีความครบเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ ทั้งรสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน และเรายังเก่งเรื่องการใช้สมุนไพรสด ซึ่งทำให้อาหารไทยมีความซับซ้อนและแตกต่างจากอาหารประเทศอื่น”
ความตั้งใจสู่ร้านรอยัลโอชา จากเชฟวิชิตคือการได้ทำอะไรให้คืนสู่ประเทศ หนึ่งในนั้นก็คือทำอาหารไทยให้เป็นที่รู้จัก เพื่อส่งต่อสืบสานความเป็นไทยด้านอาหารไทย ให้กับคนรุ่นใหม่ๆ และยังคงเป็นการทำ การปรุงอาหารในลักษณะที่เป็นพื้นฐานของความดั้งเดิมแบบไทย แต่จะมีการพัฒนาปรับแต่ง presentation ให้มันนำสมัยมากขึ้น และถ้าหากคุณได้อ่านมาถึงส่วนนี้แล้ว ก็หวังอย่างยิ่งว่าคุณจะเป็นหนึ่งในการสืบสานส่งต่อ ความเป็นไทยในด้านอาหารเพื่อให้ประเทศของเรา ยังคงมีวัฒนธรรมที่ดีในด้านอาหารไทยคงอยู่สืบไป