เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

ทำความรู้จักกับ Michelin Guide เหตุผลที่ทำให้ Restaurant Michelin Guide เป็นที่นิยมของนักชิม

Michelin Guide” เป็นรางวัลที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะว่ารางวัล Michelin Guide นั้นเป็นรางวัลที่สามารถการันตีได้ถึงคุณภาพ และมาตรฐานของร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ขั้นตอนในการปรุงอาหาร การนำเสนอเมนูอาหาร ความคุ้มค่าของราคา หรือการบริการลูกค้า ที่จะต้องผ่านหลักเกณฑ์การประเมินอย่างเข้มงวดจากผู้ประเมิน Restaurant Michelin Guide ถึงจะได้รางวัล Michelin Guide มาครอบครอง และถ้าหากยิ่งร้านอาหารร้านไหนได้รับติดต่อกันหลายปี ก็สามารถการันตีได้ถึงความการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานที่ดีเยี่ยม ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะพานักชิมไปทำความรู้จักกับ Michelin Guide ว่าคืออะไร มีหลักเกณฑ์การประเมินอย่างไร และใครเป็นผู้ประเมิน เหตุผลที่ทำให้ Restaurant Michelin Guide เป็นที่นิยมของนักชิมกันอย่างแพร่หลาย พร้อมแนะนำ “Royal Osha” ร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่มาพร้อมกับรางวัล Michelin Guide ที่การันตีมามากถึง 6 ปีซ้อน ที่เหล่านักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด

1. Michelin Guide คืออะไร? ทำไมนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติถึงนิยมเลือกรับประทาน Restaurant Michelin Guide

Michelin Guide

Michelin Guide คือ หนังสือคู่มือในการเดินทาง หรือ Guide Book ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยบริษัทยางรถยนต์จากฝรั่งเศสอย่าง Michelin ที่ภายในหนังสือนั้นจะมีข้อมูลของการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารต่างๆ ที่ควรค่าแก่การแวะชิม เมื่อได้เดินทางผ่านในเส้นทางๆ นั้นๆ โดยเฉพาะร้านอาหารที่จะมีการรีวิวสั้นๆ และมีการจัดอันดับด้วยการใส่สัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรูหรา, Fine Dining, Street Food หรือร้านอาหารทั่วไป ซึ่งร้านอาหารทุกร้านนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับ Michelin Guide ได้ทั้งหมด เพราะว่าการประเมินของ Michelin Guide นั้นจะมีหลักเกณฑ์การประเมิน ที่วัดกันที่คุณภาพ วัตถุดิบ และบริการตามจริง และผู้ประเมินที่มีจรรยาบรรณ เข้าใจ และมีความรู้เกี่ยวกับวงการอาหารอย่างแท้จริง จึงทำให้รางวัล Michelin Guide นั้นเป็นตัวช่วยในการการันตีความอร่อย คุณภาพ และบริการของแต่ละร้านได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินั้นจึงเลือกรับประทานอาหารที่ Restaurant Michelin Guide กันอย่างแพร่หลายนั่นเอง

2. หลักเกณฑ์ประเมิน Restaurant Michelin Guide ที่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนถึงจะได้รางวัล Michelin Guide มาครอบครอง

สำหรับหลักเกณฑ์การประเมิน Restaurant Michelin Guide นั้นผู้ประเมินก็จะมีการใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด เพื่อให้การประเมินตรงตามมาตรฐานของทาง Michelin และเมื่อร้านอาหารมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ ก็ถึงจะได้รับรางวัล Michelin Guide มาครอบครอง โดยหลักเกณฑ์ในการประเมินของ Michelin Guide มีดังนี้

  1. คุณภาพของวัตถุดิบ เป็นหลักเกณฑ์การประเมินที่จะทำการประเมินจากคุณภาพวัตถุดิบทั้งหมดในร้าน ว่ามีความสะอาด สดใหม่ และปลอดภัย
  2. เทคนิคในการทำอาหาร เป็นหลักเกณฑ์การประเมินที่จะทำการประเมินจากเทคนิคในการปรุงแต่ง และรังสรรค์เมนูว่าเชฟสามารถดึงรสชาติวัตถุดิบออกมาได้เป็นอย่างดี มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญ และมีความประณีต
  3. เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่นำเสนอผ่านอาหาร เป็นหลักเกณฑ์การประเมินที่จะทำการประเมินจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่จะสะท้อน และถ่ายทอดมาทางอาหาร ที่จะทำให้เมนูอาหารของ Restaurant Michelin Guide นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
  4. ความคุ้มค่ากับราคา เป็นหลักเกณฑ์การประเมินที่จะทำการประเมินจากราคาว่ามีความเหมาะสมกับวัตถุดิบ รสชาติอาหาร และบริการที่ได้รับจาก Restaurant Michelin Guide หรือไม่

ความเสมอต้นเสมอปลาย เป็นหลักเกณฑ์การประเมินที่จะทำการประเมินจากความเสมอต้นเสมอปลายของร้านอาหารที่จะต้องทำการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานในทุกๆ ด้านให้คงที่แบบเดิม เพราะการรักษามาตรฐานให้ได้นั้นเป็นสิ่งที่ Michelin Guide คาดหวังไว้เช่นเดียวกัน

3. ใครเป็นผู้ประเมิน Restaurant Michelin Guide และแต่ละดาวของ Michelin Guide มีความหมายว่าอย่างไร?

Michelin Guide

สำหรับผู้ประเมิน Restaurant Michelin Guide เป็น “ผู้ตรวจสอบของทาง Michelin Group” ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำงาน หรือคลุกคลีอยู่ในวงการอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม หรือสายงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้ทุกการประเมินนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเกิดจากจรรยาบรรณ ความเข้าใจ และความรู้จริงของผู้ประเมิน และนอกจากนั้นผู้ประเมิน Michelin Guide จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งสิ้น ทำการชำระค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารเต็มจำนวน และจะเข้าการประเมินคุณภาพของร้านแบบไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับการปฏิบัติ หรือสิทธิพิเศษเหนือจากลูกค้าทั่วไป รวมถึงในแต่ละการประเมินนั้นจะเป็นการประเมิน และตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้ตรวจสอบหลายๆ คนที่แวะเวียนเข้าไปใช้บริการ Restaurant Michelin Guide จึงทำให้การประเมินคุณภาพ และมาตรฐานของ Michelin Guide นั้นเป็นที่น่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก และทำให้นักชิมสามารถมั่นใจได้ว่าแต่ละร้านที่ได้รับรางวัลนั้นมีคุณภาพตามมาตรฐานของ Michelin Guide อย่างแน่นอน

 

โดยในส่วนของรางวัล Michelin Guide นั้นนักชิมหลายๆ คนจะรู้จักกันในชื่อของคำว่า “ดาว” ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ และมีความหมาย ดังนี้

  • Michelin Guide 1 ดาว เป็น Restaurant Michelin Guide ที่มีคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม
  • Michelin Guide 2 ดาว เป็น Restaurant Michelin Guide ที่มีความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางออกนอกเส้นทาง เพื่อหยุดแวะชิม
  • Michelin Guide 3 ดาว เป็น Restaurant Michelin Guide ที่เป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกล เพื่อไปชิมสักครั้ง

4. “Royal Osha” 1 ใน Restaurant Michelin Guide ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มากถึง 6 ปีซ้อน

“Royal Osha” เป็น 1 ใน Restaurant Michelin Guide ที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มามากถึง 6 ปีซ้อน ด้วยความที่ Royal Osha นั้นเป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับการรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติว่าเป็น Restaurant Michelin Guide ที่มีเมนูอาหารอร่อย คุณภาพวัตถุดิบพรีเมียม ผ่านการนำเสนอที่พิถีพิถัน และมีบริการที่ดีเยี่ยม” ที่ถือว่าตรงตามเกณฑ์การประเมินของทาง Michelin Guide และทาง Royal Osha ก็ได้รักษาคุณภาพ และมาตรฐานตามเกณฑ์ จนได้รับรางวัลดังกล่าวติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี และเมื่อนึกถึงอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ก็ได้รับความไว้วางใจจากนักชิมที่จะกลับมาลิ้มลองอีกครั้ง 

โดยทุกเมนูอาหารไทยของ Royal Osha นั้นก็ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ ที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล มีความสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย ผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากจากเชฟมากฝีมืออย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” ที่เป็น Executive Chef แห่ง Royal Osha และเป็นเชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ที่มีประสบการณ์ในการเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี และยังเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารมากมาย 

ซึ่งประสบการณ์ที่เชฟวิชิต มุกุระ ได้มีการสั่งสมมานั้นก็ทำให้เชฟต้องการที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ และอยากยกระดับวงการอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก จึงได้เกิดเป็น “Royal Osha” ร้านอาหารไทย Restaurant Michelin Guide ที่ได้ร่วมสร้างกันกับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพื่อสร้างเมนูอาหารที่ได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความเป็นไทยลงไปในอาหาร จนได้เมนูอาหารไทยที่มีการถ่ายทอดความเป็นไทยอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของรสชาติที่มีความกลมกล่อม ครบรสตามสไตล์อาหารไทย มีหน้าตาที่มีสีสันสวยงาม มีการจัดจานมาเป็นอย่างดี มีการนำเสนอ และถ่ายทอดเรื่องราวในความเป็นไทยในทุกสัมผัส และมีการจัดลำดับเมนูที่จะช่วยให้นักชิมสามารถสัมผัสความเป็นไทยผ่านอาหารได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมกับบริการที่เชฟ และพนักงานคอยให้ความใส่ใจในทุกช่วงเวลาที่นักชิมได้สัมผัสถึงความเป็นไทยภายในห้องอาหารของ Royal Osha ที่จะทำให้นักชิมได้เปิดประสบการณ์ และสัมผัสกับบรรยากาศการรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining Michelin Guide ได้คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปทุกบาททุกสตางค์อย่างแน่นอน ดังนั้น นักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย หรือกำลังมองหาร้านอาหารไทย เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ก็สามารถแวะมาได้ที่ Royal Osha ที่เป็น 1 ใน Restaurant Micheline Guide ที่เหมาะกับการรับประทานได้ในทุกโอกาส

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

5. แนะนำเมนูอาหาร Michelin Guide ของ Royal Osha ที่เป็น Restaurant Michelin Guide ที่ถูกปากทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

สำหรับเมนูอาหารไทย Michelin Guide ของ Royal Osha ที่เป็น Restaurant Michelin Guide ก็ได้มีการรังสรรค์เมนูอาหารขึ้นมาให้มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะมีความครบเครื่อง มีหลากหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงามละลานตา และมีรสชาติที่ผ่านการปรุงให้มีความกลมกล่อมตามอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด พร้อมกับนำสมุนไพรพื้นบ้านมาปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย ดีต่อสุขภาพ และถือว่าเป็น Signature ของอาหารไทยโบราณเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นทาง Royal Osha ก็ยังมีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล หรือคอนเซ็ปต์ “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมากผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย และเป็นการรับประทานอาหารตามฤดูกาลที่ศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยนั้นถือว่ามีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และด้วยความที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล จึงทำให้เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นมีการเปลี่ยนแปลง หรือสลับสับเปลี่ยนตามฤดูกาลตามไปด้วย ทำให้นักชิมประจำ หรือผู้ที่ชื่นชอบสามารถแวะมาชิมอาหารไทยที่ Royal Osha ได้แบบไม่มีเบื่อ รวมถึงในทุกฤดูกาลก็จะมีอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ตามแต่ละภาค ที่มีความครบเครื่อง และมีเอกลักษณ์เฉพาะของอาหารไทยแต่ละภาคด้วย ซึ่งเมนูอาหาร Michelin Guide ของ Royal Osha นั้นก็จะแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่แต่ละฤดูนั้นก็จะมีเมนูเรียกน้ำย่อย เมนูอาหารหลัก และขนมหวานที่แตกต่างกัน และมีให้เลือกทั้งแบบ Set Menu และแบบ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกรับประทานอาหารตามสไตล์ของตัวเอง และสำหรับเมนูแนะนำของ Restaurant Michelin Guide อย่าง Royal Osha ที่นักชิมต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูอาหาร No.1 ของทางรอยัล โอชา ที่ใครได้ลิ้มลองแล้วก็จะต้องหาโอกาสกลับมาซ้ำให้ได้อีกครั้ง โดยเมนูข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา นั้นทำมาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย ที่ใช้น้ำแร่ค่า pH 8.88 แช่ข้ามคืน ที่ช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดที่มีกลิ่นคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียง 7 อย่างตามตำรับชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน มาพร้อมกับผักแกะสลักต่างๆ เพิ่มความกลมกล่อม อย่างกระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก
  • ขนมจีนตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูอาหารที่เป็นการยกระดับขนมจีนให้เป็นเมนู Fine Dining มีให้รับประทาน 3 แบบ ได้แก่ ขนมจีนน้ำพริก ขนมจีนน้ำยาป่า และขนมจีนซาวน้ำแจงลอน ที่เส้นขนมจีนนั้นเป็นเส้นสด เหนียว นุ่ม เครื่องแกงมีความถึงเครื่อง กะทิหอม มัน เข้มข้น ที่นักชิมได้ลิ้มลองแล้วจะสัมผัสได้ถึงวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมได้ในทุกคำ
  • ข้าวยำตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูอาหารที่เป็นการผสมผสานวัตถุดิบอย่างหลากหลายเข้าด้วยกัน ด้วยการนำเมนูข้าวยำ ที่เป็นเมนูอาหารอัตลักษณ์ของทางภาคใต้ และมีการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีอย่างข้าวก่ำ จากจังหวัดเชียงราย ผสมเข้ากันกับสมุนไพร และวัตถุดิบชั้นเลิศอื่นๆ อย่างงาขี้ม่อน ปลาข้าวสาร ลูกเดือย ส้มโอ มะม่วง แครอต ถั่วพูล ถั่วฝักยาว หอมแดง ตะไคร้ และใบมะกรูด พร้อมกับคลุกเคล้าด้วยน้ำยำสูตรพิเศษของรอยัล โอชา ที่มีการบีบมะนาวด้วยเล็กน้อย ทำให้ข้าวยำตำรับรอยัล โอชานั้นมีความหอม และอร่อยกลมกล่อมเป็นอย่างมาก

 

นอกจากเมนูข้าวแช่ ขนมจีน และข้าวยำ ตำรับรอยัล โอชาที่กล่าวมาข้างต้น ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

 6. รีวิว Royal Osha จากเพจรีวิว Restaurant Michelin Guide ที่การันตีถึงความอร่อย สมกับที่ได้รางวัล Michelin Guide มาครอง

สำหรับ Royal Osha ที่เป็น Restaurant Michelin Guide นั้นไม่ได้เพียงแค่ได้รับรางวัลการันตีจาก Michelin Guide เท่านั้น แต่ยังได้รับการรีวิวจากนักชิมตัวจริงจากเพจรีวิว และเว็บไซต์รีวิว Restaurant Michelin Guide ที่เป็นอีกเสียงที่ช่วยการันตีในเรื่องคุณภาพ และมาตรฐานของ Royal Osha ว่าสมกับที่ได้รับรางวัล Michelin Guide มาครอบครองถึง 6 ปีซ้อน ดังนี้

Gourmet Cuisine (gourmetandcuisine.com)

“รอยัล โอชา เป็นร้านอาหารไทยแห่งแรกที่เป็นลักชัวรี่ ไทย ไฟน์ ไดนิ่ง นอกจากจะได้เชฟวิชิต มุกุระ ผู้มีความตั้งใจเดียวกันมาเสริมความละเมียดละไมและความพิถีพิถันในการรังสรรค์อาหารไทยไฟน์ ไดนิ่ง ให้เป็นรูปธรรมแล้ว ยังมีคุณพุธ-เกวลิน พิทยานุกุล น้องสาวของคุณจูน ผู้มีใจรักในด้านการทำอาหาร เรียนจบการโรงแรมจากสวิสเซอร์แลนด์และจบการทำอาหารจากอังกฤษมาร่วมมือด้วย ซึ่งเธอเผยถึงแนวคิดของเมนูอาหารทั้งหมดว่าเป็น  Classic Thai Elegance Reinvented สื่อถึงความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม คงไว้ทั้งรูป รส และกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เสิร์ฟใหม่ในสไตล์โมเดิร์น รวมทั้งสรรหาวัตถุดิบจากหลากหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย จึงมีเมนูที่หมุนเวียนไปตามฤดูกาลและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ท้องถิ่น”

“อาหารแต่ละจานจะครบรสแบบอาหารไทยดั้งเดิม และคุ้มค่ากับราคาอย่างแน่นอน”

“การออกแบบตกแต่งภายในร้านก็เข้ากับแนวคิดของอาหารได้เป็นอย่างดี ด้วยสไตล์ไทยวิจิตรโมเดิร์น เน้นโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำแท้บริสุทธิ์ ได้กลิ่นอายพระราชวังสมัยโบราณ บนชั้นลอยจะเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดนั้นเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากโคมแชนเดอร์เลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่สีทองอร่าม”

ครัวบ้านพิม (Facebook)

“ใครชอบทานอาหารไทยที่มีรสชาติไทยแท้ ๆ แต่หน้าตาโมเดิร์น ในบรรยากาศแบบไทยร่วมสมัย … พิมอยากแนะนำร้านนี้เลยค่ะ Royal Osha Thai Restaurant & Bar นอกจากเค้าจะพรีเซนต์อาหารได้แบบที่พิมต้องร้องว้าวแล้ว รสชาติของอาหารก็ทำให้พิมรู้สึกว้าวเหมือนกันนะคะ เป็นรสชาติแบบไทย ๆ ที่มีความกลมกล่อม และลุ่มลึก ไปทานกี่ครั้งก็ประทับใจทุกครั้งเลยค่ะ”

Eat and Travel Diary (Openrice.com)

“ก่อนอื่นขอพาไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้านอาหารที่ถือว่าสวยงามแบบไทยๆ แต่ได้กลิ่นอายความทันสมัยแบบนานาชาติ ซึ่งที่นี่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีเข้มขรึม ตัดกับสีทองที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้ดี แม้จะตกแต่งด้วยโทนสีเข้มแบบนี้แต่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศในร้านดูอึดอัด เพราะเพดานทรงสูงทำให้บรรยากาศในร้านดูโปร่งสบายๆ นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกความเป็นไทยไว้แทบทุกมุมของร้านที่เด่นชัดคือแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ ที่สวยงาม โดดเด่นสะดุดตา อยู่ตรงบันไดวนที่จะขึ้นไปชั้นสอง ทำให้ต้องหยิบกล้อง หรือสมาร์ทโฟนมาเก็บภาพกันรัวๆ ทีเดียว และเมื่อขึ้นไปยังชั้นสองที่นี่ก็แสดงความเป็นไทยได้อย่างสวยงาม ด้วยภาพของวรรณกรรมชื่อดังที่ทั่วโลกให้การยอมรับอย่างรามเกียรติ์ ที่ชูตัวละครหนุมานไว้อย่างโดดเด่นอยู่ริมผนังไว้ได้อย่างเพลินตา ซึ่งพื้นที่ชั้นบนนี้สามารถใช้เป็นพื้นที่จัดงานไพรเวทดินเนอร์ หรือปาร์ตี้ส่วนตัวกับเพื่อนฝูงได้สบายๆ ด้วยครับ”

“นอกจากจะได้ดื่มดำกับอาหารไทยที่สวยงามแต่ได้รสชาติอร่อยจัดจ้านแบบไทยๆ ยังได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศร้านที่สวยสะดุดตา ทำให้รู้สึกได้ว่า Royal Osha ถือว่าเป็น Fine Thai Dining ที่ดีอีกแห่งหนึ่งสำหรับผมเลยก็ว่าได้ครับ สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารไทยในบรรยากาศสวยๆ แบบนี้แวะมาได้ที่ร้าน Osha ปากซอยร่วมฤดีตัดกับถนนวิทยุ แล้วจะหลงรักที่นี่ได้ไม่ยากเลยครับ”

A Day Bulletin (adaybulletin.com)

“เมนูอาหารและวัตถุดิบต่างๆ ของรอยัล โอชานั้นจะถูกนำเสนอในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ทำให้แต่ละเมนูมีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น ในการรังสรรค์อาหารให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดและยังคงรสชาติของความเป็นไทยดั้งเดิมไว้ ปรุงเคล้ารสชาติให้จัดจ้าน ด้วยการใส่กลิ่นของสมุนไพรและเครื่องเทศต่างๆ ของไทยลงไปในทุกเมนูเพื่อเพิ่มกิมมิกเล็กๆให้กับอาหาร ทั้งยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพดีจากเกษตรกรในหลากหลายจังหวัดทั่วไทยมาสร้างสรรค์เมนูอาหารรสเลิศ เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่ดีที่สุด”

“รอยัล โอชาดึงเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมไทยออกมาได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การออกแบบภายในในของร้านที่เน้นการตกแต่งสไตล์ไทยวิจิตรโมเดิร์น ให้มีกลิ่นอายพระราชวังสมัยโบราณ ตระการตาไปด้วยสถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำแท้บริสุทธิ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารายละเอียดทุกอย่างมีกลิ่นอายความเป็นไทยอยู่ในทุกส่วนของร้าน ทั้งจิตรกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ ระเบียงเป็นลักษณะรูปทรงบาตรพระ ลวดลายไทยที่ตกเเต่งอยู่ทั่วทุกมุมร้าน หรือไฮไลต์สำคัญของร้านอย่างแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดมหึมาที่ประดับไปด้วยอัญมณีส่องประกายระยิบระยับโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่มองเห็นได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่รอยัล โอชา ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความประทับใจในมื้ออาหารสุดพิเศษให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจกับสุนทรียศาสตร์ของรอยัล โอชาได้อย่างสูงสุด”

“ขอบอกเพิ่มอีกนิดว่าจริงๆ แล้วที่รอยัล โอชานั้นไม่ได้มีแค่เมนูในลักษณะ ‘เซฟเทเบิล’ อย่างเดียวเท่านั้น แต่มีเมนูที่หลากหลายทั้ง a la carte และเซ็ตเมนูต่างๆ ให้เลือกชิม หากใครที่ต้องการเข้ามาลิ้มลองรสชาติในวันสบายๆ ก็สามารถแวะมาได้เลย”

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. สำรองที่นั่ง Restaurant Michelin Guide ที่ถ่ายทอดความเป็นไทยในสไตล์ Fine Dining Michelin Guide ได้แล้ว วันนี้!

Michelin Guide

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่อยากจะเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha หนึ่งใน Restaurant Michelin Guide ที่ได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านในอาหารไทยทุกเมนู ทุกสัมผัส ที่มีทั้งความครบรส ครบเครื่อง ครบองค์ประกอบตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ และมีการนำเสนอออกมาให้นักชิมสามารถเข้าถึงความเป็นไทยในรายละเอียดๆ ต่างได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้เมนูอาหารไทย Michelin Guide จากเชฟมากฝีมือแห่ง Royal Osha น้ันสามารถเข้าถึงนักชิมได้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ และยังเหมาะกับการรับประทานได้ในทุกโอกาส ตั้งอยู่ใน Location ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่มีความพรีเมียมทั้งในเรื่องรสชาติ คุณภาพ และบริการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha