เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
เมื่อ Royal Osha ร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบอาหารไทย ได้เข้าถึงรสชาติอาหารไทยชั้นเลิศได้ที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและการเดินทางที่สะดวกสบาย นักท่องเที่ยวก็สามารถแวะเวียนนัดหมายสำรองที่นั่งเพื่อมาทานอาหารที่ร้านได้ไม่ยาก มั่นใจได้เลยว่าลูกค้าที่มาเยือนทุกท่านจะได้รับประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุด และได้อิ่มอร่อยอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้ง รูป รส กลิ่น และผิวสัมผัสของอาหาร
Royal Osha หนึ่งในร้านอาหารสุดเลิศหรูใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหาร Fine Dining แบบ Set Menu ฟูลคอร์ส และแบบ a la carte ให้กับคุณวันละสองรอบ คือมื้อกลางวันและเย็น ไม่ว่าจะเป็นมื้อแห่งการพักผ่อน นัดเดท นัดธุรกิจ หรือนัดสำคัญไหน ๆ ร้าน Royal Osha ก็พร้อมต้อนรับและไม่ทำให้คุณ ต้องผิดหวัง เพียงแค่สำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อให้ทางร้านได้จัดเตรียมความพร้อม เพื่อบริการให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่ และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อลูกค้าได้มาเยือน ร้านตั้งอยู่ที่ต้นซอยร่วมฤดี อยู่ในพื้นที่ใจกลางย่านเพลินจิต-วิทยุ ซึ่งเป็นแหล่งร่วมธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งของสถานทูตของหลายประเทศ บริษัทเอกชน โรงแรม โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยและโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นย่านที่วิลิศมาหราไปด้วยสีสันและไลฟ์สไตล์ และที่สำคัญย่านนี้เป็นย่านใจกลางความสะดวกสบาย ที่มีทั้งความปลอดภัยสูง จากสถานที่ราชการที่อยู่ในบริเวณ และแน่นอนว่าย่านนี้จะมีค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย และ Royal Osha ก็ได้ตั้งอยู่ในย่านกลางเมือง ที่จัดว่าเป็นทำเลทองมูลค่าสูงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
เมนูอาหารที่คัดสรรแล้ว, วัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารจากทั่วทุกภูมิภาคถูกส่งมาอยู่ในห้องครัวกลางของ Royal Osha เพื่อปรุงรสออกมาเป็นแต่ละเมนูอาหาร Fine Dining ที่ครบเครื่องครบรส และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างใน Set Menu ฟูลคอร์สของทางร้าน ชุด Ramayana Set
การวางลำดับคอร์สและรสชาติที่ลูกค้าจะได้ลิ้มรสในคอร์สนี้จึงยิ่งเลอค่า แต่ถ้าเกิดลูกค้าต้องการเข้ามาทานอาหารในมื้อเล็ก ๆ เป็น a la carte ก็สามารถเลือกและอิ่มอร่อยกับเมนูของแต่ละภาคได้แบบจานต่อจาน
Fine Dining Bangkok ของร้าน Royal Osha นับเป็นประสบการณ์ทานอาหารล้ำค่าที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนทุกท่าน ด้วยอารยธรรมการทานอาหารไทยที่ถูกวิวัฒน์ให้ทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน โดยยึดแบบโครงสร้างอาหารแบบ Fine Dining มีรายละเอียดที่น่าสนใจและน่าชื่นชมในฝีมือการปรุงรสอาหารไทยของเชฟ ที่คิดออกแบบรสชาติอาหารไทยออกมาให้อยู่ในปริมาณที่พอดีคำแต่ได้รสชาติเต็ม ๆ อย่างการจัดเมนูคอร์ส Starter ที่มาในปริมาณอาหารที่มากเกินไปไม่ได้ ต้องมาในขนาดที่พอดีคำ พอให้ผู้บริโภคได้กระตุ้นความอยากอาหารไล่ลำดับไปเรื่อย ๆ เพื่อลิ้มรสอาหารในคอร์สถัดไป และความเลิศรสและใส่ใจในรายละเอียดเชิงสร้างสรรค์แบบนี้เอง ที่ทำให้ทางร้าน Royal Osha ได้รับการยอมรับว่าเป็นร้านอาหาร Fine Dining ของไทยที่จัดเป็นร้านเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ และหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Guide เป็นร้านที่หลายท่านมั่นใจที่จะแนะนำให้กับเพื่อน ครอบครับ และใครที่ต้องการทานอาหารมื้อพิเศษในบรรยากาศความเป็นไทย
อาหารไทยเป็นอาหารที่อร่อยและมีคุณค่าไม่แพ้ชาติใดในโลก และในปัจจุบันยังได้มีหลากหลายเมนูอาหารยอดนิยมที่ติดตลาดสากล และอีกหลายเมนูที่ได้การยอมรับและยกย่องให้เป็นอาหารที่มีรสชาติดีที่สุดของโลก มีชาวต่างชาติมากมายให้ความสนใจกับอาหารไทยที่ครบรสครบเครื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มผู้บริโภคชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งที่มีอาการแพ้อาหาร ซึ่งเป็นเครื่องปรุงสำคัญสำหรับอาหารไทย เช่น น้ำมันหอย ถั่วลิสง หรือเป็นชาววีแกน ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แถมยังมีแยกย่อยลงไปอีกสำหรับวีแกนระดับเคร่งมาก ไปจนถึงวีแกนเคร่งน้อย หรือเป็นมังสวิรัติ และแน่นอนว่าที่ร้าน Royal Osha ได้ออกแบบเมนูอาหารมาเพื่อความต้องการของผู้บริโภคทุกประเภท มีเมนูวีแกนที่ไม่มีส่วนผสมหรือซอสปรุงที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ และยังให้รสชาติที่เลิศหรูตามสไตล์ของร้านอาหาร Fine Dining ได้อย่างครบถ้วน และถ้าหากลูกค้าต้องการรีเควสเพิ่มเติมเรื่องขอลดรสเผ็ดของเมนูไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถแจ้งกับพนักงานได้เลย ทางร้านพร้อมปรับและปรุงเมนูที่ดีที่สุดให้กับแขกของร้านทุกท่าน
การทานอาหารสุดหรูใจกลางเมือง ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ของร้าน Royal Osha เพราะในระหว่างที่ผู้คนกำลังคึกคัก ทั้งเร่งรีบเดินทาง และกำลังเข้ามาท่องเที่ยวในตัวเมือง ซึ่งต้องแย่งชิงที่นั่งหรือต่อคิวเพื่อเข้าไปทานอาหารหรือเข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ แต่ด้วยระบบการจองล่วงหน้าก่อนเข้าไปรับบริการของทางร้าน ขั้นตอนการต่อคิวที่หน้าร้านจึงหมดไป และเมื่อลูกค้าได้ย่างก้าวเข้ามาในร้านแล้ว บรรยากาศในร้านของ Royal Osha จะเปลี่ยนภาพความวุ่นวาย ให้เป็นความรู้สึกสงบ พร้อมกับบรรยากาศการพักผ่อนทานอาหารที่อบอวลไปด้วยความหรูหรา ลูกค้าจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และในระหว่างการเสิร์ฟแต่ละเมนู พนักงานจะให้การอธิบายว่าเมนูที่ลูกค้าได้รับมีความเป็นมาและการปรุงอย่างไรแบบสั้นกระชับ และยังมีการทักทายจากเชฟของทางร้านจากห้องครัวด้วยเป็นช่วง ๆ ซึ่งเป็นบรรยากาศการทานอาหารที่อบอุ่นล้ำค่านี้มาจากความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของทางร้าน ตั้งแต่ลูกค้าได้เดินเข้าไปในร้าน ไปจนถึงจบคอร์ส ซึ่งที่ตั้งของร้านก็เหมาะสมและสามารถเดินทางได้ง่าย พร้อมทั้งมีที่จอดรถให้ที่ร้าน
มื้ออาหารสุดพิเศษกับ Fine Dining Bangkok ในแบบของร้าน Royal Osha จึงเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและควรค่าต่อการมาเยือนสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวาระโอกาสไหน ๆ ทางร้านก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความพิเศษให้กับมื้อนั้นของคุณ สำรองที่นั่งล่วงหน้าเพื่อเข้ามารับบริการที่ร้าน Royal Osha ได้เลย
สำหรับเมนูอาหารของ Royal Osha นั้นจะได้รับการปรุงทุกขั้นตอนที่มีความพิถีพิถัน และรังสรรค์ด้วยความใส่ใจจากเชฟมือทองระดับปรมาจารย์แถวหน้าของประเทศไทย นั่นก็คือ “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef ของ Royal Osha ที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงแต่งอาหารไทยให้มีกลิ่นอายของความเป็นไทยในทุกสัมผัสมามากมายหลายจานจนนับไม่ถ้วน ด้วยประสบการณ์ในการทำงานของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ทำงานในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ” แห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี ในตำแหน่งเชฟใหญ่ และต้องคุมทีมที่มีสมาชิกมากถึง 32 คน ในวัย 24 ปีเพียงเท่านั้น และยังเปิดโรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่เชฟวิชิตรับหน้าที่เป็นอาจารย์สอน และสร้างเชฟรุ่นใหม่ๆ ประดับวงการอาหารอย่างมากมาย และด้วยความเชี่ยวชาญ และความมากฝีมือของเชฟวิชิต จึงทำให้ห้องอาหารไทยศาลาริมน้ำนั้นเป็นห้องอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นห้องอาหารไทยในระดับแถวหน้า ที่ผู้ที่ชื่นชอบ หรืออยากจะลิ้มลองอาหารไทยพรีเมียมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจะต้องแวะเวียนกันมาให้ได้สักครั้ง และถึงแม้ว่าเชฟวิชิตนั้นถือว่าเป็นเชฟที่ประสบความสำเร็จในด้านสายอาชีพของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดพัฒนา และมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่มีความ้ท้าทาย นั่นก็คือ การทำอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในระดับโลก เพราะเชฟวิชิตมีความคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่ามีครบเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีครบทั้งสี และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรมาใช้ในการปรุงอาหารได้ด้วย ทำให้อาหารไทยนั้นมีความซับซ้อน และแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ และอยากจะรังสรรค์อาหารออกมาภายใต้แนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่มีการนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นผสมผสานสุนทรียศาสตร์ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหารไทยอย่างลงตัว เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยที่มีความทันสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของอาหารไทยไว้อย่างเต็มเปี่ยม จึงทำให้เกิด Fine Dining Bangkok อย่าง Royal Osha ขึ้นมา ที่เป็นการจับมือระหว่างเชฟวิชิต มุกุระ กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อส่งต่อความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย การปรุงแต่งอาหาร และความดั้งเดิมแบบไทยๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้สืบสาน และให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก
โดยเมนูอาหารของ Royal Osha นั้นจะมีความใส่ใจ และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการปรุง ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ สะอาด และมีคุณภาพ ไปจนถึงการปรุงอาหาร และการนำเสนอแต่ละเมนูที่เชฟวิชิต มุกุระ ได้ทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต การกิน และอยู่อาศัยของชาวไทยลงไปในอาหาร และมีการนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นผสมผสานสุนทรียศาสตร์ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหารไทยอย่างลงตัว เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้ในอาหารทุกคำอย่างเต็มเปี่ยม ตามแนวคิด “Classic Thai Elegance Reinvented” ของเชฟวิชิตนั่นเอง และนอกจากนั้นทาง Royal Osha ก็ยังนำแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” มาปรับใช้ในการรังสรรค์เมนูต่างๆ อีกด้วย เพราะว่าชาวไทยนั้นมีความสามารถในการใช้พืช ผัก สมุนไพรเป็นอย่างมาก จึงได้มีการเลือกใช้ผัก และสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มอร่อย พร้อมกับช่วยบำรุงร่างกายจากในได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงมีการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความอร่อย กลมกล่อม ความเป็นไทย และยังมีประโยชน์กับร่างกายอีกด้วย ซึ่งทาง Royal Osha นั้นก็ยังมีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร และเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และยังเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาหารทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ตามแต่ละภาค ที่มีความครบเครื่องในรสชาติ ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยให้กับทุกคนได้อย่างดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น และยังมีให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ที่ประกอบไปด้วย Stater, Salad, Soup, Main Coures และ Dessert ที่มีการสร้างสรรค์ทุกเมนูขึ้นมาให้ทุกคนได้รับประทานมื้ออาหารไทยที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด
“Royal Osha” เป็น Fine Dining Bangkok ที่ทุกเมนูผ่านการรังสรรค์ด้วยความใส่ใจ และการปรุงด้วยความพิถีพิถันจากเชฟระดับปรมาจารย์อย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” ทำให้ทุกเมนูของ Royal Osha นั้นมีรูปร่างหน้าตา รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่สามารถส่งต่อความเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้อย่างเต็มเปี่ยมทุกคำ และสามารถสร้างความประทับใจให้กับเหล่านักชิมทั้งชาว และชาวต่างชาติได้อย่างไม่รู้ลืม จนทำให้อาหารไทยจาก Royal Osha นั้นเป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น และทำให้ Royal Osha เป็นหนึ่งใน Fine Dining Bangkok ที่ได้รับรางวัลการันตีมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน หรือรางวัลอื่นๆ ที่การันตีร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และรางวัลที่คัดเลือกจากเหล่านักวิจารณ์อาหารที่มีประสบการณ์ในการรับประทานจริง เป็นต้น โดยรางวัลของ Royal Osha ที่การันตีว่าเป็น Fine Dining Bangkok ที่นักชิมห้ามพลาด มีดังนี้
โดยรางวัลการันตีแต่ละรางวัลนั้นเป็นรางวัลที่มีความหมายที่สามารถบ่งบอกถึงร้านอาหารได้ ดังนี้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทย นักชิม หรือนักวิจารณ์อาหารทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ต้องการอยากจะลิ้มลองรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของอาหารไทยที่มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ และผ่านกรรมวิธีในการปรุง และสร้างสรรค์ที่มีความพิถีพิถัน จนสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ลิ้มลองได้ทุกคำที่สัมผัส ต้องแวะมาที่ Royal Osha ที่เป็น Fine Dining Bangkok ที่รังสรรค์ทุกเมนูด้วยความใส่ใจ เติมเต็มวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยใส่ลงไปในอาหารอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรูปร่างหน้าตาของอาหารไทยอย่างแท้จริง