Chef Table กับ Royal OSHA

Chef Table

ในปัจจุบัน Chef Table เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์อาหารมื้อพิเศษที่กำลังเป็นที่นิยม และเป็นเทรนด์ใหม่ในคอนเซปต์ทานอาหารปรุงสดจากมือเชฟ เมนูโดยเชฟมือฉมังที่จะมาร่ายรำทำอาหารโชว์ฝีมือตามความสร้างสรรค์และเดาใจได้ยาก ซึ่งเชฟของ Chef Table แต่ละท่านก็จะมีเอกลักษณ์ในการคิดและรังสรรค์เมนูมาให้ลูกค้าได้ชิมและได้ร่วมรับประการณ์ดี ๆ ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งที่ Royal OSHA เองก็ได้เชิญ Chef Table มือรางวัลมิชลินสตาร์มาร่วมสร้างความสุข ความเพลิดเพลิน และความเอร็ดอร่อยที่โต๊ะอาหารให้กับลูกค้าด้วย

1. ประสบการณ์ที่แตกต่างระหว่าง Chef Table และ Fine Dining

Chef Table

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่างการทานอาหาร Chef Table กับ Fine Dining คือ “การเสิร์ฟอาหาร” ทั้งในเรื่องของลำดับการออกอาหารแต่ละเมนูมาให้กับลูกค้าและผู้ที่เสิร์ฟ สำหรับ Fine Dining อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดีว่าอาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟตามลำดับ ตั้งแต่ Starters, Salads, Soups, Main Course และ desserts เพื่อให้ผู้ทานได้ค่อย ๆ รู้สึกเพลิดเพลินและอยากอาหารมากขึ้นตามลำดับการทานจากการเริ่มด้วยจานเบา ๆ เรียกน้ำย่อย ไล่ระดับความเอร็ดอร่อยและเจริญอาหารพร้อม ๆ กัน ไปจนถึงเมนูของหวานเป็นจานปิดท้าย เป็นอันจบคอร์ส การเรียงอันดับเมนูอาหารที่ออกของ Fine Dining จึงแตกต่างกับการออกอาหารของ Chef Table 

ในขณะที่จุดเด่นของ Chef Table จะขึ้นอยู่กับความสดของอาหารที่ลูกค้าได้จดจ้อง ในขณะที่เชฟกำลังโชว์ฝีมือการปรุงอาหารตรงหน้าในครัวเปิด รูป กลิ่น เสียง และสีสันของอาหารที่กำลังถูกปรุงจะเป็นตัวเรียกน้ำย่อย และทำให้ผู้ทานได้รู้สึกถึงการตั้งแต่รอ ในอีกมุมหนึ่งผู้ทานจะได้สัมผัสกับความรู้สึกดี ๆ ที่มี Chef’s Table คอยทำอาหารออกมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ เป็นความรู้สึกที่เสมือนกับว่า เรากำลังนั่งรอคุณพ่อหรือคุณแม่ทำอาหารอย่างพิถีพิถันให้เราทานที่บ้านอย่างมีความสุข 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

 

ซึ่งการทาน Chef Table นั้นจะยิ่งแตกต่างจาก Fine Dining ออกไปอีก ในส่วนที่ว่า Chef’s Table จะเป็นผู้เลือกเมนูที่จะทำให้กับลูกค้าเอง หรือเรียกอีกอย่างได้ว่าเมนูตามใจเชฟ 

ความพิเศษในการทานอาหารที่แตกต่างกันออกไป แต่พรีเมียมเรียบหรูไม่แพ้กันเลย ของ Chef Table และ Fine Dining เป็นเสน่ห์ที่ร้าน Royal OSHA อยากมอบเป็นประสบการณ์ดี ๆ น่าตื่นตาตื่นใจ ให้ลูกค้าได้สัมผัสและเลือกจองคิวเข้ามารับบริการได้ที่ร้าน โดยลูกค้าจะสามารถมาพบและรับประสบการณ์ทานอาหาร Chef Table หรือ เชฟวิชิต มุกุระ ที่จะมาทำอาหาร Chef Table ในคอนเซปต์ `Classic Thai Elegance Reinvented`

2. ทำความรู้จักกับ Chef Table “Chef Vichit Mukura”

เชฟวิชิต มุกุระ ผู้มาเป็น Chef Table และผู้เป็นเจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ ด้วยคอนเซปต์การทำเมนูอาหารไทยฟิวชั่นที่ครบรสชาติ เลิศหรู และมีความเป็นโมเดิร์น จากความเชื่อที่ว่าอาหารไทยที่อร่อยจะต้องมีรสชาติกลมกล่อมโดยรวมรส เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน และปรุงออกมาให้รสชาติชัดเจนแต่พอดี นอกจากนั้นผักเครื่องเคียง สมุนไพรใบเล็กใบใหญ่ทั้งหลาย ต่างเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เชฟวิชิตนำมาประกอบรวมไว้ในเมนู Chef Table เพื่อให้รสชาติในแต่ละเมนูมีรสชาติอร่อยถึงเครื่อง และพร้อมที่จะส่งมอบอาหารรสเลิศให้กับลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการ Chef Table กับเชฟวิชิตที่ร้านอาหาร Royal OSHA 

ฝีมือการทำอาหารไทยในสูตรพรีเมียมทั้ง Fine Dining และ Chef Table ของเชฟวิชิต ล้วนมาจากประสบการณ์การทำงานในฐานะเชฟร่วม 30 ปี จุดเริ่มต้นในเส้นทางอาชีพของเชฟวิชิตมีแรงบันดาลใจมาจากการเฝ้ามองคุณแม่ทำอาหารในครัวและการได้เริ่มเป็นผู้ช่วยเชฟคุณแม่ ก่อนจะเข้ามาสู่วงการทำอาหารอย่างเต็มตัวที่หลายโรงแรมและร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งในยุคนั้น เมื่อราว ๆ 40 กว่าปีที่แล้ว ประเทศไทยยังไม่ได้โรงเรียนสอนทำอาหารเฉพาะทางเหมือนในปัจจุบันนี้ 

เชฟวิชิตได้ผ่านการฝึกปรือผ่านงานครัวตั้งแต่งานเล็ก ๆ ดูแลทำความสะอาดจานจนได้ขึ้นตำแหน่งเป็นเชฟใหญ่ (Head Chef) และร้าน Royal OSHA ก็ได้เชิญเชฟวิชิต Chef Table ผู้เปี่ยมด้วยความสามารถและแรงบันดาลใจในการทำอาหารไทยอย่างสวยงาม มาทำเมนู Chef Table ให้ลูกค้าได้ลิ้มรสและร่วมเก็บความทรงจำและประสบการณ์ดี ๆ กับอาหารไทยสูตรของเชฟวิชิตในคอนเซปต์ `Classic Thai Elegance Reinvented` กันที่ร้าน เมนู Chef Table ที่ลูกค้าจะได้รับจากเชฟจะมีอะไรบ้าง ต้องมาลองด้วยตัวเอง

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. เมนูอาหารไทย 3 ฤดู ระดับ High Class แบบ Chef Table ที่ Royal Osha

Chef Table

ทุกเมนูอาหารของ Royal Osha ผ่านการรังสรรค์จากเชฟวิชิต มุกุระ ที่เป็นเชฟมากประสบการณ์ และมีฝีมือระดับปรมาจารย์ ทำให้ทุกขั้นตอนการปรุงนั้นได้รับความใส่ใจ และความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก โดยแต่ละเมนูนั้นก็จะมีเรื่องราว และความละเอียดต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ที่เชฟวิชิตได้ตั้งใจทำขึ้นมา เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสถึงองค์ประกอบต่างๆ ของอาหารไทยได้อย่างแท้จริง รวมถึงยังมีการเปลี่ยนเมนู และวัตถุดิบตามแต่ละฤดูกาล เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารได้แบบไม่จำเจ มาพร้อมกับสรรพคุณทางยาที่ทำให้นักชิมได้อิ่มอร่อยไปกับอาหาร และได้ดูแลสุขภาพในเวลาเดียวกัน โดยเมนูอาหารไทย Chef Table ของ Royal Osha สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้

3.1 คิมหันต์ฤดู 

คิมหันต์ฤดู หรือฤดูร้อน เป็นช่วงฤดูที่สภาพอากาศของประเทศนั้นจะมีความร้อนมากกว่าปกติ ทำให้เมนูอาหารไทย Chef Table จาก Royal Osha ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมานั้นจะมีองค์ประกอบที่เหมาะกับการรับประทานในสภาพอากาศร้อน เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารไทยได้อย่างเต็มที่ และได้รับการดับร้อนจากอาหารในเวลาเดียวกัน โดยเมนูแนะนำของคิมหันต์ฤดู มีดังนี้

  • ข้าวแช่ตำรับ Royal Osha เป็นเมนูอาหารไทยที่ขึ้นชื่อของ Royal Osha ที่เหล่านักชิมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องห้ามพลาดที่จะลิ้มลอง โดยข้าวแช่ตำรับ Royal Osha นั้นจะเป็นข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย ที่ใช้น้ำแร่ค่า pH 8.88 เพื่อสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดที่แช่ข้ามคืน พร้อมกับรับประทานคู่กับเครื่องเคียงชั้นเลิศ 7 อย่างตามตำรับชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน รวมถึงยังมีผักแกะสลักต่างๆ ให้รับประทานเคียงกันด้วย
  • ยำผักหวานป่ากับสแกลลอปฮอกไกโด เป็นเมนูอาหารไทยที่อยู่ใน Set Menu ของคิมหันต์ฤดูที่รสชาติจัดจ้าน ด้วยการนำผักหวานมายำกับกะทิ และเครื่องกรอบต่างๆ มาพร้อมกับสแกลลอปฮอกไกโดที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการจี่ และโรยเกลือหิมาลายา ทำให้มีเนื้อหวาน สด นุ่มเด้ง เมื่อรับประทานคู่กันแล้วทำให้ได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม และลงตัวเป็นอย่างมาก
  • ต้มโคล้งปลากรอบแบบใสกับยำสายบัวพริกหวานและกุ้งสเปน เป็นเมนูอาหารไทยที่อยู่ใน Set Menu ของคิมหันต์ฤดูเช่นกัน โดยในเมนูนี้จะประกอบไปด้วยต้มโคล้งปลากรอบแบบใส ที่มาพร้อมกุ้งสเปนที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการจี่ และโรยเกลือหิมาลายา และนำส่วนหัวทอดแบบเทมปุระ เพื่อนำมารับประทานคู่กับยำสายบัวพริกหวานที่มีน้ำยารสชาติเข้มข้น

3.2 วัสสานฤดู

วัสสานฤดู หรือฤดูฝน เป็นช่วงฤดูที่สภาพอากาศจะมีฝนตกเป็นประจำ ทำให้มีความร้อนชื้น หรืออบอ้าวเล็กน้อย ทำให้เมนูอาหารไทย Chef Table ของ Royal Osha นั้นจะถูกรังสรรค์ขึ้นมาให้มีองค์ประกอบที่เหมาะกับการรับประทานในสภาพอากาศที่มีความชื้น และมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น เพื่อให้นักชิมได้มีสุขภาพที่ดี และได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยที่เชฟวิชิตได้ตั้งใจถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ โดยเมนูแนะนำของวัสสานฤดู มีดังนี้

  • แกงปูทะเลใบยี่หร่า เป็นเมนูอาหารไทยที่จัดอยู่ใน Set Menu วัสสานฤดู โดยในเมนูนี้จะประกอบไปด้วยเนื้อปูแบบจัดเต็ม ที่ผ่านการปรุงสุกในแกงเผ็ดเข้มข้นที่มีความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงผสมผสานกะทิสดที่มีความมัน มาพร้อมกับใบยี่หร่าภายในแกง และมีใบยี่หร่าทอดกรอบ เมื่อนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็จะช่วยให้ได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม
  • เนื้อแกะนิวซีแลนด์ย่างผัดฉ่า เป็นเมนูอาหารไทยที่อยู่ใน Set Menu วัสสานฤดูที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อแกะจากประเทศนิวซีแลนด์ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง ทำให้มีความหอม และนุ่มเหนียวกำลังดี เสิร์ฟพร้อมซอสผัดฉ่าที่มีความหอม เผ็ด และเข้มข้น ไว้รับประทานคู่กับข้าวผสมงาขี้ม่อน ที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
  • ต้มข่าล็อบสเตอร์กับหัวปลี เป็นเมนูอาหารไทยที่จัดอยู่ใน Set Menu วัสสานฤดูเช่นกัน โดยมีส่วนประกอบของล็อบสเตอร์ที่นำมาปรุงสุกด้วยการต้มในซุปต้มข่า และใส่หัวปลีที่เป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา ทำให้นักชิมได้ลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทย มีสุขภาพดี และช่วยล้างปากก่อนจะสัมผัสถึงความอร่อยของเมนูถัดไป

3.3 เหมันต์ฤดู

เหมันต์ฤดู หรือฤดูหนาว เป็นช่วงฤดูที่สภาพอากาศของประเทศนั้นจะมีความหนาวเย็น และมีลมพัดผ่าน ทำให้เมนูอาหารไทย Chef Table ของ Royal Osha นั้นจะถูกรังสรรค์ขึ้นมาให้มีองค์ประกอบที่เหมาะกับการรับประทานในสภาพอากาศที่มีความหนาวเย็น และมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่สามารถช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ เพื่อให้นักชิมได้ลิ้มลองอาหารไทยรสชาติดี และมีสุขภาพดีด้วย โดยเมนูแนะนำของเหมันต์ฤดู มีดังนี้

  • แตงโมหอยสังข์กับบีทรูทปลาแห้ง เป็น 1 ในเมนูอาหารไทยจาก Set Menu เหมันต์ฤดู ที่มีการนำแตงโมมาหั่นเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า ตกแต่งด้านบนด้วยหอยสังข์ด้านบน และโรยเกลือหิมาลายาเล็กน้อย แล้วจึงค่อยนำไปย่าง เพื่อให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด บีทรูท และปลาแห้ง ทำให้มีความจัดจ้านกำลังดี และมีความกลมกล่อมอย่างลงตัว
  • ต้มลูกรอกฟัวกราส์ไก่ฝรั่งเศสหนังไก่กรอบ เป็นเมนูอาหารไทยใน Set Menu ที่มีการตุ๋นไก่ในน้ำใส และผ่านการเคี่ยวเป็นระยะเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำซุปมีความหอมหวานจากธรรมชาติของกระดูกไก่ เสิร์ฟคู่กับลูกรอกที่ผสมกับฟัวกราส์ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการนึ่ง เนื้อไก่ และหนังไก่กรอบ พร้อมกับราดน้ำซุปร้อนๆ เล็กน้อย เพื่อให้อาหารจานนี้มีความกลมกล่อม
  • ล็อบสเตอร์ผัดฉ่ากับแกะย่างจิ้มแจ่วข้าวหอมมะลิแดง เป็นเมนูอาหารไทยใน Set Menu อีกเมนูที่นักชิมต้องห้ามพลาด เพราะเป็นเมนูแบบ Surf & Turf ที่มีการผสมผสานระหว่างอาหารทะเล และเนื้อไว้ในจานเดียวกัน โดยมีล็อบสเตอร์ที่มาพร้อมกับซอสผัดฉ่า ทำให้มีรสชาติเข้มข้น ตัดด้วยเนื้อแกะย่างที่มีความสุกระดับ Medium Rare ที่มีรสชาติจัดจ้านแบบน้ำจิ้มแจ่ว เมื่อรับประทานคู่กับข้าวหอมมะลิแดง ก็จะได้รสชาติที่มีความอร่อย และมีความจัดจ้านกำลังดี

 

ทั้งนี้ เมนูที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียง 1 ในเมนูของ Set Menu ในแต่ละฤดู อาจมีการปรับเปลี่ยน หรือมีเมนูที่เปลี่ยนแปลง สามารถสอบถามเพิ่มเติม หรือติดตามได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าเมนูอาหารของ Royal Osha

4. เมนูขนมหวาน Chef Table จาก Royal Osha ที่ช่วยปิดมื้ออาหารสุดพิเศษให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

นอกจากเมนูอาหารไทยที่เป็นเมนูอาหารคาวแล้ว ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูขนมหวาน Chef Table ให้นักชิมได้เลือกลิ้มลองกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยปิดมื้ออาหารสุดพิเศษให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยเมนูขนมหวาน Chef Table จาก Royal Osha ที่เป็นที่นิยม และเป็นเมนูแนะนำ มีดังนี้
  • ขนมโค เป็นเมนูขนมหวานที่เหล่านักชิมที่แวะเวียนมาที่ Royal Osha ติดใจกันเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อขนมที่มีความนุ่มเหนียวกำลังดี น้ำกะทิหวานมัน หอมควันเทียน เมื่อโรยงาลงไปก็จะยิ่งทำให้มีกลิ่นที่หอมกรุ่น และมีความกลมกล่อมมากขึ้น
  • แครมบรูว์เลมะพร้าวอ่อน เป็นเมนูขนมหวานที่มีการผสมผสานระหว่างแครมบรูว์เลที่มีความหอมหวานของคัสตาร์ด และคาราเมลที่ผ่านการเผาไหม้จนทำให้กรอบ เข้ากันกับมะพร้าวอ่อน ที่จะมีความหอมหวานกำลังดี เมื่อนำมาผสมผสานก็จะได้รสชาติที่มีความหอม หวาน และมันที่ลงตัวเป็นอย่างมาก
  • พุดดิ้งนมสดกับไอศกรีมชาไทยและเบอร์รี เป็นเมนูขนมหวานที่มีการผสมผสานระหว่างพุดดิ้งนมสดที่มีความหอม หวาน และมัน เข้ากันกับไอศกรีมชาไทยที่มีความหอมชาเป็นเอกลักษณ์ ตัดเลี่ยนด้วยเบอร์รีชนิดต่างๆ ที่มีรสชาติเปรี้ยวกำลังดี ทำให้เป็นเมนูขนมหวานที่ช่วยปิดท้ายเมนูอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ เมนูขนมหวานที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียง 1 ในเมนูของ Set Menu ในแต่ละฤดู อาจมีการปรับเปลี่ยน หรือมีเมนูที่เปลี่ยนแปลง สามารถสอบถามเพิ่มเติม หรือติดตามได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าเมนูอาหารของ Royal Osha

5. สัมผัสเสน่ห์ของอาหารไทย Chef Table ที่รังสรรค์จากเชฟมากฝีมือภายใต้บรรยากาศสุดหรูของห้องอาหาร Royal Osha

Chef Table

สำหรับการรับประทานอาหารไทย Chef Table ที่ Royal Osha นั้นนอกจากจะได้สัมผัสถึงความครบเครื่อง ครบรส และครบองค์ประกอบของอาหารไทย ที่ผ่านการรังสรรค์จากเชฟมากฝีมืออย่างเชฟวิชิต มุกุรแล้ว ภายในร้านอาหารของ Royal Osha นั้นยังมีการตกแต่งภายในที่มีกลิ่นอาย และเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยการได้รับแรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศ และมนต์เสน่ห์ของพระราชวังสมัยโบราณ ที่มีความเรียบหรูจากสถาปัตยกรรมที่ใช้โทนสีเข้มตัดกับสีทอง และแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด พร้อมกับผสมผสานกับวรรณคดีอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” ในบริเวณตั้งแต่ประตูทางเข้า ผนังลอย และฝาผนังภายในร้าน มีโคมแชนเดอเลยีร์รูปชฎาขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยอัญมณีส่องประกายระยิบระยับที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ Royal Osha รวมถึงมีการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ และของประดับต่างๆ ที่จะทำให้นักชิมรู้สึกเหมือนกับกำลังเยี่ยมชมพลับพลาของพระราม และพระราชวัง พร้อมกับรับประทานอาหารไทยที่รังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างพิถีพิถัน ช่วยสร้างความประทับใจให้กับมื้ออาหารสุดพิเศษได้มากกว่าที่เคย

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

6. รีวิว Chef Table ที่ Royal Osha จากนักชิม Wongnai เสียงจริงตัวจริง

การรับประทานอาหาร Chef Table หรือ Thai Fine Dining ของทาง Royal Osha นั้นไม่ได้เพียงแค่ได้รับรางวัลการันตีต่างๆ เช่น Michelin Guide, Thai Select Premium, Thailand Tatler Best Restaurants หรือ User’s Choice Wongnai อย่างมากมายเท่านั้น แต่ยังได้รับรีวิวจากนักชิมจากเว็บไซต์ Wongnai ที่เคยเข้ามารับประทานอาหาร และเข้ารับบริการที่ Royal Osha แบบตัวจริงเสียงจริง ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องกลับมาสัมผัสอาหารไทยที่นี่อีกครั้งให้ได้ โดยรีวิวิว Chef Table ที่ Royal Osha จากนักชิม Wongnai มีดังนี้

Chaneehiw, January 2023

“ร้านอาหารไทยสไตล์ Fine dining ระดับมิชลินร้าน Royal Osha คราวนี้เลือกเป็นแบบ Chef’s table โดยมีเชฟวิชิต มุกุระ มาปรุงให้เราเองเลย เปิดประสบการณ์การทานอาหารไทยแบบล้ำมากๆ เป็นแบบ 5 course เมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ทุกจานคือเชฟปรุงมาอย่างปราณีตในทุกรายละเอียด สวยและอร่อยละมุนทุกจาน ประทับใจมากๆ ส่วนร้านก็บรรยากาศดีเรียบหรู ควรคู่แก่การมาเดทมากค่ะ”

Milkkpp, October 2019

“presentation ดี เทสดี บริการดี ดีทุกอย่างไปหมด ทานแบบคอร์ส ทุกจานมีเรื่องราว มีที่มาที่ไปของวัตถุดิบ และการปรุงที่ so thai แต่ไม่จัดจ้านมาก ชอบการนำเสนอในทุกๆจานที่มาเสิร์ฟมากๆ อร่อยกว่าที่คาดหวังทุกเมนู ทั้งเมนูคาวและหวาน และได้รับการบริการที่ดี สมกับที่ร้านได้รับรางวัลมากมาย”

Yee FullandFun, July 2019

“Royal Osha ร้านอาหารไทย fine dining ที่เป็นที่รู้จักดีในหมู่คนต่างชาติ เมนูอาหารและการตกแต่งร้านเป็นสไตล์ contemporary ร่วมสมัย บรรยากาศร้านสวยมาก ดูหรูแต่มีความ casual อยู่ในที งานบริการและการพรีเซนต์อาหารแต่ละจานชนะเลิศ สวยงามมีศิลปะ ดูแล้วตื่นตาตื่นใจในทุกคอร์สที่เสริฟเลย และกุญแจหลักสำคัญ คือ รสชาติอาหารที่อร่อยครบรสและมีความเป็นไทยอยู่ครบถ้วน กับวัตถุดิบอาหารคัดสรรที่ดีเยี่ยม เป็นมื้อที่ประทับใจมาก และเป็นดีล Wongnai Bangkok restaurant week ที่คุ้มค่าสุดๆ อยากบอกต่อจริงๆ”

Miscellaneous Me, September 2016

“ร้านนี้ถือว่าเป็นอีกร้านที่เปิดประสบการณ์ในการชิมอาหารไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ทุกจานเลือกใช้วัตถุดิบ และจัดองค์ประกอบสวยงาม และนำเสนออย่างน่าสนใจ ตื่นตาตื่นใจ ประทับใจมากๆเพราะในแต่ละเมนูเราเห็นถึงความคิด การวางแผน ความสร้างสรรค์ นำเสนอภูมิปัญญาด้านอาหารไทยดั้งเดิมกับศาสตร์ และศิลป์สมัยใหม่ molecular gastronomy ได้อย่างลงตัว ที่สำคัญและขาดไม่ได้คือบรรยากาศดี และการบริการที่ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นคนสำคัญ เป็นมืออาชีพไม่มีพร่องค่ะ”

Jeab Ja, February 2016

”ร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นที่แฝงไปด้วยความหรูหราอย่างมีระดับ ได้ยินชื่อเสียงของร้าน Royal Osha จากพี่ๆน้องๆในวงในมาพอสมควร อีกทั้งมีรางวัลการันตีความอร่อยอีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือรางวัล Wongnai Best of 2016 ยิ่งทำให้อยากมาลิ้มลองดูสักครั้ง ถึงแม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าที่ได้มาลิ้มลองอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นแบบนี้มากค่ะ ที่นอกจากจะครีเอทเมนูอาหารให้ออกมาสวยงามและรสชาติดีแล้วยังสามารถนำเสนอความเป็นไทยแฝงออกมาได้ทั้งในอาหารและสถานที่อีกด้วยค่ะ ส่วนการบริการก็ไม่เป็นรองค่ะเรียกได้ว่าเป็นบริการแบบมีระดับประทับใจ”

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้ารางวัลการันตีของ Royal Osha

7. รสชาติถูกปาก ราคาถูกใจ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ด้วย Chef Table ที่ Royal Osha

Chef Table

สำหรับเมนูอาหารไทยของ Chef Table นั้นผ่านการรังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบทั้งของประเทศไทย และจากต่างประเทศ ที่นำมาผ่านกรรมวิธีในการปรุงที่มีความพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติ และองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความครบเครื่อง ครบรส และแสดงถึงเอกลักษณ์ของอาหารไทยได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ภาพรวมของอาหารไทย Chef Table ของ Royal Osha นั้นมีรสชาติ และรายละเอียดต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ส่งผลให้นักชิมที่อยากจะลิ้มลองอาหารไทยแบบ Exclusive มากขึ้น สามารถลิ้มลองได้ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมถึงยังมีราคาสบายกระเป๋า สามารถรองรับแขกคนสำคัญ และเหมาะสำหรับการมานั่งรับประทานได้ในทุกโอกาส ทำให้ Royal Osha นั้นเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมจากนักชิมทุกสัญชาติ ดังนั้น ถ้าหากนักชิมคนไหนอยากจะแวะมาสัมผัสกับอาหารไทยพรีเมียมที่ Royal Osha สามารถติดต่อสอบถาม หรือทำการสำรองที่นั่ง ผ่านทางช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

    • Line Official : @royalosha
    • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
    • Facebook : Royal Osha Bangkok
    • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha