Posted on

อยากสัมผัส Fine Dining สาทร ต้องเริ่มจากที่นี่ – Royal Osha ความหรูหราสไตล์ไทยแท้ รางวัลมิชลินไกด์

fine dining sathorn
fine dining sathorn

อยากสัมผัส Fine Dining สาทร ต้องเริ่มจากที่นี่ – Royal Osha ความหรูหราสไตล์ไทยแท้ รางวัลมิชลินไกด์

ย่านสาทรของกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในทำเลที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารหรู และบรรยากาศพรีเมียม เหมาะสำหรับทั้งนักธุรกิจที่มองหาสถานที่รับรองแขก และนักชิมที่อยากดื่มด่ำมื้อพิเศษท่ามกลางความคึกคักของเมืองใหญ่ ถึงแม้ว่าย่านนี้จะมีร้านอาหารนานาชาติให้เลือกมากมาย แต่การจะหาร้านอาหารที่สามารถนำเสนออาหารไทย Fine Dining แท้ๆ ซึ่งทั้งรักษารสชาติแบบดั้งเดิม และนำเสนออย่างหรูหรา กลับไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

และในบรรดาร้านอาหาร Fine Dining สาทรที่สามารถผสมผสานเสน่ห์ของอาหารไทยกับความประณีตระดับสากลได้อย่างลงตัว “Royal Osha” ก็เป็นชื่อที่ต้องถูกพูดถึงเสมอ ไม่เพียงเพราะรสชาติที่กลมกล่อม และการตกแต่งจานที่วิจิตรเหมือนงานศิลป์ แต่ยังเพราะมาตรฐานการบริการ และบรรยากาศที่ยกระดับให้มื้ออาหารกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ และความสำเร็จนี้ได้รับการยืนยันด้วยการได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์ติดต่อกันถึง 7 ปี ซึ่งเป็นเครื่องการันตีคุณภาพที่นักชิมทั่วโลกให้ความเชื่อถือ

สำหรับใครที่อยากสัมผัสความหรูหราของร้านอาหารไทย Fine Dining สาทร สไตล์ไทยแท้ใจกลางสาทร พร้อมลิ้มลองเมนูที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพ และเทคนิคการปรุงชั้นสูง ก็สามารถแวะมาได้ที่ Royal Osha จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการเดินทางเข้าสู่โลกของ Thai Fine Dining อย่างแท้จริง

fine dining sathorn

1. Royal Osha – ความลงตัวของศิลปะไทย และรสชาติแบบไทยแท้ในโลกของ Fine Dining

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารไทย Fine Dining สาทร ที่เกิดจากความตั้งใจที่จะนำอาหารไทยก้าวสู่เวทีโลกในแบบที่ยังคงรากเหง้าของรสชาติ และภูมิปัญญาดั้งเดิมเอาไว้ครบถ้วน แต่เพิ่มความประณีตในทุกองค์ประกอบให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Fine Dining ระดับสากล และจุดเริ่มต้นของร้านมาจากความเชื่อว่าอาหารไทยมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งในด้านรสชาติที่ซับซ้อน ความหลากหลายของวัตถุดิบ และความงดงามของการจัดเสิร์ฟ ที่หากนำเสนออย่างมีศิลปะ และร่วมสมัยก็สามารถสร้างความประทับใจให้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้ไม่แพ้ครัวชั้นนำของโลก

โดยเอกลักษณ์ของ Royal Osha คือ การรักษารสชาติแบบไทยแท้ที่เข้มข้น และกลมกล่อม พร้อมปรับสมดุลให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับความเผ็ดจัด หรือรสซับซ้อนเกินไปของอาหารไทย อีกทั้งเมนูยังถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมตามฤดูกาลจากแหล่งที่ดีที่สุดทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อให้ได้รสชาติ และคุณภาพสูงสุด รวมถึงมีการปรุงผสมผสานเทคนิคไทยดั้งเดิมกับความร่วมสมัย ทำให้ได้อาหารที่ทั้งอร่อย และคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้ในทุกจาน

และในด้านการนำเสนอของ Royal Osha ร้านอาหารFine Dining สาทรก็ได้ให้ความสำคัญกับทุกจานเหมือนเป็นผลงานศิลป์ ด้วยการจัดจานอย่างวิจิตรใช้ภาชนะลายไทยประยุกต์ การตกแต่งด้วยดอกไม้สด หรือองค์ประกอบเล็กๆ ที่สื่อถึงความเป็นไทย แต่ยังมีความโมเดิร์นที่เข้ากับรสนิยมของผู้คนในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีบรรยากาศภายในร้านหรูหรา และอบอุ่นด้วยโทนสีทอง และแสงไฟนุ่มนวล ผสมผสานความร่วมสมัยกับความงามของสถาปัตยกรรมไทยได้อย่างลงตัว

นอกจากรสชาติ และบรรยากาศแล้ว การบริการของร้านอาหาร Fine Dining สาทร Royal Osha ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น โดยพนักงานทุกคนผ่านการฝึกฝนให้ดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจ รู้จักอธิบายเมนู และแนะนำการจับคู่เครื่องดื่มที่เหมาะสม เพื่อเสริมรสชาติให้มื้ออาหารสมบูรณ์แบบที่สุด และความพิเศษเหล่านี้ทำให้ Royal Osha ได้รับการยกย่อง และถูกบันทึกในมิชลินไกด์ติดต่อกันหลายปี และทำให้ Royal Osha ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Thai Fine Dining ที่ทั้งงดงาม หรูหรา และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของความเป็นไทยอย่างแท้จริง

fine dining sathorn

2. พบกับรีวิวจาก Food Blogger ชื่อดัง พร้อมแนะนำเมนูอร่อยที่เหล่านักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด

เมื่อพูดถึง Royal Osha ร้านอาหาร Fine Dining สาทร ที่นอกจากเสียงชื่นชมจากนักชิมทั่วไปแล้ว ยังมีรีวิวจากเหล่า Food Blogger ชื่อดังที่ยืนยันถึงคุณภาพ และเสน่ห์ของร้านอย่างชัดเจน โดยรีวิวเหล่านี้มักเต็มไปด้วยภาพถ่ายอาหารที่สวยงาม การบรรยายรสชาติที่ละเอียดลออ และประสบการณ์ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนอยากมาลิ้มลอง ดังนั้น ในหัวข้อนี้ทาง Royal Osha จะพาไปดูว่าบรรดา Food Blogger พูดถึง Royal Osha ไว้อย่างไรบ้าง พร้อมทั้งแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ที่ได้รับความนิยม และเป็น “เมนูต้องลอง” ของนักชิมอาหารไทยตัวจริง โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย!

2.1 เกิดมากิน (Facebook Page)

ได้เห็นฉากหนึ่งใน Series White Lotus ที่มีฉากหลังเป็นภาพรามเกียรติ์ที่วิจิตรงดงาม วันนี้เพชรได้มีโอกาสมาตามรอย และลองชิม กับร้าน Royal Osha ที่ได้ Michelin Guide มาถึง 7 ปีซ้อน และเป็นร้านอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ที่มีเมนูอาหารรสชาติครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย

✨วันนี้เพชรขอพามาลอง Royal Osha Set menu 

 

8 Course Special Set menu

  • 🍹 Signature drink non alcohal น้ำเสาวรส แต่งกลิ่นด้วยวนิลลาที่เสิร์ฟมาในพรอปชฏาสวยงาม ความเปรี้ยวของเสาวรสตัดกลิ่นด้วยวนิลลา ได้ความกลมกล่อมที่ลงตัว
  • 🥗Starter
    • เมี่ยงคำบัวหลวงฟรัวกราส์ วางมาในกลีบดอกบัวบัวหลวงแทนใบชะพลู รสชาติหวานมันตามสไตล์เมี่ยงคำเพิ่มรสชาติความนัวด้วยฟรัวกราส์
    • ลาบปลาหมึกยักษ์ จากสเปน รสชาติ เผ็ดปลาย เปรี้ยวหวานกลมกล่อมเป็น Strater กระตุ้นลิ้นเปิดต่อมรับรสได้อย่างดี
    • ยำสายบัวล็อบสเตอร์ เนื้อล็อบสเตอร์ทำมาได้ Perfect cook รสชาติเผ็ดเปรี้ยวหวานของน้ำยำบาลานซ์ดี มีการเพิ่มผิวส้มซ่า เพิ่ม Aromatic ชอบใจสายบัวที่หั่นมาเป็นแว่นๆ ชิ้นพอดีคำทำให้มีความกรุบกรอบ และหอมเจียวเพิ่มความกรอบอีกขั้น
    • หอยเชลล์ย่างกับซัลซ่าปลาเค็ม และครีมข้าวโพด หอยเชลล์นำเข้าจาก Hokkaido ย่างที่ความสุก Medium ซัลซ่าปลาเค็มกลิ่นหอมเบาๆ ทานคู่กับครีมข้าวโพดไปด้วยกันได้อย่างลงตัว
  • 🍲Soup
    • ต้มยำกุ้งแม่น้ำ กุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่นำมาย่างเพิ่มกลิ่นหอม น้ำซุปต้มยำ ใช้การSyphon ดูดขึ้นมาเอากลิ่นจาก ใบมะกรูดตะไคร้มะนาว น้ำซุปเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อมกลิ่นหอม ซดได้เพลินๆ
    • 🥩Main course
      • บะหมี่แกงปูใบยี่หร่า เส้นแบบโซเมนญี่ปุ่น เครื่องแกงจากภาคใต้ มีรสเผ็ดที่หนักแน่นชัดเจนเข้ากับยี่หร่ารสชาติเผ็ดหวานเค็มกำลังงาม ปูก้อนชิ้นพอดีคำ คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันเป็นอันลงตัว
  • ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่างกับซอสแกงเขียวหวาน ซอสเขียวหวานเข้มข้น ทานแนมกับมะเขือม่วง มะเขือยา วมะเขือเปราะ และยอดมะพร้าว ปาดซอสทานคู่กับซี่โครงแกะที่ย่างมาได้กำลังดี
    • 🍧Dessert
  • ขนมหม้อแกงหยดน้ำกับกรานิต้าแตงโม ขนมหม้อแกงหยดน้ำที่เสิร์ฟพร้อมซอสเฉาก๊วย กับตีดกับกรานิต้าแตงโมล้างปากได้ความสดชื่นปิดจบได้สมบูรณ์

 

> ดูรีวิว Royal Osha จาก Facebook Page ของ เกิดมากิน เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.2 พาไปกิน (Facebook Page)

“ตะลุยสำรับข้าวแช่สุดหรู! กับรอยัล โอชา (Royal Osha) จัดหนักต้อนรับหน้าร้อน”

ร้อนนี้มีเมนูเด็ดมาให้คลายร้อนแล้ว! รอยัล โอชา ร้านอาหารไทยเจ้าของรางวัลมิชลิน 7 สมัยซ้อน เปิดตัวสำรับข้าวแช่สุดพิเศษ ชวนให้ทุกคนมาดับร้อนกับอาหารไทยโบราณ ในบรรยากาศสวยหรูแบบซีรีส์ The White Lotus เป๊ะมาก

🍽️ จัดเต็มกับอาหารเรียกน้ำย่อยแบบไม่เหมือนใคร ของว่างนำทาง อร่อยจนต้องยกนิ้ว

ก่อนเข้าถึงไฮไลท์หลัก ทางร้านจัดเตรียมทีเด็ดมาให้ถึง 2 จาน เริ่มจาก “มะม่วงน้ำปลาหวาน” ที่เชฟพลิกโฉมโดยใช้มะม่วงสองพันธุ์ทั้งเขียวเสวย และแก้วขมิ้น ฝานบาง ม้วนสวย ใส่ไส้น้ำปลาหวาน กุ้งเสียบ หอมแดง พริกสด จัดคู่กับ “ม้าฮ่อฝรั่งสีชมพู” ที่แกะสลักสวยงามจนแทบไม่อยากกิน!

แต่เด็ดสุดต้องยก “ยำมะยงชิด” ผลไม้ GI จากนครนายก รสเปรี้ยวหวานลงตัว นำมาคว้านเมล็ด ยัดไส้น้ำยำรสจัดจ้าน โรยหน้าด้วยกุ้งสองแบบ รสชาติเข้มข้นถึงใจสาย “ยำ” ตัวจริง!

✨ 8 เครื่องเคียงสุดแซ่บ ที่ทานแล้วต้องยิ้ม

พระเอกของสำรับ คือ เครื่องเคียงทั้ง 8 อย่างที่ทำให้ข้าวแช่ของรอยัล โอชา แตกต่างจากที่อื่น

  1. ลูกกะปิ เด็ดตรงเทคนิคห่อใบตองย่างไฟ เพิ่มความหอมฉุยแบบที่ไม่เหมือนใคร
  2. หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง เชฟใช้เทคนิคลับเฉพาะตัวผสมไข่แดงให้ปลาแห้งจับตัวไม่ร่วน ทานได้โดยไม่เลอะเทอะ
  3. พริกหยวกสอดไส้ ไม่ธรรมดา! ห่อด้วยเส้นไข่ฝีมือละเอียดที่ทำจากไข่เป็ดผสมไข่ไก่ กลิ้งบนน้ำมันจนรัดตัวพอดี
  4. ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด ใช้ไข่เค็มไชยาเกรดพรีเมียม ชุบแป้งพิเศษทอดจนกรอบนอกนุ่มใน
  5. หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม อัพเกรดหมูฝอยธรรมดาให้พิเศษด้วยการผัดน้ำพริกมะขาม เข้มข้นทุกคำที่ทาน
  6. ปลายี่สนผัดหวาน ปลากระเบนนำมาตำจนนุ่มฟู ผัดจนซึมเข้าเนื้อ ให้รสชาติกลมกล่อม
  7. หัวไชโป๊วผัดหวาน ผัดแบบพิถีพิถันจนเส้นมีความเงางาม เคลือบน้ำตาลปี๊บพอดี
  8. เห็ดหวานทรงเครื่อง นิวคอเมอร์ประจำปีนี้! เพื่อคนรักสุขภาพ และสายแพลนต์เบส ทำจากเห็ดโคนหลวงทอดกรอบเคลือบงา

💧 น้ำแช่ข้าวที่ไม่เหมือนใคร

ใครว่าข้าวแช่ทุกที่เหมือนกันหมด? ที่นี่ใช้น้ำแร่ pH 8.8 แช่ดอกไม้ไทย 4 ชนิด โดยเฉพาะดอกชมนาดที่หายาก ให้กลิ่นหอม “ข้าวใหม่” ที่หาไม่ได้จากที่ไหน เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิเสาไห้ และผักแกะสลักสวยงาม

🍧 ปิดท้ายด้วยขนมสุดครีเอท

หลังอิ่มกับสำรับหลัก มาตบท้ายด้วย “กรานิต้าส้มฉุน” ไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนที่ดัดแปลงจากน้ำลอยแก้วไทย เสิร์ฟพร้อมผลไม้นานาชนิด รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่น ฟินส์ทุกคำ!

 

> ดูรีวิว Royal Osha จาก Facebook Page ของ พาไปกิน เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.3 กินใกล้กรุง (Facebook Page)

ชวนตามรอยซีรี่ย์ดัง “The White Lotus” พร้อมมาสัมผัสบรรยากาศ และประสบการณ์การทานข้าวแช่โบราณตามตำรับชาววัง ต้อนรับหน้าร้อนกันที่ “Royal Osha” รับประกันความอร่อยด้วยรางวัล MICHELIN GUIDE ถึง 7 ปีซ้อน…

ในเช็ตเริ่มต้นเสิร์ฟด้วยออเดิร์ฟผลไม้คลายร้อนเรียกน้ำย่อยกับมะม่วงน้ำปลาหวาน ฝรั่งสีชมพูทำเป็นม้าฮ่อ และยำมะยงชิด

ไฮไลท์กับ “ชุดสำรับข้าวแช่” ข้าวแช่มาในน้ำแร่เย็น หอมกรุ่น ลอยดอกไม้ไทยหลากชนิด  เสิร์ฟพร้อมด้วยเครื่องเคียงตามตำรับชาววังถึง 8 อย่างทั้ง ลูกกะปิทอด, หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับและกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน, หัวไชโป๊วผัด และเห็ดหวานทรงเครื่อง

และเมนูปิดท้ายด้วย “กรานิต้าส้มฉุน” ไอศกรีมนํ้าลอยแก้วในรูปแบบกรานิต้า หอมละมุน คลุกเคล้ากับผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวหลายชนิด

ทานอาหารแสนอร่อยแล้วยังได้ดื่มด่ำพร้อมบรรยากาศสวยงามภายในร้าน กับมุมซิกเนเจอร์ของร้าน คือ “ชฎา” สวยงามสีทองสุดหรูเด่นใจกลางร้าน และมุมโต๊ะอาหารสวยๆ ฉากในซี่รี่ย์ The White Lotus ที่ตกแต่งด้วยภาพฝาผนังลายไทยสวยสุดวิจิตรบรรจง ถือเป็นอีกหนึ่งร้านสุดประทับใจที่อยากให้ทุกคนมาลองกันสักครั้งในชีวิต…

 

> ดูรีวิว Royal Osha จาก Facebook Page ของ กินใกล้กรุง เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.4 TongPaii (Facebook Page)

Royal Osha Bangkok 

Fine Dining อาหารไทยพรีเมียม หนึ่งในโลเคชั่นสุดหรูจากซีรีส์ White Lotus

วันนี้เราขอพาทุกคนมาสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษ ที่ Royal Osha Bangkok ร้าน Fine Dining อาหารไทยสุดหรู ที่ถ่ายทอดความประณีตของรสชาติ และศิลปะไทยร่วมสมัยได้อย่างน่าประทับใจ เสน่ห์ใหม่ของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจนถึงรูปแบบการนำเสนอในสไตล์โมเดิร์นที่ทำให้โดดเด่นจนได้รับรางวัลร้านอาหารไทยที่ได้รับการแนะนำอันดับหนึ่งจากหลากหลายเวทีทั่วโลก บรรยากาศของที่นี่สวยงาม หรูหรา ตามแบบฉบับ Modern Thai Luxury และที่พิเศษสุดๆ คือ Royal Osha Bangkok ยังเป็นหนึ่งในโลเคชั่นของซีรีส์ชื่อดังอย่าง White Lotus ซีซั่นใหม่ ที่เลือกถ่ายทำในประเทศไทยด้วยนะครับ ยิ่งทำให้ที่นี่ดู Exclusive เข้าไปอีก!

สำหรับเมนูที่เราได้ลองความอร่อยสำหรับมื้อพิเศษในครั้งนี้ บอกเลยว่าแต่ละจานคือผสมผสานความพิถีพิถันของวัตถุดิบระดับพรีเมียมเข้ากับรสมือแบบไทยแท้ได้อย่างลงตัวเริ่มที่ Starter กับ “เมี่ยงคำบัวหลวงฟัวกราส์” ที่นำฟัวกราส์มาย่างอย่างพอดี วางบนกลีบบัวสวยๆ เสิร์ฟคู่เครื่องเคียงสมุนไพรไทย ทานคู่กับซอสมะขาม หอมหวาน เปรี้ยว เค็มครบเครื่องในคำเดียว “ลาบปลาหมึกยักษ์” รสแซ่บถึงใจ และ “ยำสายบัวล็อบสเตอร์” ที่ใช้กุ้งล็อบสเตอร์แคนาดาย่างหอมๆ คลุกเคล้ากับสลัดสายบัวสไตล์ไทย และปิดท้ายเมนูเรียกน้ำย่อยด้วย “หอยเชลล์ย่างซัลซ่าปลาเค็มและครีมข้าวโพด” ที่หอมหวานกลมกล่อมแบบลงตัวสุดๆ

ในส่วนของ Soup มีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง “ต้มยำกุ้งแม่น้ำ” ที่ใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ เคี่ยวกับสมุนไพรสด รสชาติจัดจ้านถึงใจแบบไทยแท้ต่อด้วย Main Course ไฮไลต์ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด “บะหมี่แกงปูใบยี่หร่า” เส้นบะหมี่นุ่มๆ เสิร์ฟคู่กับเนื้อปูแน่นๆ ในซอสแกงแดงหอมเครื่องเทศ หรือจะเป็น “ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่างกับซอสแกงเขียวหวาน” ที่แกะย่างมาได้พอดี เสิร์ฟคู่ผักตามฤดูกาล รสชาติเข้มข้นแบบไทยสไตล์ที่ลงตัวมากๆ

ส่วนของ Dessert ต้องยกให้ “ขนมหม้อแกงหยดน้ำกับกรานิต้าแตงโม” เมนูหม้อแกงเนื้อนุ่มละมุน ทานคู่กับเกล็ดน้ำแข็งแตงโมสดชื่น ตบท้ายมื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่อยากนำเสนอรสชาติ ความเป็นไทยที่มีความหลากหลายมิติ ในทุกรสสัมผัสที่แท้จริง

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ที่ต้องพูดถึง คือ “ข้าวแช่” สูตรเฉพาะของทางร้าน ที่คัดสรรข้าวหอมมะลิเรียงเมล็ดงาม พร้อมเครื่องเคียงไทยโบราณครบชุด เสิร์ฟมาในน้ำอบควันเทียนหอมอ่อนๆ เย็นสดชื่น เป็นอีกหนึ่งจานที่สะท้อนความประณีตแบบฉบับอาหารไทยชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ใครที่อยากสัมผัส Fine Dining อาหารไทยแบบพรีเมียม ที่ครบทั้งบรรยากาศ รสชาติ และดีเทลสุดเนี้ยบทุกจาน ลองแวะมา Royal Osha Bangkok ดูครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง อยากให้มาสัมผัส และดื่มด่ำมนต์เสน่ห์ที่สุดประทับใจที่รอยัล โอชา ด้วยตัวเองสักครั้ง

 

> ดูรีวิว Royal Osha จาก Facebook Page ของ TongPaii เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.5 สวัสดีคนแปลกหน้า (Facebook Page)

วันนี้จะพาทุกคนมาทานอาหารไทยสุดพรีเมียม ต้อนรับคิมหันต์ฤดู ด้วยเมนูข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา จากร้าน “Royal Osha Bangkok” เจ้าของรางวัลมิชลินไกด์ 7 ปีซ้อน โดยเชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef รังสรรค์เมนูข้าวแช่จากวัตถุดิบชั้นเลิศทั้ง 7 อย่างตามตำรับชาววัง พร้อมเครื่องเคียงพิเศษอย่างที่ 8 ในปีนี้ นั่นก็คือ “เห็ดหวานทรงเครื่อง” สำหรับเป็นทางเลือกของคนรักการทานอาหารแพลนต์เบส บอกได้คำเดียวเลยว่า เป็นมื้อพิเศษที่อบอวนไปด้วยความสดชื่น ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายในร้านที่มีความเป็นไทยโมเดิร์น หรูหรา พร้อมสัมผัสกับรสชาติอาหารไทยรสจัดจ้านและคลายร้อน เริ่มต้นเมนูกันด้วย

  • มะม่วงนํ้าปลาหวาน และม้าฮ่อ จับคู่อาหารเรียกนํ้าย่อยมาในขนาดพอดีคำ ตัวมะม่วงน้ำปลาหวานมีความเปรี้ยวมัน ด้านในมีกุ้งเสียบ หอมแด งและพริกสด ส่วนม้าฮ่อจะมีไส้รสหวานเค็มทานคู่กับฝรั่งสีชมพู
  • ยำมะยงชิด รสชาติเปรี้ยวฉํ่า หอมนํ้าปลาหวาน นำมะยงชิดที่คัดสรรมาอย่างดี มาสอดใส้นํ้ายำรสชาติจัดจ้าน มีพริก หอมแดงซอย โรยหน้าด้วยกุ้งเสียบ และกุ้งแห้งป่น 
  • ข้าวแช่ตำรับชาววัง รอยัล โอชา พร้อมเครื่องเคียง 8 อย่าง ข้าวแช่ตำรับชาววัง มีกลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้ที่ลอยในนํ้าแร่ค่า pH 8.8 และแช่ข้ามคืน จนได้กลิ่นที่หอม เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิเสาไห้ในนํ้าลอยดอกไม้
  • ลูกกะปิ หัวใจสำคัญของข้าวแช่ ปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ ทานคู่กับกระชาย และดอกจำปี
  • หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง ทานคู่กับแตงกวา และต้นหอมม้วน 
  • พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ทานคู่กับแตงกวา และมะม่วง
  • ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด ด้านนอกกรอบ ด้านในนุ่มหนึบ ทานคู่กับมะม่วงเปรี้ยว และต้นหอมม้วน
  • หมูฝอยผัดนํ้าพริกมะขาม รสชาติเข้มข้น ทานคู่กับแตงกวา
  • ปลายี่สนผัดหวาน ทานคู่กับมะม่วงเปรี้ยว
  • หัวไชโป๊วผัดหวาน ทานคู่กับแตงกวา และต้นหอมม้วน
  • เห็ดหวานทรงเครื่อง เครื่องเคียงพิเศษสำหรับปีนี้ ทำจากเห็ดโคนหลวง กลิ่นหอม มีรสชาติหวาน กรอบ
  • กรานิต้าส้มฉุน ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวาน รสชาติหวานอมเปรี้ยว ทานแล้วสดชื่น

นอกจากนี้ ยังมีข้าวแช่ในรูปแบบ Take away มาในกล่องของขวัญดีไซน์สวยงาม คล้ายปิ่นโตทรงเหลี่ยมสีทอง สำหรับใครที่ต้องการมอบความพิเศษให้กับคนสำคัญอีกด้วย

 

> ดูรีวิว Royal Osha จาก Facebook Page ของ สวัสดีคนแปลกหน้า เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

fine dining sathorn

3. สัมผัสความหรูหราสไตล์ไทยแท้ที่ Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining สาทรก่อนใคร สำรองที่นั่งได้เลย ที่นี่!

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทย Fine Dining สาทร ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทย Fine Dining สาทรที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย Fine Dining สาทรอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ ที่มิชลินไกด์แนะนำ – Royal Osha กับการยกระดับรสชาติไทยสู่ระดับโลก

Luxury Thai restaurant Bangkok
Luxury Thai restaurant Bangkok

ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ ที่มิชลินไกด์แนะนำ – Royal Osha กับการยกระดับรสชาติไทยสู่ระดับโลก

สำหรับวงการอาหารระดับโลกมักมีเครื่องหมายหนึ่งที่เป็นเหมือนตราประทับแห่งคุณภาพ นั่นก็คือ “มิชลินไกด์” (Michelin Guide) หรือหนังสือคู่มือแนะนำร้านอาหาร และโรงแรมชั้นนำที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และพัฒนาเรื่อยมาจนเป็นมาตรฐานสากล และในปัจจุบัน “ดาวมิชลิน” คือ รางวัลที่บ่งบอกถึงฝีมือ ความพิถีพิถัน และความเป็นเลิศในรสชาติ และประสบการณ์การรับประทานอาหาร และร้านที่ได้รับการบันทึกในมิชลินไกด์ก็มักจะเป็นที่นิยมของนักชิมทั่วโลก และไม่เพียงเพราะความหรูหรา หรือชื่อเสียง แต่เพราะความน่าเชื่อถือจากการคัดเลือกอย่างเข้มงวดโดยผู้ตรวจสอบที่มีความเป็นกลางสูง ไม่เปิดเผยตัว และใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

โดยเกณฑ์ที่ใช้พิจารณามีตั้งแต่คุณภาพของวัตถุดิบ เทคนิคการปรุง ความลงตัวของรสชาติ ความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงความสม่ำเสมอของมาตรฐาน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้มิชลินไกด์กลายเป็นเสมือน “ตรารับรอง” ที่สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค และเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวสายอาหารให้เดินทางข้ามประเทศ เพื่อลิ้มลองรสชาติที่คู่ควรกับการบันทึกในคู่มือนี้

และหนึ่งในร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพฯ ที่ได้รับการแนะนำโดยมิชลินไกด์ คือ Royal Osha ที่เป็นร้านอาหารไทยที่ตั้งใจยกระดับอาหารไทยดั้งเดิมให้ก้าวสู่เวทีสากล ผ่านการนำเสนอเมนูที่คงความเป็นไทยแท้ แต่ปรับโฉมด้วยเทคนิคการปรุง และการจัดจานแบบ Fine Dining ผสมผสานความงามของศิลปะไทยเข้ากับประสบการณ์การรับประทานระดับโลก ทำให้ Royal Osha จึงไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหาร แต่เป็น “เวที” ที่นำเสนอเสน่ห์ และรสชาติของอาหารไทยในมิติใหม่ ที่ทำให้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติประทับใจตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย

Luxury Thai restaurant Bangkok

1. Royal Osha – ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ จากรากเหง้าอาหารไทยสู่ความประณีตแบบ Fine Dining

“Royal Osha” ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพฯ ที่เกิดจากความตั้งใจที่จะนำอาหารไทยก้าวสู่เวทีโลกในรูปแบบที่สง่างาม และร่วมสมัย โดยยังคงยึดมั่นในรากเหง้าของรสชาติ และภูมิปัญญาการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม โดยความคิดนี้เริ่มจากการที่เชฟวิชิต มุกุระ ได้มองเห็นว่าอาหารไทยมีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งรสชาติ ความหลากหลายของวัตถุดิบ และเสน่ห์ทางวัฒนธรรม แต่ยังมีพื้นที่ให้พัฒนาในด้านการนำเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Fine Dining ระดับสากล ทำให้เชฟ และทีมงานทุ่มเทในการสร้างประสบการณ์ที่ครบวงจร ตั้งแต่รสชาติที่กลมกล่อมจนถึงการจัดจานที่ประณีตงดงาม

โดยอาหารทุกจานของ Royal Osha สะท้อนความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบพรีเมียมตามฤดูกาลจากแหล่งคุณภาพทั้งใน และต่างประเทศ การปรุงที่ผสมผสานเทคนิคไทยแท้เข้ากับความร่วมสมัย ไปจนถึงการจัดจานที่เสมือนงานศิลปะ ทำให้แขกผู้มาเยือนได้สัมผัสทั้งรสชาติ กลิ่นอาย และความงามที่กลมกลืนกันอย่างลงตัว และแต่ละเมนูถูกออกแบบให้คงความเป็นไทยแท้ในรสชาติ แต่มีความละเมียดละไมที่ทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับรสจัดสามารถรับประทานได้อย่างเพลิดเพลิน

และอีกหนึ่งจุดเด่นของ Royal Osha คือ การสร้างบรรยากาศห้องอาหารที่หรูหรา แต่ยังแฝงความอบอุ่นของความเป็นไทย เพื่อช่วยเสริมให้มื้ออาหารเป็นมากกว่าการรับประทาน แต่กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ อีกทั้งบริการของที่นี่ก็อยู่ในมาตรฐานระดับสากล พนักงานทุกคนได้รับการฝึกฝนให้ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การต้อนรับ การอธิบายเมนู ไปจนถึงการดูแลความต้องการของลูกค้าโดยไม่รบกวนความเป็นส่วนตัว

ด้วยความมุ่งมั่น และมาตรฐานที่รักษาไว้อย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ Royal Osha ได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์ต่อเนื่องถึง 6 ปี ถือเป็นการยืนยันคุณภาพทั้งในด้านรสชาติ การบริการ และบรรยากาศอย่างชัดเจน และในปัจจุบัน Royal Osha ก็ไม่เพียงเป็นร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ แต่ยังเป็นเวทีที่ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารไทยสู่สายตาชาวโลกอย่างภาคภูมิได้อย่างแท้จริง

2. เหตุผลที่ Royal Osha ถูกเลือกเป็น 1 ในร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ จากสื่อ และนักชิม

“Royal Osha” ไม่เพียงเป็นแค่ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ ที่ได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์ต่อเนื่องหลายปี แต่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักชิมทั้งไทย และต่างชาติที่ต้องการสัมผัสรสชาติอาหารไทยในมิติใหม่ และจุดเด่นของร้านที่สื่อ และนักวิจารณ์อาหารต่างยกย่องอยู่เสมอ คือ การรักษาเอกลักษณ์รสชาติไทยแท้ให้เข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน ควบคู่กับการเลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมที่สดใหม่ตามฤดูกาล ทุกจานถูกปรุงด้วยเทคนิคที่ผสมผสานความดั้งเดิมกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ Royal Osha ยังสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ครบทุกมิติ ตั้งแต่การตกแต่งห้องอาหารที่สะท้อนความงามแบบไทยแท้ บริการที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ไปจนถึงทำเลที่ตั้งใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้เดินทางสะดวก ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ Royal Osha กลายเป็นตัวแทนของอาหารไทยระดับ Fine Dining ที่สามารถสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือน และกลายเป็นที่ยอมรับจากทั้งนักชิมมืออาชีพ และผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยทั่วโลก 

2.1 รสชาติอาหารไทยเข้าถึงง่าย

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพฯ Royal Osha ได้รับความนิยม คือ การปรุงอาหารไทยให้อยู่ในรูปแบบที่ “เข้าถึงง่าย” ทั้งสำหรับคนไทย และชาวต่างชาติ โดยแนวคิดนี้ยังคงรสชาติหลักของอาหารไทยไว้ครบถ้วน ทั้งความเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน แต่ปรับสมดุลให้กลมกล่อม ไม่รุนแรงจนเกินไปสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับรสจัดแบบดั้งเดิม และเทคนิคการปรุงยังคำนึงถึงการใช้สมุนไพร และเครื่องเทศในปริมาณที่พอดี เพื่อให้ทุกคนสามารถลิ้มรสได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งเชฟของ Royal Osha ยังใส่ใจในการเลือกเมนู และการปรับสูตร เพื่อให้รสชาติยังคงเอกลักษณ์ไทยแต่มีความร่วมสมัย ทำให้ทั้งนักชิมมือใหม่ และผู้ที่คุ้นเคยกับอาหารไทยสามารถรับประสบการณ์ที่น่าประทับใจได้เป็นอย่างดี

2.2 คัดสรรวัตถุดิบพรีเมียมตามฤดูกาล

สำหรับร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ อย่าง Royal Osha นั้นให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงเป็นอย่างมาก โดยยึดหลัก “ตามฤดูกาล” เพื่อให้ได้รสชาติที่สดใหม่ และคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล หมายถึงการเลือกใช้ผลผลิตที่อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของปี เช่น ปูทะเลเนื้อแน่นในช่วงหน้าหนาว หรือมะม่วงสุกหอมในช่วงหน้าร้อน และวัตถุดิบเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แต่ยังช่วยสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นอกจากนั้นเชฟจะปรับเมนูตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้ทุกจานมีความสดใหม่ และไม่ซ้ำกันตลอดทั้งปี นอกจากนี้วัตถุดิบบางส่วนยังนำเข้าจากแหล่งผลิตระดับโลก เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด เช่น เครื่องเทศหายาก หรือไวน์ที่จับคู่กับอาหารได้อย่างลงตัว และแนวทางนี้ก็ทำให้ Royal Osha มีความโดดเด่นในแวดวง Fine Dining เพราะไม่เพียงใส่ใจในรสชาติ แต่ยังพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการเลือกวัตถุดิบ

2.3 ห้องอาหารบรรยากาศไทยแท้

สำหรับร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ อย่าง Royal Osha นั้นสร้างเอกลักษณ์ให้แตกต่างจากร้านอาหารหรูอื่นๆ ด้วยการตกแต่งที่สะท้อนความงามของศิลปะ และวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง ภายในร้านถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งลวดลายไทยประยุกต์ แสงไฟที่อบอุ่น และการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่สอดคล้องกับบรรยากาศการรับประทานอาหารแบบ Fine Dining แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลามาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอกในช่วงเวลากลางคืน และภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหารที่ Royal Osha รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้าน ล้วนช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหรา และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ทำให้แขกที่มารับประทานอาหารจึงได้สัมผัสไม่เพียงแค่รสชาติอาหาร แต่ยังได้ดื่มด่ำกับความงาม และกลิ่นอายของประเทศไทยในทุกมิติ 

2.4 บริการด้วยความใส่ใจทุกขั้นตอน

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ Royal Osha เป็นที่จดจำ คือ การให้บริการที่ละเอียดอ่อน และใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้ม การแนะนำเมนูอย่างมืออาชีพ ไปจนถึงการคอยสังเกตความต้องการของลูกค้าโดยไม่รบกวนความเป็นส่วนตัว โดยพนักงานทุกคนผ่านการฝึกอบรมด้านการบริการในระดับมาตรฐานสากล ทำให้สามารถมอบประสบการณ์ในการรับประทานอาหาร Fine Dining ที่เหนือความคาดหมาย และความใส่ใจในการบริการนั้นยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนบางองค์ประกอบของเมนูให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า เช่น ปรับระดับความเผ็ด หรือจัดเมนูพิเศษสำหรับผู้ที่แพ้อาหาร รวมถึงการแนะนำไวน์ หรือเครื่องดื่มที่เข้ากับอาหารจานหลักได้อย่างลงตัว และการบริการเช่นนี้ไม่เพียงทำให้แขกรู้สึกพิเศษ แต่ยังสร้างความผูกพัน และความประทับใจที่ทำให้หลายๆ คนกลับมาเยือนซ้ำ

2.5 ทำเลใจกลางเมือง เดินทางง่าย

สำหรับร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ Royal Osha นั้นตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ใจกลางกรุงเทพฯ ถือเป็นย่านที่สะดวกต่อการเดินทางทั้งสำหรับคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะการอยู่ในทำเลที่ใกล้กับแหล่งธุรกิจ โรงแรมหรู และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ช่วยให้ร้านกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับมื้อพิเศษ การนัดหมายทางธุรกิจ หรือการต้อนรับแขกจากต่างประเทศ อีกทั้งการเดินทางมาที่ร้านยังสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งรถส่วนตัว แท็กซี่ หรือระบบขนส่งสาธารณะ เช่น BTS และ MRT ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการเดินทางในเมือง นอกจากนี้พื้นที่ที่ร้านยังมีที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้แขกรู้สึกสะดวกสบายตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง และทำเลที่ตั้งที่ดีเช่นนี้ไม่เพียงเพิ่มความสะดวก แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของ Royal Osha ให้เป็นร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ ที่พร้อมต้อนรับแขกจากทุกมุมโลก

2.6 การันตีด้วยรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อน

สำหรับรางวัลมิชลินไกด์ที่ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ Royal Osha ได้รับต่อเนื่องถึง 6 ปีซ้อน เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพ และมาตรฐานที่รักษาได้อย่างสม่ำเสมอ และการได้รับการบันทึกในมิชลินไกด์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มงวดในทุกด้าน ตั้งแต่รสชาติ เทคนิคการปรุง วัตถุดิบ ไปจนถึงการบริการ และบรรยากาศ และความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทีมงาน และเชฟในการพัฒนา และรักษามาตรฐานสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดนักชิม และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเอง ดังนั้น รางวัลมิชลินจึงไม่เพียงเป็นเกียรติยศของ Royal Osha เท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานชัดเจนว่า Royal Osha คือ หนึ่งในร้านอาหารไทยหรูชั้นนำของกรุงเทพฯ ที่ยืนหยัดในวงการอาหารระดับโลกได้อย่างมั่นคง

Luxury Thai restaurant Bangkok

3. รีวิวเมนูแนะนำ และการนำเสนอที่สื่อถึงวัฒนธรรมไทยจากอาหารทุกจานของ Royal Osha

ด้วยรสชาติอาหารไทยแท้ที่อร่อยกลมกล่อม มาพร้อมกับบรรยากาศแบบไทยๆ และการบริการที่น่าประทับใจ จึงทำให้ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ อย่าง Royal Osha นั้นได้รับความไว้วางใจจากเหล่าศิลปิน และดาราคนดังอย่างมากมาย ที่ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าอาหารอร่อย บรรยากาศดี และต้องกลับมาซ้ำกันทุกปี ยกตัวอย่างเช่น …

  • คุณย่าดวงดาว จารุจินดา 

“วันนี้ได้มีโอกาสไปทานข้าวแช่ที่ร้าน @royaloshabangkok ได้รับรางวัลมิชลิน   โดยเชฟวิชิต มุกุระอาหารอร่อยบรรยากาศดี #ข้าวแช่#khaochae #khaochaebkk #royaloshabangkok #finedinningbkk #thaifinedining #ดญมียาหลานสาวคุณย่าดาว❤️❤️❤️”

> ดูรีวิวเพิ่มเติม คลิก ที่นี่

 

  • Sirium Pukdeedumrongrit

“เเอนพาครอบครัวมาทานข้าวเเช่ที่  Royal Osha Bangkok  บรรยากาศดีอร่อยมากๆเลยค่ะ 😀” 

> ดูรีวิวเพิ่มเติม คลิก ที่นี่


  • Kharittha Sungsaopath

“พอเข้าช่วงหน้าร้อนแล้ว เราจะพลาดอาหารตำรับชาววังอย่างข้าวแช่ไปได้ไง วันนี้เลยพาทุกคนมาที่ Royal Osha Bangkok ทั้งวัตถุดิบ ทั้งฝีมือการทำอย่างปราณีต ทุกองค์ประกอบลงตัว สวยและรสชาติดีมาก อร่อยแบบสมฐานะสุดๆค่ะ ✨”

> ดูรีวิวเพิ่มเติม คลิก ที่นี่

 

นอกจากรีวิวข้างต้นแล้ว ก็ยังมีรีวิวอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งจาก Food Blogger ต่างๆ ทั้งในเว็บไซต์ Facebook และอื่นๆ รวมถึงรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่แวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยกับร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ Royal Osha ที่ช่วยการันตีได้ว่าใครที่ยังไม่เคยลองอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ควรมาลิ้มลองสักครั้ง 

 

> ดูรีวิวของ Royal Osha เพิ่มเติม คลิก ที่นี่ 

Luxury Thai restaurant Bangkok

4. ช่องทางติดต่อสำรองที่นั่งร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ Royal Osha

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพ ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไทยหรู กรุงเทพอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

5. ดูเมนูอาหาร หรือจองโต๊ะกับ Royal Osha ก่อนใครได้แล้ว วันนี้! คลิก ที่นี่

Posted on

ขนมไหว้พระจันทร์ ราคาเท่าไหร่? ส่องกล่องของขวัญสุดหรูจาก Royal Osha

mooncake price
mooncake price

ขนมไหว้พระจันทร์ ราคาเท่าไหร่? ส่องกล่องของขวัญสุดหรูจาก Royal Osha

“ขนมไหว้พระจันทร์” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ความสามัคคี และความปรารถนาดีที่สืบทอดมาจากวัฒนธรรมจีนโบราณ ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ไม่เพียงแต่เป็นขนมที่มีรสชาติอร่อย และรูปลักษณ์ที่ประณีต แต่ยังแฝงด้วยความหมายลึกเกี่ยวกับการรวมญาติ และการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ของจีน อีกทั้งรูปร่างทรงกลมของขนมยังสื่อถึงความสมบูรณ์ และความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

โดยในปัจจุบันนั้นขนมไหว้พระจันทร์ได้กลายเป็นของขวัญที่ผู้คนมอบให้กัน เพื่อแสดงความเคารพ ขอบคุณ หรืออวยพรให้ผู้รับมีความสุขสมบูรณ์ตลอดปี โดยเฉพาะเมื่อถูกบรรจุอยู่ในแพ็คเกจสุดหรูที่เปี่ยมด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้มูลค่า และความหมายของของขวัญชิ้นนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่า

และในปี 2025 นี้ ใครที่กำลังมองหาขนมไหว้พระจันทร์ไว้มอบให้กับคนสำคัญต้องห้ามพลาด “ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha” ที่มาพร้อมดีไซน์กล่องของขวัญระดับพรีเมียม ผสมผสานความงดงามแบบเอเชียเข้ากับความหรูหราสมัยใหม่ เหมาะทั้งสำหรับมอบให้คนพิเศษ ลูกค้า หรือผู้ใหญ่ที่เคารพ ไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แต่ยังถ่ายทอดความหมายดีๆ ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะมาแนะนำขนมไหว้พระจันทร์ ราคาย่อมเยาในแพ็คเกจสุดพรีเมียมในปี 2025 ที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้รับได้แบบไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามกันได้เลย!

mooncake price

1. แนะนำขนมไหว้พระจันทร์ ราคาดี ในแพ็คเกจพรีเมียมจาก Royal Osha ปี 2025

สำหรับต้นกำเนิดของขนมไหว้พระจันทร์นั้นมีความเชื่อกันว่าเกิดจากตำนานในสมัยโบราณของจีน ที่เล่ากันว่าครั้งหนึ่งโลกเคยมีดวงอาทิตย์ถึงสิบดวง ที่ส่องแสงร้อนแรงจนทำให้พื้นดินแตกระแหง พืชพันธุ์แห้งตาย ผู้คนลำบากยากเข็ญ จนวีรบุรุษนักยิงธนูชื่อ “โฮ่วอี้” ได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้ช่วยโลก เขาจึงใช้ธนูศักดิ์สิทธิ์ยิงดวงอาทิตย์ลงเก้าดวง และเหลือไว้เพียงดวงเดียว เพื่อให้แสง และความอบอุ่นแก่โลก และความกล้าหาญของโฮ่วอี้ ทำให้เขาได้รับรางวัลจากราชินีสวรรค์เป็นยาอมตะ ที่เมื่อดื่มแล้วจะไม่แก่ และมีชีวิตเป็นนิรันดร์ แต่ว่าโฮ่วอี้อยากใช้ชีวิตคู่กับภรรยาที่มีชื่อว่า “ฉางเอ๋อ” ไปจนนานแสนนาน จึงไม่รีบดื่มยา และมอบให้เธอเก็บรักษาไว้แทน แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อโฮ่วอี้ออกเดินทาง ศิษย์ทรยศชื่อเผิงเมิ่งก็พยายามชิงยาอมตะ ทำให้ฉางเอ๋อไม่มีทางเลือก จึงกลืนยาทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ทำให้ร่างของนางค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และในที่สุดก็ไปหยุดอยู่บนดวงจันทร์ เนื่องจากนั่นเป็นสถานที่ใกล้โลกที่สุดที่จะได้มองสามีที่รัก และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้โฮ่วอี้เสียใจเป็นอย่างมาก จึงจัดโต๊ะบูชาพร้อมขนม และผลไม้ที่ภรรยาชอบในคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวงที่สุด เพื่อระลึกถึงเธอ และเมื่อชาวบ้านรู้เรื่องก็ทำตาม และธรรมเนียมนี้ค่อยๆ แพร่ไปทั่ว กลายเป็นต้นกำเนิดของ “เทศกาลไหว้พระจันทร์”

นอกจากนั้นตำนานโบราณของจีนแล้ว ขนมไหว้พระจันทร์นั้นก็ยังมีต้นกำเนิดมาจากประเพณี “ไหว้พระจันทร์” ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล “จงชิว” หรือ Mid-Autumn Festival ในจีนที่มีอายุกว่า 3,000 ปี โดยประเพณีนี้ถือกำเนิดในยุคราชวงศ์โจว หรือประมาณ 1046–256 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อสังคมเกษตรกรรมเชื่อว่าดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อการเก็บเกี่ยว และความอุดมสมบูรณ์ จึงจัดพิธีบูชาพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญเดือน 8 เพื่อขอบคุณธรรมชาติ

และในยุคราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907) การไหว้พระจันทร์เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในกลุ่มชนชั้นสูง มีการจัดงานเลี้ยงชมจันทร์ และรับประทานขนมรูปทรงกลมเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ และความพร้อมหน้าของครอบครัว แต่ยังไม่ใช่ “ขนมไหว้พระจันทร์” ในรูปแบบปัจจุบัน จนกระทั่งในยุคราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) ขนมไหว้พระจันทร์เริ่มมีรูปร่าง และสูตรใกล้เคียงกับที่เรารู้จักในปัจจุบัน โดยเป็นขนมแป้งสอดไส้หวาน เช่น ถั่วแดง งาดำ และถูกประทับลวดลายมงคลบนหน้าขนม ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง และชิง (ค.ศ. 1368–1912) ขนมไหว้พระจันทร์ได้รับความนิยมในทุกชนชั้น และมีการพัฒนาเป็นสูตรประจำท้องถิ่น เช่น แบบกวางตุ้ง (ไส้เม็ดบัว ไข่เค็ม) แบบซูโจว (รสเค็มและมัน) หรือแบบแต้จิ๋ว (ไส้มันม่วง และเผือก) ซึ่งสูตรเหล่านี้ยังคงพบได้จนปัจจุบัน 

จนในศตวรรษที่ 20 เมื่อชาวจีนอพยพไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ขนมไหว้พระจันทร์ได้กลายเป็นสินค้ายอดนิยมในช่วงเทศกาล ไม่เพียงเพื่อการบูชา แต่ยังเป็นของขวัญมงคลสำหรับครอบครัว ลูกค้า และผู้ใหญ่ที่เคารพ และในปัจจุบัน ขนมไหว้พระจันทร์ยังคงรักษาสัญลักษณ์ดั้งเดิมของความกลมเกลียว และความปรารถนาดี แต่มีการปรับรสชาติ และบรรจุภัณฑ์ให้ร่วมสมัย เช่น ใช้วัตถุดิบนำเข้า ลดน้ำตาล หรือทำรสชาติฟิวชัน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่

ดังนั้น ทาง Royal Osha ที่ให้ความสำคัญกับขนมไหว้พระจันทร์ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง และเป็นของขวัญที่สื่อถึงความปรารถนาดี ความกลมเกลียว และความมั่งมีศรีสุข จึงได้สรรค์สร้างขนมไหว้พระจันทร์ในแพ็คเกจสุดพรีเมียมภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Moonlit Celestial Gift” ภายใต้แสงจันทร์อันเรืองรองในยามรัตติกาลของฤดูใบไม้ร่วง ที่ทาง Royal Osha ได้นําเสนอการรังสรรค์อันวิจิตร ที่ผสานศาสตร์แห่งวัฒนธรรม และศิลปแห่งการปรุงขนมไหว้พระจันทร์ไว้ในหนึ่งเดียว เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งความประณีต บรรจุไว้ในสุนทรียะแห่งรสชาติ และรูปลักษณ์อันเลอค่า ด้วยกล่องสีแดงเข้มที่ถูกออกแบบอย่างประณีต พร้อมด้วยลวดลายทองอร่ามที่สะท้อนเงาแสงแห่งจันทรา ล้อรับกับจังหวะของข้างขึ้นข้างแรมอย่างแยบยล เปรียบได้กับกาลเวลาอันงดงามที่ค่อยๆ ไหลเวียนผ่านผิวโลก ทำให้ทุกองค์ประกอบของขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha จึงมิใช่เพียงแค่บรรจุภัณฑ์ หากแต่เป็นงานศิลป์ทีบอกเล่าเรืองราวแห่งฟากฟ้าด้วยภาษาของการออกแบบร่วมสมัย และเปรียบเสมือนเป็น “ของขวัญจากจันทรา” ที่มอบความหมายอันลึกซึ้งแห่งความกลมเกลียว โชคลาภ และความรุ่งเรือง ที่ให้ทุกคําที่ลิ้มรส เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจําอันทรงคุณค่าที่ตราตรึงเหนือกาลเวลา

> สั่งซื้อ หรือสอบถามเกี่ยวกับขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha คลิก ที่นี่

mooncake price

2. ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมียมของ Royal Osha มีแบบไหนบ้าง?

สำหรับขนมไหว้พระจันทร์พรีเมียมของ Royal Osha นั้นมีให้นักชิมได้เลือกจับจองกันทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Mooncake Classic Box และ Mooncake Premium Box โดยทั้ง 2 แบบนั้นจะประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์ และรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • Mooncake Classic Box ประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์ 8 ชิ้น ได้แก่ ไส้คัสตาร์ด 2 ชิ้น, ไส้มัทฉะ พิสตาชิโอ 2 ชิ้น, ไส้เม็ดบัว เม็ดแตงโม 2 ชิ้น และไส้ทุเรียนไข่เค็ม 2 ชิ้น และเซ็ทขนมไหว้พระจันทร์มีราคา 988 บาท
  • Mooncake Premium Box ภายในกล่องมี 2 ชั้น โดยชั้นที่ 1 จะประกอบด้วย ขนมไหว้พระจันทร์ 8 ชิ้น ได้แก่ ไส้คัสตาร์ด 2 ชิ้น, ไส้มัทฉะ พิสตาชิโอ 2 ชิ้น, ไส้เม็ดบัว เม็ดแตงโม 2 ชิ้น และไส้ทุเรียนไข่เค็ม 2 ชิ้น และชั้นที่ 2 จะประกอบด้วย Souvenir 1 ชิ้น ที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการ ได้แก่ Room Fragrance Diffuser 1 เซ็ท หรือ Avantcha Tea 8 ชิ้น และมีผ้าผูก Furoshiki ชนิดผ้า Chiffon ห่อกล่องอย่างสวยงาม และเซ็ทขนมไหว้พระจันทร์มีราคา 2,588 บาท

 

โดยขนมไหว้พระจันทร์ในแต่ละแบบนั้นจะมีกล่องทรงกลม และไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างกล่องได้ ดังนั้น ผู้ที่สนใจอยากจะสั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับขนมไหว้พระจันทร์ ราคาพรีเมียมจาก Royal Osha สามารถติดต่อได้ที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางติดต่อต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

> สั่งซื้อ หรือสอบถามเกี่ยวกับขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha คลิก ที่นี่

mooncake price

3. แนะนำรสชาติ หรือไส้ขนมไหว้พระจันทร์ Signature เฉพาะที่ Royal Osha

สำหรับรสชาติของขนมไหว้พระจันทร์ ราคาพรีเมียมของ Royal Osha นั้นจะประกอบด้วย 4 รสชาติ ได้แก่ ไส้คัสตาร์ด ไส้มัทฉะพิสตาชิโอ ไส้เม็ดบัวเม็ดแตงโม และไส้ทุเรียนไข่เค็ม โดยในแต่ละไส้นั้นก็จะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน ดังนี้

  • ไส้คัสตาร์ด เป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่รังสรรค์อย่างประณีตจากวัตถุดิบชั้นเลิศ จนได้เป็นคัสตาร์ที่มีความหอมหวาน กลมกล่อม นุ่มนวลละลายในปาก ตามแบบฉบับคัสตาร์ดสูตรพิเศษจาก Royal Osha ที่เสมือนแสงจันทร์โอบอุ้มค่ำคืนอย่างอ่อนโยน
  • ไส้มัทฉะพิสตาชิโอ เป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่รังสรรค์มาจากชาเขียวมัทฉะจากอุจิ ประเทศญี่ปุ่น ที่ผสมผสานเข้ากันกับถั่วพิสตาชิโอสายพันธุ์พรีเมียม จนเกิดเป็นรสชาติอันลุ่มลึก และซับซ้อน หอมขมเบาๆ ตามแบบฉบับมัทฉะแท้ ที่เคล้าเข้ากันกับความมันนุ่มของพิสตาชิโออย่างลงตัว เสมือนบทสนทนาเงียบๆ ระหว่างดวงจันทร์กับใบไม้ที่ไหวเอนในคืนฤดูใบไม้ร่วง
  • ไส้เม็ดบัวเม็ดแตงโม เป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งฤดูใบไม้ร่วงผ่านการผสานของสองเมล็ดพืชมงคล ประกอบด้วยเม็ดบัวที่ให้สัมผัสละมุนละไม เปี่ยมด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล ผสมผสานเข้ากันกับเม็ดแตงโมที่มีความกรุบกรอบเบาๆ เพิ่มมิติให้รสชาติ นุ่มแน่น แต่ไม่หนักแน่น ที่มอบความงดงามให้ทั้งด้านรสสัมผัส และความหมาย
  • ไส้ทุเรียนไข่เค็ม เป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่มีรสชาติที่ทรงพลัง และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ไทยแท้ ด้วยกลิ่นหอมละมุนของทุเรียนหมอนทองคัดพิเศษ ตัดกับความเค็มนุ่มของไข่แดงเค็มคุณภาพสูง จนรังสรรค์เป็นรสชาติที่ทั้งเข้มข้น และกลมกล่อมอย่างสมดุล ชวนให้นึกถึงความงามของแสงจันทร์ที่แรงกล้า แต่ไม่แผดเผา

 

ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาขนมไหว้พระจันทร์ ราคาดีๆ ที่มีคุณภาพพรีเมียม ก็สามารถเลือกขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha เพื่อมอบให้กับคนพิเศษ หรือบุคคลสำคัญในช่วงเทศกาลนี้ได้ โดยสามารถสั่งซื้อ หรือหรือสอบถามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับขนมไหว้พระจันทร์ ราคาพรีเมียมจาก Royal Osha สามารถติดต่อได้ที่ Line Official : @royalosha ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

> สั่งจอง Boxset ขนมไหว้พระจันทร์กับ Royal Osha คลิก ที่นี่ ได้เลย

mooncake price

4. เหตุผลที่ขนมไหว้พระจันทร์สุดหรูจาก Royal Osha เหมาะกับการเป็นของขวัญระดับ VIP

ถ้าหากใครกำลังมองหาของขวัญที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งด้านความหมาย และภาพลักษณ์ที่มีความหรูหรา แต่ยังมีราคาย่อมเยา ต้องห้ามพลาด “ขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha” ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างประณีตในทุกขั้นตอน มาพร้อมกับแพ็คเกจสวยหรูที่ใครเห็นแล้วก็ต้องประทับใจ อีกทั้งยังมาพร้อมกับสิ่งของ และบริการต่างๆ ที่เหมาะกับการเป็นของขวัญระดับ VIP ดังนี้

  • Room Fragrance Diffuser สำหรับ Room Fragrance Diffuser ที่มาภายในกล่องพรีเมียมนั้นจะเป็นกลิ่น Signature ของ Royal Osha ที่จะมีความหอมสดชื่นด้วยสมุนไพร และอบอุ่นอย่างมีเสน่ห์ ราวกับช่วงเวลาพักผ่อนใต้ร่มไม้ที่สายลมพัดผ่าน ซึ่งกลิ่นแรก หรือ Top Note จะเป็นกลิ่นหอมของโหระพาไทย ตามด้วยมะกรูดที่หอมสดใส ตามมาด้วยกลิ่นกลาง หรือ Middle Note ที่มีความหวานนุ่มของนํ้ำผึ้ง ชาแดง และซีดาร์วู้ดเวอร์จิเนีย ที่ช่วยเติมความละมุน เหมือนนําชาที่จิบในยามสงบ และเมื่อกลิ่นจางลง ก็จะพบกับกลิ่น Base ของอําพันที่จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างอบอุ่น แทรกด้วยกลิ่นหอมของน้ำตาลทรายแดง และแคลรีเสจ ที่หอมอบอวลไปทั่วทุกมุม ไม่ว่าใครได้รับไปก็ต้องประทับใจอย่างแน่นอน
  • บริการเสริม และการปรับแต่ง สำหรับบริการเสริม และการปรับแต่งที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้รับบริการมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
  • ผ้าผูก Furoshiki ชนิดผ้า chiffon สามารถปรับเปลี่ยนตามดีไซน์ที่ต้องการได้ มีค่าบริการ 9,000 บาท
  • กราฟิกบนกล่องตามดีไซน์ Cenfinity สามารถปรับเปลี่ยนตามดีไซน์ที่ต้องการได้ มีค่าบริการกล่องละ 400 บาท 
  • พิมพ์ Logo ลงบนขนมไหว้พระจันทร์ สามารถปรับเปลี่ยนตามดีไซน์ที่ต้องการได้ มีค่าบริการ 6,000 บาท

ทั้งนี้ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกล่องได้ และไม่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดของขนมได้ (ขนาดขนมไหว้พระจันทร์ กว้าง 4.8 cm สูง 2.5 cm)

 

  • บริการจัดส่ง สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha นั้นมีบริการจัดส่งผ่าน Grab Business ได้ โดยผู้รับบริการสามารถ add on บริการจัดส่งแบบ door to door ได้ และสําหรับต่างจังหวัด มีบริการจัดส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิ inter express และทุกบริการจะทำการเก็บค่าบริการจัดส่งตามจริง หลังเสร็จสิ้น ทำให้สามารถส่งขนมไหว้พระจันทร์ถึงคนพิเศษ หรือบุคคลสำคัญได้แบบทันใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ถึงมืออย่างสมบูรณ์แน่นอน

 

ด้วยความพรีเมียมของ Diffuser ที่เป็น Signature ของ Royal Osha รวมถึงบริการเสริมต่างๆ ทั้งการปรับแต่ง และการจัดส่ง ที่พร้อมให้บริการทุกท่านอย่างตั้งใจ และใส่ใจ จึงทำให้ Boxset ขนมไหว้พระจันทร์ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างประณีตนั้นสามารถตอบโจทย์ในการเป็นของขวัญที่เหมาะกับการมอบให้คนพิเศษ และบุคคลสำคัญเป็นอย่างมาก และสำหรับใครที่อยากจะได้ของขวัญพรีเมียมหรูหราอย่างขนมไหว้พระจันทร์ในราคาย่อมเยา ก็สามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้! ที่ Line Official : @royalosha และช่องทางติดต่อต่างๆ อย่ารอช้า! สินค้ามีจำนวนจำกัด

 

> สั่งจอง Boxset ขนมไหว้พระจันทร์กับ Royal Osha คลิก ที่นี่ ได้เลย

5. สินค้ามีจำนวนจำกัด! สั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์กับ Royal Osha ก่อนใครได้แล้ว วันนี้!

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะลิ้มลองความพรีเมียมของขนมไหว้พระจันทร์ ราคาย่อมเยา หรืออยากจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์ไว้เป็นของฝากในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็สามารถแวะมาสั่งจอง หรือสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ได้แล้ววันนี้! ที่รังสรรค์จาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งขนมไหว้พระจันทร์มาอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การทำไส้ไหว้พระจันทร์ ไปจนถึงการเลือกบรรจุภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง โดยสามารถสั่งจอง สั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

> สั่งซื้อ หรือสอบถามเกี่ยวกับขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha คลิก ที่นี่ 

Posted on

อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย – เมื่อความประณีตของอาหารไทยถูกยกระดับที่ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย – เมื่อความประณีตของอาหารไทยถูกยกระดับที่ Royal Osha

“อาหารไทย” เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก เพราะอาหารไทยนั้นไม่เพียงแค่มีรสชาติที่เข้มข้น จัดจ้าน และกลมกล่อมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิต และความใส่ใจในรายละเอียดของคนไทยในทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสรรวัตถุดิบ การปรุงรสอย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงการจัดจานอย่างมีศิลปะ ทำให้อาหารไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และเมื่อโลกของการรับประทานอาหารได้พัฒนา และยกระดับเข้าสู่การรับประทานในสไตล์ “ไฟน์ไดนิ่ง” ซึ่งอาหารไฟน์ไดนิ่ง คือ การรับประทานอาหารแบบหรูหราที่เน้นประสบการณ์รอบด้าน ทำให้อาหารไทยก็ได้ถูกนำมาตีความใหม่ในรูปแบบที่ยังคงรากเหง้าความเป็นไทย แต่เพิ่มเติมด้วยการจัดวางอย่างงดงาม เทคนิคการปรุงสมัยใหม่ และบรรยากาศการรับประทานที่หรูหรา ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างศิลปะ และวัฒนธรรมอาหารอย่างลงตัว

โดยอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยไม่ได้เน้นเพียงแค่รสชาติเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดเรื่องราว ความหมาย และประสบการณ์ผ่านแต่ละจานอาหาร เช่น การเลือกเมนูจากตำนานพื้นบ้าน วัตถุดิบท้องถิ่นที่หายาก หรือการออกแบบจานให้สะท้อนวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้รับประทานได้สัมผัสถึงความลึกซึ้งของอาหารไทยในมุมมองที่แตกต่างได้ และหนึ่งในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่โดดเด่นในการนำนิยามของ “อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย” มาถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ คือ Royal Osha ร้านอาหารระดับพรีเมียมที่ผสมผสานความหรูหรากับความละเมียดละไมของอาหารไทยไว้อย่างกลมกลืน ไม่เพียงแต่มอบรสชาติอาหารไทยได้อย่างแท้จริงเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องผ่านทุกองค์ประกอบของจานอาหาร ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่ต้องการสัมผัสอาหารไทยในมิติที่เหนือระดับ ดังนั้น ในบทความนี้ก็จะพานักชิมทุกคนมาทำความรู้จักกับ Royal Osha กันว่าทำไมถึงเป็นร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่ผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยควรลิ้มลองให้ได้สักครั้ง

1. พบกับอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย ศิลปะในจานอาหารของ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

สำหรับอาหารไทยนั้นเป็นหนึ่งในประเภทอาหารที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก ทั้งในด้านวัตถุดิบ เทคนิคการปรุง และรสชาติที่ซับซ้อน จนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้าน อาหารชาววัง อาหารริมทาง หรืออาหารร่วมสมัย โดยแต่ละรูปแบบต่างสะท้อนเอกลักษณ์ของภูมิภาค วัฒนธรรม และยุคสมัยที่แตกต่างกันออกไป และในช่วงหลังมานี้ “อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย” ได้กลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของอาหารไทยที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารแบบแปลกใหม่ หรือผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่เหนือกว่า เพราะว่าอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยไม่เพียงแต่ยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นของล้ำค่า แต่ยังคงไว้ซึ่งรากเหง้าของอาหารไทยดั้งเดิม พร้อมทั้งนำเสนอผ่านการจัดวางที่วิจิตรสวยงาม เทคนิคการปรุงที่ทันสมัย และเรื่องราวเบื้องหลังที่ลึกซึ้งตามแบบฉบับของอาหารไทยดั้งเดิมอีกด้วย

โดยจุดเด่นของอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยอยู่ที่ “ความประณีตในทุกมิติ” ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่ยังคงความกลมกล่อมแบบไทยแท้ การนำเสนอที่วิจิตรบรรจงเหมือนงานศิลป์ ไปจนถึงการเล่าเรื่องของแต่ละเมนูที่สร้างอารมณ์ร่วมระหว่างผู้รับประทานกับอาหาร จึงไม่น่าแปลกใจที่อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยจะได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศ และสากล และสามารถยืนหยัดท่ามกลางไฟน์ไดนิ่งแบบตะวันตกได้อย่างสง่างาม และอีกหนึ่งความพิเศษของอาหารไทยในสไตล์อาหารไฟน์ไดนิ่ง คือ “การตีความใหม่ที่เคารพต้นฉบับ” หมายความว่าแม้จะมีการใช้เทคนิคการปรุงอาหารระดับสูง หรือการตกแต่งจานอย่างร่วมสมัย แต่ยังคงยึดมั่นในรสชาติ วัตถุดิบ และความเป็นไทยไว้ทุกประการ จึงทำให้เป็นความสมดุลที่หาได้ยากในโลกของอาหารที่มีความหรูหรา

และในบรรดาร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งแบบไทยทั้งหมดนั้น “Royal Osha” ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่น่าจับตามอง ด้วยการรังสรรค์เมนูที่ไม่เพียงแค่แสดงออกถึงความสามารถของเชฟ แต่ยังสะท้อนความลึกซึ้งของวัฒนธรรมไทยได้อย่างมีชั้นเชิง และที่นี่ไม่ได้มุ่งเพียงแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ต้องการให้ทุกจานอาหารกลายเป็น “ประสบการณ์” ที่ผู้รับประทานจะจดจำ ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีตามฤดูกาล รวมถึงการจัดจานอย่างวิจิตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะไทยโบราณ เสมือนว่าทุกจานเป็นการแสดงของศิลปะไทยบนโต๊ะอาหาร อีกทั้งยังมีบริการระดับพรีเมียม และบรรยากาศการตกแต่งที่งดงาม ทำให้ Royal Osha กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสัมผัสอาหารไทยในรูปแบบที่เหนือระดับทั้งทางรสชาติ และอารมณ์

2. เมนูซิกเนเจอร์อาหารไทยไฟน์ไดนิ่งจาก Royal Osha ที่ควรลอง

Fine Dining Cuisine

สำหรับเมนูของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยอย่าง Royal Osha นั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งแบบ A Lar Carte และแบบ Set Menu อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนเมนูในแต่ละช่วงฤดูตามวัตถุดิบแบบ Seasonal ทำให้นักชิมสามารถแวะเวียนมาลิ้มลองเมนูใหม่ๆ แบบไม่ซ้ำได้ตลอดทั้งปี แต่ถึงแม้ว่าเมนูจะมีการเปลี่ยนตามฤดูกาล แต่ว่าก็ยังมีเมนูซิกเนเจอร์ของ Royal Osha ที่นักชิมตัวจริงต้องห้ามพลาด ดังนี้

    • ข้าวแช่ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่นักชิมคนไหนได้ลิ้มลองแล้วจะต้องกลับมาซ้ำเป็นประจำทุกปี โดยทำมาจากข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดี ลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 เพื่อทำการแช่ข้ามคืน ที่จะช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้ได้กลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน ที่มาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ เช่น กระชาย ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวา ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต 
  •  
    • ชุดน้ำพริกต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่รวบรวมวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม ละเมียดละไมตามวิถีครัวไทยโบราณ พร้อมจัดเสิร์ฟอย่างประณีตตามสไตล์ของ Royal Osha โดยภายในชุดน้ำพริกนั้นจะประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ กุ้งแชบ๊วยย่างพร้อมสมุนไพรกรอบ ปลาทูทอดกรอบพร้อมพริกทอด มะเขือยาวชุบไข่ทอด และไข่ทอดชะอม เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก และผักแกะสลัก และมีน้ำพริกตำรับพิเศษให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกไข่ปู และน้ำชุบกุ้ง และหลนหมูสับกับกุ้ง ให้ได้เลือกรับประทานกันตามใจชอบ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสมุนไพรอย่างน้ำอัญชันมะนาว และชาไทย ที่สามารถช่วยล้างปากในตอนท้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  •  
    • หยกมณีสตรอเบอร์รี เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของ Royal Osha ที่มาในรูปแบบขนมหวาน และถือว่าเป็นอีกเมนูที่ใครได้ชิมก็ต้องติดใจ ด้วยการนำขนมไทยโบราณอย่างหยกมณีมาผสมผสานกับสตรอเบอร์รีลูกใหญ่ที่มีความหอม หวาน และสดใหม่ โดยเนื้อของหยกมณีนั้นจะมีความนุ่มละมุน มาพร้อมกับถั่วทองบด และห่อหุ้มสตรอเบอร์รีสดอย่างประณีต ทำให้ในทุกคำที่ได้สัมผัสนั้นจะมีทั้งความหอม นุ่ม และหวานฉ่ำ ที่รับประทานแล้วจะสัมผัสประสบการณ์จากขนมไทยรสเลิศ พร้อมกับความสดชื่นของผลไม้ระดับพรีเมียมได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่มีความหรูหราพรีเมียม ไม่ว่าจะซื้อรับประทานเอง หรือซื้อเป็นของฝากให้คนสำคัญก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี


ดังนั้น นักชิมคนไหนที่อยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย หรืออยากจะสัมผัสความอร่อยของเมนูซิกเนเจอร์จาก Royal Osha ก็สามารถสำรองที่นั่งได้แล้ว วันนี้ ผ่านช่องทาง Line Official : @royalosha หรือผ่านช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

3. เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยภายใต้บรรยากาศไทยแท้ที่ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

สำหรับบรรยากาศ และการตกแต่งภายในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งอย่าง Royal Osha นั้นจะเป็นแบบไทยๆ ทำให้นักชิมทุกคนสามารถรับประทานอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งภายใต้บรรยากาศแบบไทยแท้ ด้วยการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น พร้อมกับทำการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด อีกทั้งยังมีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลามาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอกในช่วงเวลากลางคืน และจุดเด่นที่สำคัญของบรรยากาศภายในห้องอาหารของ Royal Osha คือ โคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร นอกจากนั้นก็ยังมีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้นักชิมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารไทยในรูปแบบของอาหารไฟน์ไดนิ่ง และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ที่ช่วยสร้างความประทับใจ และเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยแท้ได้อย่างแท้จริง และสำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะลองเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศความเป็นไทย พร้อมกับลิ้มลองอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha ก็สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ Line Official : @royalosha หรือช่องทางการติดต่อต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

4. สัมผัสกับบริการ และประสบการณ์ที่มากกว่าการรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งที่ Royal Osha

Fine Dining Cuisine

หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้อาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยนั้นแตกต่างจากการรับประทานอาหารทั่วไป ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในรสชาติ หรือการจัดวางจานที่สวยงามเท่านั้น หากแต่อยู่ที่ “การบริการ” อันเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้นักชิมรู้สึกประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ร้าน จนถึงวินาทีสุดท้ายของมื้ออาหาร ทำให้การบริการในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งเปรียบเสมือนศิลปะที่ต้องใช้ทั้งความเชี่ยวชาญ ความใส่ใจ และความเข้าใจในวัฒนธรรมไทยด้วย

เมื่อนักชิมก้าวเข้าสู่ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทย นักชิมจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และอ่อนน้อมตามแบบฉบับไทย ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวทักทายด้วยไมตรี การไหว้ การเชื้อเชิญไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต หรือแม้กระทั่งการแนะนำเมนูด้วยภาษาที่สุภาพ และให้เกียรติ และสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงมารยาทไทยที่ได้รับการยกระดับในรูปแบบของบริการระดับมืออาชีพ และในการรับประทานอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยนั้นพนักงานเสิร์ฟไม่ใช่เพียงแค่ผู้ให้บริการเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว” ของอาหารแต่ละจาน โดยจะอธิบายรายละเอียดของเมนู ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ วัตถุดิบ เทคนิคการปรุง และความหมายเชิงวัฒนธรรมเบื้องหลังอย่างลึกซึ้ง และสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับจานอาหาร และทำให้นักชิมสามารถเข้าใจความตั้งใจของเชฟมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเสิร์ฟอาหารก็จะเป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย จานหลัก ไปจนถึงของหวาน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการจัดมื้ออาหารเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรสชาติที่มีความต่อเนื่อง เข้ากัน และความพึงพอใจทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย

ด้วยทุกองค์ประกอบของอาหาร การบริการ การจัดเสิร์ฟ และบรรยากาศนั้นถูกออกแบบเพื่อให้การรับประทานอาหารเป็นมากกว่าแค่ “การกิน” แต่คือ “การดื่มด่ำทางวัฒนธรรม” และทั้งหมดนี้ทำให้บริการในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยไม่ได้เป็นเพียงเบื้องหลังของความหรูหรา แต่คือหัวใจของประสบการณ์ที่นักชิมจะจดจำไม่รู้ลืม

5. สำรองที่นั่ง เพื่อสัมผัสความหรูหราอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบไทยแท้ที่ Royal Osha ได้แล้ว วันนี้!

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu อีกทั้งยังมีเมนูที่ปรุงแต่งขึ้นมาตามวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาล ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เปิดประสบการณ์ Fine Dining หรูหรา และมีเอกลักษณ์

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เปิดประสบการณ์ Fine Dining หรูหรา และมีเอกลักษณ์

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เป็นอีกร้านอาหารกรุงเทพแบบ Fine Dining ยอดนิยมของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพราะว่าอาหารทุกจานนั้นสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรม และรสชาติของความเป็นไทยได้อย่างทรงคุณค่า และเป็นหนึ่งในร้านที่สะท้อนภาพลักษณ์ของอาหารไทยระดับโลกได้ดีที่สุด และความพิเศษของการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ ที่ Royal Osha นั้นไม่ได้เพียงแค่เสิร์ฟอาหารให้นะกชิมได้ลิ้มลองเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านวัตถุดิบ การจัดจาน และบรรยากาศอันหรูหรา โดยยังคงความเคารพในรากเหง้าของอาหารไทยไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการตกแต่งภายในร้านที่นำเสนอความร่วมสมัยของศิลปะไทย ร่วมกับการบริการระดับพรีเมียม ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่นี่เหนือไปกว่าแค่ “ความอร่อย” แต่กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ดังนั้น Royal Osha จึงเหมาะสำหรับทั้งนักชิมตัวยง ผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่ต้องการสัมผัสมิติใหม่ของอาหารไทย ที่หรูหรา ละเมียดละไม และเปี่ยมด้วยเรื่องราวอันลึกซึ้งในทุกคำที่ลิ้มลอง

1. Royal Osha ร้านอาหารไทย กรุงเทพ ระดับมิชลินที่สื่อสารความเป็นไทยอย่างประณีต

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

Royal Osha คือ หนึ่งในร้านอาหารไทย กรุงเทพ ระดับ Fine Dining ที่ผสมผสานความเป็นไทยแบบต้นตำรับกับความหรูหราทันสมัยได้อย่างมีชั้นเชิง การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide อย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายปี และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย และเหตุผลที่ทำให้ Royal Osha กลายเป็นร้านอาหารไทย กรุงเทพ ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีดังนี้

    • การออกแบบภายในที่ถ่ายทอดความเป็นไทยอย่างมีระดับ สำหรับ Royal Osha ร้านอาหารไทย กรุงเทพนั้นสามารถสร้างความประทับใจแรกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหรา มีชั้นเชิง และสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยในแบบร่วมสมัย ที่มีการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด โดยภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ มีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลา มาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอก ทำให้เวลาที่นักชิมกำลังอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยสุดพรีเมียมนั้นก็ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานความวิจิตรของศิลปะไทยกับความหรูหราสมัยใหม่ Royal Osha จึงให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่น สงบ และสง่างาม เป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบในการนำเสนออาหารไทยแบบ Fine Dining อย่างแท้จริง
  •  
    • เมนูที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพสูง เบื้องหลังรสชาติระดับตำนานของร้านอาหารกรุงเทพ Royal Osha คือ การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ของ Royal Osha และเป็นการคัดสรรวัตถุดิบภายใต้แนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร รวมถึงยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รสตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อใช้ในแต่ละเมนู และการให้ความสำคัญกับคุณภาพตั้งแต่ต้นทางเช่นนี้ คือ สิ่งที่ทำให้อาหารทุกจานของ Royal Osha สื่อถึงความตั้งใจ และความรักในศิลปะอาหารไทยอย่างแท้จริง
  •  
    • การจัดจานที่เป็นงานศิลปะ สำหรับอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ที่ Royal Osha ไม่เพียงเป็นเรื่องของรสชาติ แต่ยังถูกยกระดับให้เป็นงานศิลปะบนจาน เพราะว่าทุกองค์ประกอบของการจัดจานผ่านการวางแผน และออกแบบอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นสีของอาหาร พื้นผิว รูปทรง หรือองค์ประกอบต่างๆ เช่น กลีบดอกไม้ไทย ก้านสมุนไพร หรือภาชนะที่ออกแบบเฉพาะ ทำให้การรับประทานกลายเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ และทำให้อาหารทุกจานไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตา และน่ารับประทานเท่านั้น แต่ยังเชื้อเชิญให้สัมผัสผ่านทุกประสาทสัมผัส
  •  
    • การบริการที่อบอุ่น และใส่ใจในรายละเอียด หนึ่งในความประทับใจที่ลูกค้าหลายคนพูดถึงร้านอาหารไทย กรุงเทพ คือ การบริการที่อบอุ่น ประณีต และใส่ใจทุกช่วงเวลา โดยพนักงานของ Royal Osha ผ่านการอบรมด้านการบริการแบบ Fine Dining มาอย่างเข้มข้น ทั้งเรื่องของมารยาท มาตรฐานการเสิร์ฟ และความรู้เกี่ยวกับอาหารที่สามารถอธิบายให้ผู้รับประทานเข้าใจถึงที่มาที่ไปของแต่ละจาน และที่นี่ไม่ได้ให้บริการแบบทางการจนเกินไป แต่เน้นความเป็นกันเองอย่างมืออาชีพ ถ้าหากนักชิมมีข้อจำกัดเรื่องอาหาร เช่น แพ้อาหาร หรือทานมังสวิรัติ พนักงานจะรีบประสานกับเชฟเพื่อปรับเมนูให้เหมาะสมอย่างใส่ใจ หรือแม้แต่การพูดคุยถามไถ่ความพึงพอใจอย่างนุ่มนวล ล้วนสะท้อนวัฒนธรรม “การต้อนรับแบบไทย” ที่แฝงด้วยความอบอุ่น และความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด
  •  
    • การเล่าเรื่องผ่านอาหารไทย อาหารที่ดีไม่ใช่แค่การรวมวัตถุดิบ และรสชาติ แต่ต้องมีการเล่าเรื่องราวให้นักชิมได้สัมผัส ซึ่ง Royal Osha ใช้แนวคิดนี้ในการสร้างเมนูแต่ละจานให้มีความหมาย และเรื่องราวเบื้องหลัง และเรื่องราวที่เล่าผ่านอาหารเหล่านี้ไม่ได้หยุดแค่ชื่อเมนู แต่ขยายไปสู่การจัดจาน ภาชนะ และการเสิร์ฟ รวมถึงคำอธิบายจากพนักงานที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้นักชิมได้ “สัมผัสอาหารด้วยจิตใจ” ไม่ใช่แค่ลิ้น ทำให้ประสบการณ์ในแต่ละมื้อกลายเป็นการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และภูมิปัญญาไทยอย่างลึกซึ้ง
  •  
    • รสชาติที่สะท้อนความเป็นไทย หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha แตกต่างจากร้านอาหารกรุงเทพทั่วไป คือ “รสชาติ” ที่ไม่ใช่เพียงอร่อย แต่ยังสะท้อนอัตลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างลึกซึ้ง และประณีต โดยยังคงเคารพต้นตำรับอาหารไทยอย่างมั่นคง พร้อมกับปรับให้ร่วมสมัยในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย แต่ยังเปี่ยมด้วยความซับซ้อนทางรสสัมผัส และไม่เพียงรักษารสชาติแบบไทยแท้ แต่ยังตีความอาหารไทยในแบบใหม่ โดยไม่ทำลายจิตวิญญาณของเมนู นอกจากนี้ทางร้านยังใส่ใจในเรื่องของ กลิ่นและสัมผัส ของอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติที่สำคัญในวัฒนธรรมไทย จึงทำให้รสชาติของอาหารที่ Royal Osha มอบให้ไม่ได้มีเพียง “ความอร่อย” แต่ยังเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ความเคารพ และความภูมิใจในวัฒนธรรมไทย ผ่านรสมือเชฟมือทองมากประสบการณ์ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ทุกจานกลายเป็นบทกวีที่เล่าเรื่องราวของไทยด้วยรสชาติอย่างแท้จริง
  •  
    • ทำเลใจกลางกรุงเทพ เดินทางสะดวก Royal Osha ร้านอาหารไทย กรุงเทพตั้งอยู่บนบนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวันซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลทองของกรุงเทพฯ ที่มีทั้งความสงบ หรูหรา และสะดวกต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่ หรือรถไฟฟ้า BTS โดยสามารถลงสถานีเพลินจิต และต่อรถเพียงไม่กี่นาที และบริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยโรงแรมหรู แกลเลอรี ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทำให้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้บริหาร หรือคู่รักที่ต้องการดินเนอร์ในบรรยากาศหรูแต่เข้าถึงง่าย อีกทั้งยังมีที่จอดรถภายในอาคารที่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ และการตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองแบบนี้ ไม่เพียงให้ประสบการณ์การรับประทานอาหาร Fine Dining ที่เหนือระดับ แต่ยังให้ความสะดวกในทุกแง่มุมของการใช้บริการ

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

2. เมนูแนะนำของร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ที่นักชิมตัวจริงต้องห้ามพลาด

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะสัมผัสถึงรสชาติของอาหารไทยแท้จากร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ต้องห้ามพลาด 3 เมนูแนะนำที่เหล่านักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาลิ้มลองติดใจ และต้องกลับมารับประทานทุกครั้ง โดยแต่ละเมนูนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูแนะนำ และถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่นำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย และเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาด ทำให้มีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต เช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น เพื่อให้นักชิมได้เข้าถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววังได้อย่างแท้จริง
  • ชุดน้ำพริก ต้นตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูแนะนำจาก Royal Osha ที่รวบรวมวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม ละเมียดละไมตามวิถีครัวไทยโบราณ พร้อมจัดเสิร์ฟอย่างประณีตตามสไตล์ของ Royal Osha ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ กุ้งแชบ๊วยย่างพร้อมสมุนไพรกรอบ ปลาทูทอดกรอบพร้อมพริกทอด มะเขือยาวชุบไข่ทอด และไข่ทอดชะอม เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก และผักแกะสลัก และมีน้ำพริกตำรับพิเศษให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกไข่ปู และน้ำชุบกุ้ง และหลนหมูสับกับกุ้ง ให้ได้เลือกรับประทานกันตามใจชอบ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสมุนไพรอย่างน้ำอัญชันมะนาว และชาไทย เพื่อให้ทุกคำที่ลิ้มรส เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ความละเมียดละไม และกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมไทย
  • ชุดเมนูมะยงชิดเลิศรส เป็นเมนูแนะนำจาก Royal Osha ที่รังสรรค์มาจากมะยงชิดสายพันธุ์ที่อร่อยที่สุด รสชาติเป็นเอกลักษณ์ และพิถีพิถันในการคัดเลือกทุกลูกเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีให้เลือกทั้งเมนูคาว และหวาน ไม่ว่าจะเป็นยำมะยงชิด ทาร์ตมะยงชิด และส้มฉุนมะยงชิด ให้นักชิมได้เลือกสัมผัสความอร่อยที่ไม่เหมือนใครในเมนูของคิมหันตฤดู

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

3. ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha เหมาะกับการรับประทานในโอกาสไหนบ้าง?

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

สำหรับร้านอาหารไทย กรุงเทพ อย่าง Royal Osha ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร กรุงเทพ สำหรับการรับประทานทั่วไปเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง และสร้างความประทับใจในโอกาสสำคัญต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งในแต่ละโอกาสที่เหมาะกับการแวะเวียนมารับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ อย่าง Royal Osha นั้นมีดังนี้

  • ดินเนอร์ฉลองวันครบรอบ หรือโอกาสพิเศษกับคนรัก เพราะว่าภายในร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha นั้นมีบรรยากาศสุดโรแมนติก รวมถึงมีแสงไฟที่ให้บรรยากาศอบอุ่น พร้อมกับการตกแต่งแบบไทยหรูหรา และคอร์สอาหารสุดประณีต ที่ช่วยเสริมให้ค่ำคืนของคู่รักได้กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ อีกทั้งยังมีบริการจัดโต๊ะแบบพิเศษสำหรับการขอแต่งงาน หรือเฉลิมฉลองแบบส่วนตัวได้อีกด้วย
  • งานเลี้ยงรับรองแขกต่างชาติ หรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ถ้าหากใครที่กำลังมองหาสถานที่ที่สะท้อนภาพลักษณ์มืออาชีพ แต่ยังคงความอบอุ่น และมีความเป็นไทยแท้ เพื่อจัดเลี้ยงแขกต่างชาติ หรือพูดคุยทางธุรกิจ ต้องที่ Royal Osha เพราะว่าการเลือกที่นี่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียด และความสามารถในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแขก หรือพาร์ทเนอร์
  • ฉลองวันเกิดแบบหรูหรา สำหรับผู้ที่ต้องการฉลองวันเกิดในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ก็สามารถแวะมาที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ได้ เพราะที่นี่สามารถจัดโต๊ะพิเศษ หรือห้องส่วนตัว พร้อมเมนูที่สามารถเลือกรับประทานตามความชอบส่วนตัวได้ เพื่อให้วันเกิดนั้นมีความสุข และเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจมากที่สุด
  • รับประทานกับครอบครัวในช่วงวันหยุด สำหรับในช่วงเวลาสำคัญ เช่น วันแม่ วันพ่อ หรือวันหยุดยาว การแวะมาที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ถือว่าเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับการพาครอบครัวมาร่วมรับประทานอาหารที่มีทั้งความอร่อย ใส่ใจต่อคนทุกวัย การบริการที่อบอุ่น และบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
  • นักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสอาหารไทยแท้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์อาหารไทยแท้ๆ แบบเหนือระดับ ก็สามารถแวะมาได้ที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha ที่มีดีมากกว่าอาหารจานอร่อย ด้วยการเล่าเรื่อง วัฒนธรรม และรสชาติที่กลมกล่อมอย่างไทยแท้ ถือเป็นจุดหมายที่ควรมีใน Bucket List ของนักเดินทางสาย Gourmet

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. ช่องทางการติดต่อ และพิกัดร้านอาหารไทย กรุงเทพ Royal Osha

ร้านอาหารไทย กรุงเทพ

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทย กรุงเทพ ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารกรุงเทพที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย กรุงเทพอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

5. ดูเมนูอาหาร หรือสำรองที่นั่งกับ Royal Osha คลิก ที่นี่

Posted on

Royal Osha ร้านมิชลินใกล้ฉันในกรุงเทพ หนึ่งในร้านหรูที่สายกินตัวจริงไม่ควรพลาด

Michelin Near Me Restaurant

Royal Osha ร้านมิชลินใกล้ฉันในกรุงเทพ หนึ่งในร้านหรูที่สายกินตัวจริงไม่ควรพลาด

ถ้าหากนักชิมคนไหนกำลังมองหาร้านอาหารมิชลินในกรุงเทพ ก็มีวิธีหนึ่งที่ง่าย และได้ผลที่สุด คือ การค้นหาคำว่า “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” ผ่านสมาร์ทโฟน หรือแอปพลิเคชันๆ เช่น Google Maps หรือ Wongnai เพราะระบบจะช่วยจัดอันดับร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง และอยู่ใกล้กับตำแหน่งของนักชิมมากที่สุด ที่นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาในการเลือกร้านอาหารแล้ว ยังทำให้นักชิมได้มีโอกาสในการสัมผัสรสชาติอาหารที่ได้รับการการันตีจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลกอีกด้วย และหนึ่งในร้านมิชลิน ใกล้ฉันในกรุงเทพฯ ที่จะปรากฏอยู่ในผลการค้นหาอยู่เสมอ คือ Royal Osha ร้านอาหารไทยระดับ Fine Dining ที่ได้รับรางวัลมิชลินอย่างต่อเนื่อง ด้วยเมนูที่ผสมผสานรสชาติไทยแท้กับการจัดจานแบบศิลปะ และการบริการสุดพรีเมียม จึงไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะเป็นหนึ่งใน “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์ และเป็นที่โปรดปรานของทั้งนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่มีความหรูหรา และพรีเมียม ที่ให้ทั้งรสชาติ ความประณีต และประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยที่ไม่เหมือนใคร “Royal Osha” ถือว่าเป็นคำตอบร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่ควรอยู่ในลิสต์ของเหล่านักชิมตัวจริงที่ไม่ควรพลาด

1. Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ร้านอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining

Michelin Near Me Restaurant

สำหรับนักชิมหลายๆ คนอาจสงสัยว่า “ร้านมิชลิน” คืออะไร? คำตอบ คือ ร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Star หรือ “ดาวมิชลิน” ซึ่งเป็นรางวัลระดับโลกที่มอบให้กับร้านอาหารที่มีคุณภาพโดดเด่นในด้านรสชาติ วัตถุดิบ เทคนิคการปรุง บรรยากาศ และการบริการ โดยรางวัลนี้ไม่ได้ให้กันง่ายๆ เพราะว่าผู้ที่ตัดสินนั้นเป็นตัวแทนจากทางมิชลินที่เดินทางมารับบริการโดยไม่เปิดเผยตัว และประเมินร้านอย่างละเอียดหลายครั้งก่อนจะตัดสินใจให้ดาว และร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินถือว่าเป็นหนึ่งในร้านที่สุดยอดในวงการอาหาร ซึ่งจะมีการแบ่งระดับตั้งแต่ 1 ดาว ถึง 3 ดาว และแต่ละดาวนั้นก็จะมีความหมาย ดังนี้

  • รางวัลมิชลิน 1 ดาว เป็นดาวที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 2 ดาว เป็นดาวที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางออกนอกเส้นทาง เพื่อหยุดแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นดาวที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกล เพื่อไปชิมสักครั้ง

โดย “Royal Osha” คือ หนึ่งในร้านที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับมา 6 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2019, 2020, 2021, 2022, 2023 และ 2024 ด้วยความโดดเด่นในฐานะร้านอาหารไทยแท้ที่ยกระดับสู่ Fine Dining ได้อย่างลงตัว ทั้งเมนูอาหารที่คงรสชาติไทยดั้งเดิม การจัดจานสไตล์ศิลป์ การบริการแบบโรงแรมระดับห้าดาว รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจากทั่วประเทศ และสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้ Royal Osha ตรงตามาตรฐานของมิชลิน และได้กลายเป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันในกรุงเทพฯ ที่เหล่านักชิมไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

2. เหตุผลที่ Royal Osha เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่ติดอันดับค้นหาบ่อยที่สุด

Michelin Near Me Restaurant

สำหรับร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha ไม่เพียงแต่เป็นร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในร้านที่ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เมื่อพิมพ์คำว่า “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” อีกด้วย และเหตุผลที่ทำให้ Royal Osha เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันฉันที่ติดอันดับค้นหาบ่อยที่สุด มีดังนี้

  • ทำเลใจกลางเมือง เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นตั้งอยู่บนถนนวิทยุ หรือบริเวณแถวสวนลุมพินี ใกล้สถานทูต และแหล่งธุรกิจที่สำคัญ สามารถเดินทางได้ง่ายทั้งรถโดยสารส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง ทำให้เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่สะดวกทั้งสำหรับชาวไทย และชาวต่างชาติ จึงส่งผลให้ติดอันดับการค้นหาบ่อยโดยอัตโนมัติ
  • ภาพลักษณ์ร้านหรูหราที่เข้าถึงได้ เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นมีภาพลักษณ์ของร้านหรูหราระดับพรีเมียม แต่ยังคงความอบอุ่นแบบไทยไว้ได้ดี จึงทำให้เป็นร้านที่เข้าถึงได้ง่าย และเหมาะกับการเลี้ยงรับรอง ดินเนอร์ คุยธุรกิจ หรือรับประทานในโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งได้รับรีวิวจากลูกค้า และบล็อกเกอร์สายอาหารทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
  • เมนูไทยแท้ที่มีเอกลักษณ์ เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นมีจุดขายของร้านที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ การใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล มีรสชาติตามตำรับไทยแท้ และมีคอนเซปต์อาหารเป็นยา อีกทั้งผสมผสานกับศิลปะการจัดจานแบบสากล ทำให้นักชิมสามารถเข้าถึงความอร่อยของอาหารไทยได้ง่ายมากขึ้น
  • ประสบการณ์การรับประทานอาหารครบทุกมิติ เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha ไม่ได้เป็นแค่ร้านอาหารไทยทั่วไป แต่ให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบครบทุกมิติ ตั้งแต่บรรยากาศที่ตกแต่งอย่างหรูหราผสมกลิ่นอายศิลปะไทย มาพร้อมกับการนำเสนออาหารแต่ละจานที่สวยงามเหมือนงานศิลป์ ที่ผ่านการรังสรรค์ และออกแบบมาอย่างตั้งใจ ส่งผลให้เกิดความประทับใจในทุกมิติ และทำให้ชื่อของ Royal Osha ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง และแสดงผลบนการค้นหาบน Google หรือแอปพลิเคชันอาหารต่างๆ อยู่เสมอ
  • การันตีคุณภาพด้วยรางวัลระดับโลก เพราะว่าร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha นั้นได้รับรางวัลจากมิชลินมาอย่างยาวนานมากถึง 6 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้นักชิมได้ว่าร้านนี้มีคุณภาพแน่นอน และเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักชิมค้นหาด้วยคำว่า “ร้านมิชลิน ใกล้ฉัน” และพบ Royal Osha อยู่ในลิสต์ต้นๆ เสมอ

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. รีวิว Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉันจากนักชิมที่แวะมาใช้บริการจริง

Michelin Near Me Restaurant

นอกจากรางวัลมิชลิน และรางวัลการันตีอื่นๆ ที่ร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha ได้รับแล้วนั้นก็ยังมีรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะมาใช้บริการจริง ที่ช่วยการันตีได้ว่า Royal Osha เป็นอีกหนึ่งร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งตัวอย่างรีวิวที่ได้รับ มีดังนี้

  • K. David H.

“A wonderful experience from beginning to end. This is definite for anyone who appreciates fine food and phenomenal service. The executive chef was very personable and service was flawless. As we adore Thai food his menu is contemporary but executed with such precision, presentation  and attention to flavours. The ambience , the room all are what fine dining should be but not stuffy. It is highly recommended for couples or those who are catching up and like to enjoy the experience – not rushed – timed to perfection – and most of all it is personable – you felt you were being looked after by people who have a passion for your experience. A rarity these days.”

  • K. Grace Annette C Y.

“ I was invited by 2 friends to join their Thai summer “chilled rice” lunch ceremony at that restaurant. Everything was so beautiful and the whole meal exceeded my expectations. The presentations of all food and drink items were gorgeous. Food tasted delicious. Drinks were fun as well. Service was excellent.”

  • K. Israel S.

“3 Michelin stars. I had lunch yesterday and the experience was perfect. The food, the service, and the atmosphere were wonderful. As someone who has eaten in Michelin star restaurants in the past, I have no doubt that this restaurant is at the level of 3 Michelin stars. Thank you Royal Osha for a most delightful lunch.”

  • K. Tongz NP.

“Feels like indulging in a masterpiece of art, where every dish is both delicious and perfectly crafted. The restaurant’s décor is elegant and luxurious, with exceptional service from the staff. It’s a truly memorable dining experience, ideal for a date, dinner, or celebrating a special occasion.”

  • K. Waleed Farouk

“A very sofesticatedThai restaurant. Very good option for special occasions and celebrations. The food presentation is amazing. You will enjoy the service and the look of each single dish. The taste is not your normal Thai food, you have to be open for a change ”

  • K. M Jones.

“Royal Osha in Bangkok is nothing short of extraordinary. From the moment you step into the elegantly designed space, you are transported into a world where traditional Thai cuisine meets modern sophistication. The attention to detail in both the food and the ambiance is impeccable. Each dish is a work of art, beautifully plated and bursting with authentic Thai flavors that have been elevated to gourmet standards. The use of fresh, high-quality ingredients is evident in every bite, and the balance of spices and textures is masterfully done.

The service at Royal Osha is equally outstanding. The staff is attentive, knowledgeable, and passionate about the menu, offering excellent recommendations, wine pairings and ensuring that every guest feels like royalty. The presentation of the food, from appetizers to desserts, is as visually stunning as it is delicious.

Whether you’re indulging in the signature dishes or trying something new, Royal Osha delivers an unforgettable dining experience that blends the rich traditions of Thai cuisine with contemporary flair. It’s a must-visit for anyone seeking the finest in Thai fine dining in Bangkok!”

  • K. Yuvraj Debapriya Mitra

“From the moment we walked in, the staff made us feel incredibly welcome — warm, friendly, and genuinely attentive throughout the entire meal. It’s definitely advisable to book ahead. The curries were absolutely superb rich, flavourful, and clearly made with care. And just when we thought it couldn’t get better, the desserts came out a must-try!

What truly set this experience apart, though, was the generosity of the team. They kindly offered us 2–3 complimentary dishes, which was not only unexpected but also such a thoughtful gesture. Their kindness and hospitality made the meal feel all the more special.”

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. แนะนำ 3 ร้านมิชลิน ใกล้ฉันอื่นๆ ในกรุงเทพที่ควรลอง

Michelin Near Me Restaurant

นอกจาก Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉันแล้ว ก็ยังมีร้านมิชลิน ใกล้ฉันร้านอื่นๆ ที่นักชิมควรแวะเวียนไปลิ้มลองสักครั้ง และในหัวข้อนี้ทาง Royal Osha ก็จะมาแนะนำ 3 ร้านที่นักชิมต้องห้ามพลาด ดังนี้

  • ศรณ์ (Sorn) เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ที่เป็นร้านอาหาร Fine Dining ที่เชี่ยวชาญด้านอาหารใต้ของไทย และเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอาหารไทยด้วยการคว้ารางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นร้านแรกของประเทศในปี 2025 และร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 โดยอาหารแต่ละจานนั้นสามารถถ่ายทอดรสชาติอาหารใต้แท้ๆ ได้เป็นอย่างดี และให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากชุมชนต่างๆ ในภาคใต้ เช่น ล็อบสเตอร์ภูเก็ต ปลาโอดองจากนราธิวาส หรือเครื่องแกงตำมือแบบดั้งเดิม และเมนูแนะนำของร้านนั้นก็จะมีเมนูแกงไตปลา ข้าวยำปักษ์ใต้ และแกงเหลืองปลากระพง ที่ล้วนแต่มีรสชาติจัดจ้าน แต่กลมกล่อม เหมาะกับนักชิมที่ต้องการสัมผัสรสชาติอาหารไทยทางใต้ดั้งเดิม
  • Sühring เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ที่เป็นร้านอาหารเยอรมันระดับมิชลิน 2 ดาว ตั้งอยู่ในซอยเย็นอากาศ ย่านสาทร โดยเชฟฝาแฝดชาวเยอรมัน Thomas และ Mathias Sühring ที่ได้นำสูตรอาหารเยอรมันดั้งเดิมมาประยุกต์ใหม่ให้เข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ และวัตถุดิบจากไทยอย่างลงตัว และร้านตั้งอยู่ในบ้านสไตล์วินเทจท่ามกลางสวนร่มรื่น ให้บรรยากาศเหมือนทานข้าวที่บ้านของเชฟ ซึ่งจะมีเมนูจัดเป็นคอร์สที่ผ่านการดีไซน์มาอย่างประณีต เช่น “Berliner Senfei” หรือไข่เย็นเสิร์ฟกับซอสมัสตาร์ดแบบเบอร์ลิน “Spätzle” หรือพาสต้าโฮมเมดเนื้อนุ่ม และ “Sauerbraten” เนื้อวัวหมักสูตรโบราณที่ปรุงแบบ Slow Cook เหมาะสำหรับนักชิมที่ต้องการเปิดประสบการณ์กับอาหารเยอรมันของแท้
  • Chef’s Table เป็นร้านมิชลิน ใกล้ฉัน ที่เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสระดับมิชลิน 2 ดาว ที่ตั้งอยู่บนชั้น 61 ของโรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ถนนสีลม หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของร้าน คือ “ครัวเปิด” ที่ตั้งอยู่กลางห้องอาหารล้อมรอบด้วยเคาน์เตอร์หินอ่อน ทำให้ลูกค้าจะได้นั่งชมเชฟปรุงอาหารกันแบบสดๆ ต่อหน้า และเมนูแนะนำนั้นก็จะเป็น “Lobster Fricassée” หรือกุ้งลอบสเตอร์ปรุงแบบคลาสสิกฝรั่งเศส “Foie Gras Confit” หรือตับห่านตุ๋นหอมละมุนเสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดู และ “Wagyu Beef Rossini” ที่ใช้เนื้อเกรดพรีเมียมปรุงอย่างพิถีพิถันในระดับศิลปะ เหมาะสำหรับนักชิมที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารฝรั่งเศสที่ทั้งหรูหรา ประณีต และเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจในทุกขั้นตอน

5. วิธีจองโต๊ะที่ Royal Osha ร้านมิชลิน ใกล้ฉันแบบง่ายๆ

Michelin Near Me Restaurant

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านมิชลิน ใกล้ฉันที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านมิชลิน ใกล้ฉันอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

รีวิว Royal Osha – หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ที่สาย Fine Dining ห้ามพลาด

best Thai restaurant Bangkok

รีวิว Royal Osha – หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ที่สาย Fine Dining ห้ามพลาด

ถ้าหากนักชิมคนไหนกำลังมองหาร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่จะช่วยมอบประสบการณ์มื้ออาหารสุดประทับใจ ต้องห้ามพลาด “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย มาพร้อมกับการนำเสนออาหารไทยร่วมสมัยที่ผสมผสานศิลปะการจัดจานกับรสชาติต้นตำรับได้อย่างลงตัว ทุกจานผ่านการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง และการรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถันจากเชฟมือทองจากวงการอาหารไทยแท้ อีกทั้งยังมีบรรยากาศแบบไทยๆ ด้วยการการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของวัฒนธรรมไทย ผสานกลิ่นอายร่วมสมัย ทำให้เหมาะกับการแวะเวียนมาลิ้มลองได้ในทุกโอกาส และยังสามารถแวะเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงรอบๆ ได้อีกหลายแห่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ทั้งสวน ธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามกันในบทความนี้ได้เลย!

 1. ทำไม Royal Osha ถึงเป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ?

สำหรับหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพอย่าง Royal Osha นั้นมีหลากหลายเหตุผลที่ทำให้นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องแวะมาลิ้มลองสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร บรรยากาศ หรือการคัดสรรวัตถุดิบ ดังนี้

1.1 ประวัติความเป็นมาของ Royal Osha

“Royal Osha” เป็นร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่เกิดจาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงแต่ง และรังสรรค์อาหารไทย และอยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี ได้มีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” จึงได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานมาร่วมมือกันสร้าง Royal Osha กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครงองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน และด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ แปลกใหม่ มีให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ และมีราคาที่นักชิมสามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้ Royal Osha เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่สามารถตอบโจทย์ และเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยใหม่ๆ ในทุกโอกาสให้กับชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

1.2 การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล

สำหรับที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพนั้นจะมีการรังสรรค์ และปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ของ Royal Osha โดยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นเกิดจากการที่เชฟวิชิต มุกุระ มีแนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งอาหารไทยแท้แต่ละเมนูของ Royal Osha นั้นมีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย อีกทั้งในแต่ละเมนูยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รส ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ที่ถือว่าเป็นรสชาติตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ และด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นจึงส่งผลให้เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล มีความแปลกใหม่ ให้นักชิมได้แวะเวียนมารับประทานกันได้ตลอดทั้งปี แต่ยังคงความอร่อย และมีคุณประโยชน์ตามแบบต้นตำรับอาหารไทย

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

1.3 บรรยากาศ และการตกแต่งแบบไทย

สำหรับบรรยากาศ และการตกแต่งภายในร้านของ Royal Osha นั้นจะเป็นแบบไทยๆ ที่มีการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น ด้วยการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด มีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลามาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอกในช่วงเวลากลางคืน และภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร นอกจากนั้นก็ยังมีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้นักชิมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารไทยสไตล์ Fine Dining และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ที่ช่วยสร้างความประทับใจได้ในเวลาเดียวกัน

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

2. เมนูแนะนำของ Royal Osha ร้านอาหารไทยดีที่สุดในกรุงเทพที่ควรลอง

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับเมนูของ Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพนั้นก็มีให้นักชิมได้เลือกลิ้มลองกันอย่างหลากหลาย แต่ว่าเมนูแนะนำที่นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแวะเวียนมาแล้วต้องห้ามพลาด มีดังนี้

    • ข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา ถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่นำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย และเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาด ทำให้มีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น 
  •  
    • ขนมจีนน้ำยาภูเก็ตกับล็อบสเตอร์ย่าง เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha ที่อยู่ใน Seasonal Menu Set โดยเมนูนี้ประกอบด้วยเส้นขนมจีนเหนียวนุ่มกำลังดี ตัดด้วยน้ำยาภูเก็ตที่มีความกลมกล่อม เสิร์ฟคู่กับล็อบสเตอร์ย่างที่มีเนื้อหวาน แน่น ตัวใหญ่ เมื่อรับประทานคู่กันกับขนมจีน และน้ำยาเข้ากันได้อย่างลงตัว
  •  
    • ต้มโคล้งเนื้อปูม้า เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha ที่อยู่ใน Seasonal Menu Set โดยเมนูนี้ประกอบด้วยซุปต้มโคล้งใสที่มีความหอม และจัดจ้าน มาพร้อมกับเนื้อปูม้าชิ้นโต คำใหญ่ เนื้อหวาน และแน่น รับประทานคู่กันแล้วจะได้รสชาติที่ตัดกันแบบกลมกล่อม
  •  
    • หลนเนื้อปูกับตะไคร้ เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha แบบ A Lar Carte โดยจะเป็นประเภทเครื่องจิ้มที่ได้รับความนิยมในสมัยโบราณ ประกอบด้วยเนื้อปูม้าก้อนใหญ่ มีขนาดชิ้นโต เต็มคำ นำมาปรุงกับกะทิที่เคี่ยวหอม และเข้มข้น ผสมผสานเข้ากันกับสมุนไพรหลากหลายชนิด ที่ทำให้ได้รสชาติที่มีความหอมหวาน มัน จากกะทิ และมีความเค็ม และมีความเปรี้ยวจากสมุนไพร เสิร์ฟคู่กับสายบัว ขมิ้นขาว และมะเขือ ที่เป็นเครื่องเคียงกรุบกรอบที่นิยมรับประทานตั้งแต่สมัยโบราณ
  •  
    • หอยเชลล์ผัดน้ำพริกเผา เป็นเมนูแนะนำของ Royal Osha แบบ A Lar Carte โดยเมนูนี้ประกอบด้วยหอยเชลล์ฮอกไกโด ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการผัดในน้ำพริกเผาชั้นดีตามสไตล์ Royal Osha ที่มีความเผ็ด และหวานกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับใบกะเพราที่เพิ่มความหอมชวนหิว ไม่ว่าจะรับประทานคู่กับข้าวสวย หรือรับประทานเล่นก็อร่อยลงตัว

นอกจากเมนูแนะนำที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

3. Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพเหมาะกับใคร และโอกาสไหนบ้าง?

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่สามารถตอบโจทย์ได้ในหลากหลายโอกาส ต้องห้ามพลาด “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่เหมาะกับแต่ละโอกาส ดังนี้

  • คู่รักที่ต้องการฉลองวันครบรอบด้วยบรรยากาศหรูหรา และโรแมนติก มาพร้อมกับบริการ และอาหารแสนอร่อย ช่วยทำให้ช่วงเวลานี้พิเศษมากยิ่งขึ้น และการได้ทานอาหารไทยต้นตำรับที่ปรุงอย่างประณีต และมีการเล่าเรื่องผ่านแต่ละจาน ยังช่วยให้บทสนทนาในมื้ออาหารมีความหมายมากขึ้น อีกทั้งถ้าหากทำการจองโต๊ะล่วงหน้า เลือกมุมส่วนตัว หรือขอจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆ อย่างดอกไม้ หรือของขวัญ ก็จะช่วยทำให้ค่ำคืนนั้นกลายเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม
  • นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยากลองอาหารไทยแบบใหม่ๆ สำหรับร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพอย่าง Royal Osha นั้นเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมไทยผ่านอาหารที่มีความแตกต่างจากสตรีทฟู้ด หรืออาหารจานด่วนทั่วไป เพราะว่าอาหารไทยแบบ Fine Dining นำเสนอรสชาติไทยแบบดั้งเดิมในรูปแบบที่ประณีต ทั้งรสชาติ การจัดจาน และการเล่าเรื่องที่ซ่อนอยู่ในแต่ละเมนู ทำให้นักท่องเที่ยวจะได้รู้จักวัตถุดิบท้องถิ่นไทย วิธีการปรุงแบบโบราณ ไปจนถึงวัฒนธรรมการกินของคนไทยในอดีต ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ และเหมาะกับการเปิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับอาหารไทย ไม่ใช่แค่เพียงความอร่อย แต่ยังเป็นศิลปะ และวัฒนธรรมที่จับต้องได้
  • นักธุรกิจที่ต้องการเลี้ยงลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ ร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining นั้นเหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ในการเลี้ยงรับรองลูกค้า หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เพราะว่าเป็นที่ที่มีการบริการที่มืออาชีพ บรรยากาศที่เงียบ สุภาพ และเมนูอาหารที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยอย่างมีรสนิยม ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้เจ้าภาพดูใส่ใจ และมีระดับ อีกทั้งยังเอื้อให้เกิดการพูดคุยในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากกว่าการประชุมทางการด้วย
  • คนรักอาหารที่ชื่นชอบประสบการณ์การกินแบบมีศิลปะ สำหรับนักชิมที่ไม่ได้กินแค่อิ่ม แต่ชื่นชอบประสบการณ์การกินแบบมีศิลปะ ควรแวะมาที่ Royal Osha สักครั้ง เพราะว่าที่นี่จะให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบของมื้ออาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบ คุณภาพ รสชาติ การจัดจาน ไปจนถึงการจับคู่อาหารกับไวน์ หรือการเล่าเรื่องของอาหารแต่ละจานเหมือนกับนิทรรศการศิลปะ จึงเหมาะสำหรับนักชิมที่มีความละเอียดอ่อน และต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างจากร้านทั่วไป
  • คนไทยที่อยากเปิดประสบการณ์ใหม่กับอาหารไทย ถึงแม้จะเป็นคนไทยที่คุ้นเคยกับอาหารไทยทุกวัน แต่การได้ลองอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining จะเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับอาหารไทยมากขึ้น ทั้งเรื่องรสชาติที่ซับซ้อนขึ้น การนำเสนอที่สวยงาม หรือเทคนิคการปรุงที่แตกต่าง เช่น การตีความเมนูโบราณให้ร่วมสมัย หรือการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นหายาก การได้สัมผัสกับอาหารไทยผ่านการตีความของเชฟฝีมือเยี่ยม ถือเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้เข้าใจวัฒนธรรมอาหารของไทยในอีกระดับหนึ่งด้วย

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

 

4. แนะนำสถานที่เที่ยวใกล้เคียง Royal Osha ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพ

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับนักชิมคนไหนที่มีโอกาสแวะเวียนมาดื่มด่ำกับประสบการณ์อาหารไทยแบบ Fine Dining ที่ Royal Osha แล้ว ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางได้ง่าย ใกล้ สะดวก ที่สามารถแวะก่อน หรือหลังรับประทานอาหารที่ Royal Osha ได้

  • สะพาน​เขียว​ สวนลุมพินี-ส​วนเบญจกิติ (ฝั่งลุมพินี) เป็นทางเดินยกระดับที่เชื่อมสวนลุมพินีกับสวนเบญจกิติ (ฝั่งลุมพินี) ที่อยู่ห่างจาก Royal Osha เพียงประมาณ 100 เมตร โดยมีจุดเด่นตรงที่โครงสร้างไม้ และเหล็กระแนงสีเขียวที่กลมกลืนกับธรรมชาติ มีทางเดิน และทางปั่นจักรยานสองฝั่ง พร้อมม้านั่ง และปลายสะพานที่มองเห็นวิวตึกสูงของกรุงเทพฯ ได้ชัดเจน ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชอบเดินเล่น ถ่ายรูป หรือหยุดพักผ่อนก่อนจะเข้าสู่สวนลุมพินี

 

  • สวนลุมพินี เป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ห่างจากร้านเพียง 300–400 เมตร หรือเดินประมาณ 3–5 นาที โดยภายในสวนลุมพินีนั้นจะมีทะเลสาบให้เช่าเรือเป็ดไว้ปั่นเล่น มีลำธารกลางสวน มีพื้นที่ไว้ให้นั่งเล่นทุกมุม เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน หรือจะเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และเดินย่อยอาหารแบบเพลินๆ ก็ได้ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกายอีกด้วย

 

  • หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ Bangkok Art and Culture Centre เป็นศูนย์ศิลปะร่วมสมัยบนถนนพระราม 1 เดินทางจาก Royal Osha โดย BTS ลงที่สถานี National Stadium และใช้เวลาเดินประมาณ 5-7 นาที และภายในมีนิทรรศการหมุนเวียน งานศิลป์ ออกแบบ บันทึกเสียง และการแสดงศิลปะการแสดงหลากหลายรูปแบบ เช่น ดนตรี ชีวิตประจำวัน เต้น หรือหนังสั้น เปิดทุกวันอังคาร–อาทิตย์ เวลา 10:00–20:00 น. และไม่เสียค่าเข้าชม

 

  • บ้านปาร์คนายเลิศ เป็นพิพิธภัณฑ์ และบ้านไม้โบราณของตระกูลนายเลิศ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1915 ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ห่างจากร้านไม่เกิน 5 นาที หรือเดินประมาณ 400 เมตร และภายในเป็นบ้านไม้โบราณล้อมรอบด้วยสวนร่มรื่นกว่า 14 ไร่ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมไทยในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยที่นี่จะมีการจัดกิจกรรมแนะนำประวัติศาสตร์ และจัดนิทรรศการเล็กๆ ส่วนใหญ่เข้าชมฟรี และบางรอบอาจมีค่าใช้จ่าย

 

  • วัดปทุมวนาราม เป็นวัดเก่าแก่ใจกลางเมือง สร้างโดยรัชกาลที่ 4 มีความสงบร่มรื่น ถึงแม้อยู่ท่ามกลางย่านช้อปปิ้งสุดคึกคักอย่างสยาม และชิดลม ภายในวัดมีโบสถ์เก่า ศาลาไม้แบบไทย และพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากใช้เวลาสงบจิตใจ หรือไหว้พระเสริมสิริมงคล อีกทั้งยังสามารถเดินชมจิตรกรรมฝาผนัง และสถาปัตยกรรมโบราณได้ ห่างจาก Royal Osha ประมาณ 400 เมตร ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที ก็ถึง เหมาะสำหรับแวะก่อน หรือหลังมื้ออาหารแบบสบายๆ

5. ช่องทางการติดต่อ หรือสำรองที่นั่งล่วงหน้ากับ Royal Osha

best Thai restaurant Bangkok

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในกรุงเทพอย่าง Royal Osha สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่คนรักอาหารไทยต้องลอง – Royal Osha ที่สุดของความประณีต

ร้านอาหารไทย Fine Dining
ร้านอาหารไทย Fine Dining

ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่คนรักอาหารไทยต้องลอง – Royal Osha ที่สุดของความประณีต

สำหรับในยุคปัจจุบันที่ผู้คนให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าปริมาณ ทำให้เทรนด์การรับประทานอาหารแบบ “Fine Dining” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเป็นการรับประทานอาหารที่ไม่ใช่เพียงแค่เพียงให้อิ่มเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสศิลปะผ่านรสชาติ การจัดจาน บรรยากาศ และการบริการที่ประณีตทุกขั้นตอน จึงทำให้ Fine Dining กลายเป็นกิจกรรมที่ตอบโจทย์ผู้คนยุคใหม่ที่อยากจะสัมผัสความพิเศษในทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสพิเศษ การพบปะกับคนสำคัญ หรือแม้แต่การใช้เวลากับตัวเองอย่างมีคุณภาพ

และหนึ่งในเหตุผลหลักที่ Fine Dining ได้รับความนิยม คือ ความตั้งใจในทุกรายละเอียด ทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเยี่ยม การปรุงอาหารที่มีเทคนิคขั้นสูง การออกแบบเมนูที่บอกเล่าเรื่องราว และการบริการที่เปี่ยมไปด้วยมารยาท และความใส่ใจ นอกจากนี้ Fine Dining ยังมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศส อาหารญี่ปุ่น อาหารอิตาเลียน รวมถึงอาหารไทยเอง ที่ก็มีให้เลือกรับประทานแบบ Fine Dining ด้วยการยกระดับรสชาติดั้งเดิมให้เข้ากับการนำเสนอที่ร่วมสมัย อีกทั้งเชฟไทยก็ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านจานอาหารอย่างชาญฉลาด โดยยังคงเอกลักษณ์ของสมุนไพร เครื่องเทศ และรสชาติอันจัดจ้านไว้อย่างครบถ้วน ที่ทำให้อาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจในระดับสากล แต่ยังสะท้อนความลึกซึ้งของวัฒนธรรมไทยในรูปแบบที่ทั้งโลกต้องหันมามอง

ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Royal Osha จะพานักชิมทุกคนมาดูกันว่าร้านอาหารไทย Fine Dining คืออะไร แตกต่างจากร้านอาหารไทยทั่วไปอย่างไร ทำไมนักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. “ร้านอาหารไทย Fine Dining” คืออะไร?

ร้านอาหารไทย Fine Dining” คือ รูปแบบร้านอาหารไทยที่ยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารไปอีกขั้น ด้วยการเน้นความประณีตในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่วัตถุดิบ การปรุงอาหาร การจัดจาน บรรยากาศร้าน ไปจนถึงการบริการที่พิถีพิถัน และจุดเด่นของร้านอาหารไทย Fine Dining คือ การผสานรสชาติดั้งเดิมของอาหารไทยเข้ากับการนำเสนอที่ร่วมสมัย และหรูหรา ทำให้ผู้รับประทานได้สัมผัสถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับความสุนทรีย์ได้อย่างแท้จริง

โดยร้านอาหารไทย Fine Dining นั้นมักจะมีการออกแบบเมนูอย่างตั้งใจ ประณีต และพิถีพิถัน ด้วยการเน้นการเล่าเรื่องราวผ่านอาหารในแต่ละจาน เช่น ใช้แรงบันดาลใจจากประเพณี วิถีชีวิต หรือวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละภาคของไทย รวมถึงการจัดจานจะมีความสวยงามราวกับงานศิลปะ พร้อมทั้งคำนึงถึงรสสัมผัส และการผสมผสานรสชาติที่สมดุล และนอกจากนี้ บรรยากาศของร้านยังถูกออกแบบให้สะท้อนถึงความหรูหรา เรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์แบบไทย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยไม้ ผ้าไหม งานหัตถกรรมไทย จิตกรรม วรรณคดี หรือความเป็นไทยต่างๆ เพื่อเสริมประสบการณ์โดยรวมให้กลมกลืนกันทุกมิติ จึงทำให้ร้านอาหารไทย Fine Dining เป็นมากกว่าสถานที่รับประทานอาหาร แต่เป็นพื้นที่ที่รวบรวมศิลปะ ความรู้ และวัฒนธรรมของไทยไว้อย่างลงตัว

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

1.1 ความแตกต่างระหว่างร้านอาหารไทย Fine Dining กับร้านอาหารไทยทั่วไป

ถึงแม้ว่าร้านอาหารไทย Fine Dining และร้านอาหารไทยทั่วไปจะให้บริการอาหารไทยเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบมีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยร้านอาหารไทยทั่วไปมักเน้นความสะดวก รวดเร็ว ราคาที่เข้าถึงง่าย และบรรยากาศเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน ในขณะร้านอาหารไทย Fine Dining เน้นความหรูหรา ความประณีต และความตั้งใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เทคนิคการปรุงที่ซับซ้อน เมนูที่สร้างสรรค์อย่างมีศิลปะ การจัดจานที่งดงาม บริการแบบมืออาชีพ ไปจนถึงการตกแต่งร้านที่ให้ความรู้สึกพิเศษ และอีกจุดเด่น คือ “การเล่าเรื่องผ่านอาหาร” ซึ่ง Fine Dining มักมีการถ่ายทอดแนวคิด ประวัติ หรือแรงบันดาลใจผ่านแต่ละจานอาหาร แต่ว่าร้านอาหารไทยทั่วไปมักเน้นความอร่อย และความอิ่มเป็นหลัก ดังนั้น ร้านอาหารไทย Fine Dining จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการประสบการณ์รับประทานอาหารในระดับที่เหนือกว่า ทั้งทางรสชาติ ความรู้สึก และประสบการณ์

1.2 ความสำคัญของรายละเอียด เช่น บริการ การตกแต่ง การจัดจาน ของร้านอาหารไทย Fine Dining

สำหรับรายละเอียดเล็กน้อยที่ดูเหมือนไม่สำคัญในร้านอาหารทั่วไป กลับกลายเป็นหัวใจหลักของร้านอาหารไทย Fine Dining ไม่ว่าจะเป็นการบริการ ที่ต้องเปี่ยมด้วยมารยาท ใส่ใจ และมีความรู้เกี่ยวกับเมนู เพื่อสามารถแนะนำลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ หรือการตกแต่งร้าน ที่ต้องมีการออกแบบอย่างมีศาสตร์ และศิลป์ ผสมผสานเอกลักษณ์ไทย เช่น ลวดลายผ้าไทย งานไม้ หรือแสงไฟที่ช่วยเสริมบรรยากาศให้นุ่มนวล และหรูหรา และที่โดดเด่นอย่างมาก คือ การจัดจาน ซึ่งถือเป็นการแสดงออกทางศิลปะที่สะท้อนวัฒนธรรม และตัวตนของเชฟ และอาหารแต่ละจานในร้านอาหารไทย Fine Dining นั้นจะถูกจัดวางอย่างละเอียดลออ ทั้งสีสัน รูปทรง และความสมดุลบนจาน เพื่อกระตุ้นความรู้สึกทั้งด้านสายตา และรสชาติ และด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้การรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย Fine Dining ไม่ใช่แค่ “การกิน” แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความประทับใจ และการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังช่วยยกระดับอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้ในเวลาเดียวกัน

2. ทำไมอาหารไทยถึงเหมาะกับการรับประทานแบบ Fine Dining?

ร้านอาหารไทย Fine Dining

“อาหารไทย” เป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้เหมาะกับการนำเสนอในรูปแบบ Fine Dining โดยเฉพาะ “ความหลากหลายของรสชาติ” ที่อาหารไทยสามารถถ่ายทอดได้ในจานเดียว ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด และกลมกล่อม ซึ่งเป็นรสชาติที่มีความซับซ้อน และสามารถนำมาเสนอเป็นเมนูอาหารที่มีความหรูหรา แต่ไม่สูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิม นอกจากนี้อาหารไทยยังมี “วัตถุดิบพื้นถิ่น” ที่มีความหลากหลาย และมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร เครื่องเทศ ผักพื้นบ้าน หรือวัตถุดิบทะเลสดๆ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ และจัดวางอย่างประณีตในรูปแบบ Fine Dining ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกระบวนการปรุงของอาหารไทยดั้งเดิมยังมีความละเอียดอ่อน ไม่ต่างจากการทำอาหารในระดับสูง เช่น การต้มเคี่ยว การโขลกน้ำพริก การผัดด้วยไฟแรงพอเหมาะ เป็นต้น อีกทั้งอาหารไทยยังมี “เรื่องราว” ให้เล่าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมนูที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาชาวบ้าน ประวัติศาสตร์ หรือความเชื่อท้องถิ่น ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเมนู และประสบการณ์ให้กับผู้รับประทานได้สัมผัสกันผ่านเมนูอาหารได้ และทั้งหมดนี้จึงทำให้เมนูอาหารไทยไม่เพียงแค่ “อร่อย” แต่ยัง “มีคุณค่า” ในเชิงวัฒนธรรม เหมาะกับการนำเสนอผ่านแนวคิด Fine Dining ที่ให้ความสำคัญกับทั้งรสชาติ รูปแบบ และเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังเมนูอาหารในแต่ละจาน

2.1 เอกลักษณ์ของอาหารไทย Royal osha

สำหรับเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นอยู่ตรงที่ผ่านการรังสรรค์ และปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงแต่งอาหารตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ โดยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นเกิดจากการที่เชฟวิชิต มุกุระ มีแนวคิดที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย จึงได้นำวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาลที่ชาวไทยนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารมานิยามใหม่ให้เป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” ที่มีการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ที่ตรงกับศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งอาหารแต่ละเมนูนั้นมีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย รวมถึงยังมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติครบ 7 รสตามแบบฉบับอาหารไทยโบราณ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด ส่งผลให้เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล มีความแปลกใหม่ แต่ยังคงความอร่อย และมีคุณประโยชน์ตามแบบต้นตำรับอาหารไทย

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3. แนะนำ Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ระดับพรีเมียม

ร้านอาหารไทย Fine Dining

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่กำลังมองหาร้านอาหารไทย Fine Dining ต้องห้ามพลาด “Royal Osha” 1 ในร้านอาหารไทย Fine Dining ระดับพรีเมียมที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่เดินทางง่าย สะดวกสบาย มาพร้อมกับเอกลักษณ์ เมนูแนะนำ และบรรยากาศที่สามารถตอบโจทย์การรับประทานอาหารไทยได้ในทุกโอกาส และในหัวข้อนี้ก็จะพานักชิมมาทำความรู้จักกับ Royal Osha ว่าทำไมถึงเหมาะกับการรับประทานกับคนสำคัญได้ในทุกโอกาส ดังนี้

3.1 ประวัติความเป็นมา และคอนเซปต์ของ Royal Osha

“โอชา” เป็นคำไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาบาลีคำว่า “โอช” ที่มีความหมายว่ามีรสดี อร่อย แต่ความอร่อยที่ Royal Osha ไม่ใช่ความอร่อยที่ได้รับผ่านลิ้นเท่านั้น ที่นี่เรายกระดับความอร่อยสู่ความ “รอยัล” ด้วยการสร้างประสบการณ์อาหารไทยที่เหนือระดับด้วยสุนทรียศาสตร์ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง ที่ทำให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความอร่อยได้ทั้งกาย และทั้งใจ ด้วยการเสิร์ฟเสน่ห์ของอาหารไทย 4 ภาคทั้งในรูปแบบ A la carte และ Set menu สลับสับเปลี่ยนเมนูอาหารมาให้ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ ทุกฤดูกาลกับรสชาติความอร่อยที่เหนือกว่า โดยร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นเกิดจาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยมือทองระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่เป็น Executive Chef ประจำ Royal Osha ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงแต่ง และรังสรรค์อาหารไทย และอยู่ในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี ได้มีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยภายใต้แนวคิด “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพื่อให้นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้สัมผัสถึงอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรส ครงองค์ประกอบ และมีสีสันสวยงาม ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย พร้อมกับผสมผสานการใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่ให้ความอร่อย และช่วยบำรุงร่างกายภายในเวลาเดียวกัน จึงได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานมาร่วมมือกันสร้างร้านอาหารไทย Fine Dining กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล ด้วยความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในอาหารทุกจาน ที่มีทั้งความอร่อย สะอาด สดใหม่ แปลกใหม่ มีให้เลือกรับประทานหลากหลายแบบ และมีราคาที่นักชิมสามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้ Royal Osha เป็นร้านอาหารไทย Fine Dining ที่สามารถตอบโจทย์ และเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยใหม่ๆ ในทุกโอกาสให้กับชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

3.2 เมนูแนะนำ

สำหรับเมนูแนะนำที่ Royal Osha ที่นักชิมที่แวะเวียนมาสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย Fine Dining ไม่ควรพลาด ได้แก่ “เมนูข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชา” ถือว่าเป็นเมนู Signature ของ Royal Osha ที่นำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดีลอยในน้ำดอกไม้ไทย และเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 ในการแช่ข้ามคืน เพื่อช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาด ทำให้มีกลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม ปลายี่สนผัดหวาน และหัวไชโป๊วผัดหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น 

นอกจากเมนูที่ข้าวแช่ชาววัง ต้นตำรับรอยัล โอชาแล้ว ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

3.3 บรรยากาศของร้าน

สำหรับบรรยากาศของร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha นั้นก็เป็นแบบไทยๆ ที่มีการตกแต่งภายในห้องอาหารให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ประตูทางเข้า บริเวณเพดาน และผนัง ที่มีการออกแบบที่สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยในสไตล์วิจิตรโมเดิร์น ที่มีการเลือกใช้สถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำบริสุทธิ์แท้ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด มีจิตกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณคดีไทยอมตะอย่าง “รามเกียรติ์” และมีการนำภาพจิตกรรมจากรามเกียรติ์ ตอนหนุมานอมพลับพลา มาฉายในบริเวณประตูทางเข้าภายนอก และภายในห้องอาหารของ Royal Osha นั้นมีโคมแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดใหญ่ประดับอัญมณีส่องประกายระยิบระยับ มีการเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ช้อนส้อม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีลักษณะ และสีสันที่มีความเป็นไทยที่เข้ากันกับการตกแต่งภายในร้านที่ล้วนแต่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี ทำให้เวลาที่นักชิมกำลังอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยสุดพรีเมียมนั้นก็ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่เหมือนกับนักชิมกำลังเข้ามาเยี่ยมชมพลับพลาของพระรามที่มีบรรยากาศ และกลิ่นอายของพระราชวังสมัยโบราณ ที่ช่วยสร้างความประทับใจในการรับประทานอาหารไทยในทุกนาที

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

3.4 รีวิวจากลูกค้า และรางวัลที่ได้รับ

สำหรับรางวัลที่ Royal Osha ได้รับที่ช่วยการันตีถึงความไว้วางใจของนักชิมตลอดระยะเวลา 10 ปี มีดังนี้

  • รางวัลการันตีปี 2024 : Michelin Guide
  • รางวัลการันตีปี 2023 : Michelin Guide
  • รางวัลการันตีปี 2022 : Michelin Guide และ Thai Select Premium
  • รางวัลการันตีปี 2021 : Michelin Guide และ User’s Choice Wongnai
  • รางวัลการันตีปี 2020 : Michelin Guide, User’s Choice Wongnai, HELLO! Taste Awards และ Thailand Tatler Best Restaurants
  • รางวัลการันตีปี 2019 : Michelin Guide และ Thai Select Premium
  • รางวัลการันตีปี 2018 : User’s Choice Wongnai และ Thailand Tatler Best Restaurants
  • รางวัลการันตีปี 2017 : Wongnai, Thailand Tatler Best Restaurants และ Winner Bangkok’s Best Restaurant Awards
  • รางวัลการันตีปี 2016 : Wongnai

นอกจากนั้นยังมีรีวิวจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยสไตล์ Fine Dining อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ถึงความพรีเมียมที่ทุกคนจะได้รับเมื่อแวะมารับประทานอาหารที่ Royal Osha ดังนี้

  • Nickktwf

“ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง สไตล์โมเดิร์นสุดหรู ประตูหน้าร้านสีดำบานใหญ่ เข้าไปสัมผัสบรรยากาศร้านในโลกรามเกียรติ์ เมื่อเข้าไปพนักงานจะนำเราไปที่โต๊ะอาหาร บริการโน่นนี่นั่น เสิร์ฟ welcome drink ต่อมาเป็นอภินันทนาการจากเชฟ เป็นของว่างเล็กๆน้อย รสชาติ การบริการ และบรรยากาศร้านดีมาก คุ้มค่าที่ได้ทาน”

  • Mr. Stew

“Royal Osha ร้านอาหารไทยสุดหรูหราทั้งการตกแต่งร้านแบบเน้นความเป็นไทยที่ดูทันสมัย และการจัดจานอาหารที่อลังการมาก นำเสนออาหารที่ใช้วัตถุดิบของไทยนำมาปรุง แต่งแต้มในจานอาหารได้อร่อยและสวยงามจริงๆ บรรยากาศและการบริการดีเยี่ยมเลยครับ คอยดูแลลูกค้าอยู่ห่างๆ,เปลี่ยนจานที่เลอะให้ใหม่ตลอด บริการแบบนี้ค่อยเหมาะสมกับค่าเซอร์วิส ไม่เหมือนหลายๆร้านที่เจอเก็บค่าเซอร์วิสแต่บริการต้องคอยเรียก แนะนำครับใครที่มีเพื่อนหรือรับแขกต่างชาติร้าน Royal Osha เหมาะสมทุกสิ่งอย่าง”

  • Coryne Z Suzuki

“Celebrated a very special birthday here ❤️ Food was outstanding! Both, delicious and beautiful! Thank you for the wonderful hospitality and for making this evening so memorable!”

  • Food_by_ms

“The richness and variety of Thai seasoning, preparation and presentation! Mouth watering and dishes that burst into flavor. A great award winning Michelin star restaurant in the heart of Bangkok. #bangkokrestaurant #michelinstar #thaicuisine #spiceworld #foodporn #foodie #travelingfoodie #atasteforthefoodlife”

  • Wilber suen

“When we talk about Thai fine dining, only a few names come to mind. I must admit that I pass by Royal Osha quite often but haven’t heard or thought of dining here. Having tried the food and visited Royal Osha myself, I am convinced that it is one of the strongest players in the category of Thai fine dining in Bangkok. and Royal Osha completes the whole package in terms of food and decor. If you are looking to bring your guests/clients somewhere with good food and atmosphere, this is an option that will not disappoint.”

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. โอกาสพิเศษแบบไหนที่ควรพาไปร้านอาหารไทย Fine Dining

ร้านอาหารไทย Fine Dining

สำหรับร้านอาหารไทย Fine Dining เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษที่ต้องการสร้างความประทับใจ และบรรยากาศที่แตกต่างจากมื้ออาหารทั่วไป ด้วยการบริการที่พิถีพิถัน อาหารที่จัดจานอย่างสวยงาม และรสชาติที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมกับความร่วมสมัย Fine Dining ช่วยยกระดับทุกมื้อให้กลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ และช่วยให้คนสำคัญรู้สึกถึงคุณค่าของช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง ซึ่งในแต่ละโอกาสที่เหมาะกับการรับประทานอาหารไทยแบบ Fine Dining มีดังนี้

4.1 ดินเนอร์วันครบรอบ

วันครบรอบ เป็นโอกาสพิเศษในการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของคู่รัก และการเลือกร้านอาหารไทย Fine Dining สำหรับดินเนอร์วันครบรอบนั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะบรรยากาศที่หรูหรา และโรแมนติกจะช่วยเสริมให้ค่ำคืนนั้นอบอวลไปด้วยความประทับใจ อีกทั้งยังมาพร้อมกับอาหารไทย Fine Dining ที่เสิร์ฟมาอย่างพิถีพิถัน และประณีต ทำให้คู่รักได้เพลิดเพลินไปกับทุกคำที่รับประทาน รวมถึงยังมีความเป็นส่วนตัว ทำให้รู้สึกได้ใช้เวลาด้วยกัน และช่วยสร้างความประทับใจให้กับมื้ออาหารในวันสุดพิเศษได้แบบไม่รู้ลืม

4.2 พาผู้ใหญ่ หรือลูกค้าต่างชาติ

ถ้าหากต้องการพาผู้ใหญ่ หรือแขกชาวต่างชาติไปรับประทานอาหาร การเลือกร้านอาหารไทย Fine Dining ถือเป็นตัวเลือกที่ดี และเหมาะสมเป็นอย่างมาก ด้วยบรรยากาศที่หรูหรา สุภาพ และให้เกียรติผู้ใหญ่ หรือแขกคนสำคัญนั้นจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และแสดงถึงความใส่ใจ อีกทั้งยังมีความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย เหมาะกับการสนทนาอย่างเป็นทางการ หรือเป็นกันเอง และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกชาวต่างชาติได้ ด้วยการนำเสนอวัฒนธรรมไทยผ่านอาหารในแบบที่ร่วมสมัย และเข้าใจง่าย ที่ช่วยให้การเจรจา หรือพูดคุยเรื่องราวต่างๆ นั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น และสร้างความประทับใจ หรือประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานอาหารไทยได้เป็นอย่างดี

4.3 มื้อพิเศษที่อยากสร้างความประทับใจ

สำหรับมื้อพิเศษที่อย่างสร้างความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการพาใครบางคนไปดินเนอร์ครั้งแรก การเซอร์ไพรส์คนรัก การขอแต่งงาน หรือการให้รางวัลตัวเอง การเลือกร้านอาหารไทย Fine Dining สำหรับช่วงเวลาเหล่านี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก เพราะอาหารไทยในแบบ Fine Dining ไม่เพียงแต่ให้ความอร่อยตามตำรับดั้งเดิม แต่ยังเติมเต็มด้วยความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และศิลปะในการจัดวางที่งดงาม ทุกจานที่เสิร์ฟเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านกลิ่น รส สี และความตั้งใจ และการได้นั่งในร้านที่มีบรรยากาศความเป็นไทย มาพร้อมกับการบริการระดับพรีเมียม ก็ถือว่าเป็นการสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ แบบที่ไม่จำเป็นต้องมีแค่ของขวัญราคาแพง เพราะบางครั้ง “การเลือกสถานที่ และช่วงเวลา” ที่เหมาะสม ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกพิเศษ และจดจำไปอีกนาน และร้านอาหารไทย Fine Dining ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ตอบโจทย์นั้นได้อย่างลงตัวที่สุด

5. อยากทานร้านอาหารไทย Fine Dining สามารถจองโต๊ะที่ Royal Osha ได้ที่ไหนบ้าง?

ร้านอาหารไทย Fine Dining

สำหรับนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และกำลังมองหาร้านอาหารไทย Fine Dining ที่มีเมนูอาหารไทยที่มีความครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็สามารถแวะมาได้ที่ “Royal Osha” ร้านอาหารไทยแท้ที่รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งทุกเมนูอาหารไทยขึ้นมาด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง มีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม และมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu ทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha สามารถจองโต๊ะล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

Posted on

รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

รอยัล โอชา รังสรรค์หลากเมนูสุดพิเศษ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” ของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ต้นเครื่อง ประจำพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ด้วยความปรารถนาที่อยากให้อาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา Royal Osha (รอยัล โอชา) ร้านอาหารไทยไฟน์ ไดนิ่ง หนึ่งใน Michelin Restaurant ที่ครองใจนักชิมทุกสัญชาติ การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide 6 ปีซ้อน จัดทำโครงการ “รอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือ บันทึก นึกอร่อย” รังสรรค์ 10 เมนูพิเศษจากตำราอาหารของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ ถ่ายทอดโดยเชฟชื่อดัง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาวและเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ แห่งร้านรอยัลโอชา เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี โดยรายได้จาก 10 เมนูพิเศษหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

สำหรับงานเปิดตัวโครงการฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ  มูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วยเซเลบริตี้มากมาย มาร่วมงาน ณ ร้าน รอยัล โอชา ถนนวิทยุ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567

            ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล เจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา กล่าวว่า “นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรอยัลโอชา และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านการปรุงรสชาติอาหารหลากหลายเมนูที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น นำเสนอความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม พร้อมเสิร์ฟในนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์ ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้คนไทยรุ่นใหม่และต่างชาติได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของสำรับอาหารไทยที่แท้จริง”

           เกวลิน พิทยานุกุล เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนูและเจ้าของร้านอาหารรอยัลโอชา เผยว่า “ทุกเมนูอาหารมีความอร่อย จากคุณภาพวัตถุดิบที่ดีและการใส่ใจในเรื่องรสชาติ รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อนำเสนอความเป็นไทยสไตล์พรีเมียมให้นักชิมได้ลิ้มลองผ่านอาหารทุกคำ สัมผัสรสชาติอันซับซ้อนไม่ว่าจะเป็น รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เคล้ากลิ่นสมุนไพรพื้นบ้าน ตามแบบฉบับต้นตำรับอาหารไทย”

           เชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef แห่ง รอยัลโอชา เผยถึงที่มาที่ไปของโครงการฯ ว่า “จากการได้ร่วมเป็น 1 ใน 4 เชฟ ที่ได้รังสรรค์เมนูจากหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทำโครงการกับมูลนิธิชัยพัฒนาและอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า สูตรอาหารจากตำรา บันทึก นึกอร่อย นั้นสามารถทำได้จริง โดยคัดเลือก 10 เมนู ได้แก่ ประทัดลม ยำหัวปลีกุ้งสด ยำตะไคร้กุ้งสด กระทงกุ้งกระทงมัน หมูเสียบสับปะรด ไก่สำอาง แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม แกงฮังเลหมู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก และน้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ  ซึ่งแต่ละเมนูสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการนำวัตถุดิบของไทยมาผสานกับวัตถุดิบต่างประเทศ รวมถึงความสนุกในการแกะสูตร ชิมรสชาติ เพราะสูตรในตำราบางเมนูไม่มีบอกปริมาณชั่งตวงวัด เนื่องจากเป็นสูตรอาหารไทยโบราณที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่านอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารไทยตำรับชาววังแล้ว ยังร่วมทำบุญด้วย โดยรายได้จากโครงการรอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือบันทึก นึกอร่อย หลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

          ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยตำรับชาววัง ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ จากตำรา “บันทึก นึกอร่อย” 10 เมนูสุดพิเศษ

เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย อย่าง ประทัดลม เมนูชื่อแปลกหูนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนั้นไทยเริ่มทำการค้ากับชาวจีน เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านอาหาร ประทัดลม ทำจากฟองเต้าหู้ที่นำไปห่อตัวเครื่องที่ประกอบไปด้วย หมูสับ เนื้อปู ปรุงรสด้วยสามเกลอ และใส่แห้วเพื่อเพิ่มรสสัมผัส ห่อเป็นรูปทรงกระบอกพันหัวท้ายด้วยต้นหอมแล้วทำไปทอดให้กรอบ เสิร์ฟคู่พร้อมน้ำจิ้มสามรส ออกเผ็ดนิดๆ ตามต้นตำรับ

หมูเสียบสับปะรด อาหารทานเล่นสไตล์แบบบาร์บีคิว นำเนื้อหมูส่วนหัวไหล่จาก  Pork Matters  เนื้อหมูคุณภาพ ปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดงและยาปฏิชีวนะ อุดมไปด้วยไขมันดีจากโอเมก้า 3 หั่นเต๋าหมักด้วยน้ำสับปะรดและเครื่องเทศตามสูตรต้นตำรับ เพิ่มลูกเล่นด้วยการนำแกนกลางของสับปะรดมาใช้แทนไม้เสียบ นำไปย่างไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมของเนื้อหมูเคล้าเครื่องเทศ สามเกลอ ผสานกลิ่นน้ำสับปะรดที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหมู เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มทานเพลินยิ่งนัก

ต่อกันที่เมนูสลัดสไตล์ไทย อย่าง กระทงกุ้งกระทงมัน ยำส้มโอรสจัดจ้าน ผสานรสสัมผัสหลากหลายมิติของ ถั่วพู มะพร้าวคั่ว แห้ว และความกรอบของกระทงมันฝรั่ง ท็อปด้วยกุ้งชุบเกล็ดขนมปัง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่อร่อยคุ้มค่าแก่การลิ้มรส อีกหนึ่งเมนูยำที่คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับ ยำหัวปลีกุ้งสด หรือ  กัทลียำ ซึ่งกัทลี (กัด-ทะ-ลี) หมายถึง กล้วย โดยสูตรยำหัวปลีสูตรนี้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นหอมเจียว กระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่วป่น นอกจากนี้ยังมี ยำตะไคร้กุ้งสด ให้เลือกรับประทานและสนุกไปกับรสหอมของสมุนไพรไทย อย่าง ตะไคร้ นำมาซอยบางๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำสามรส โรยด้วยมะพร้าวคั่ว เสิร์ฟพร้อมกุ้งลวกด้วยน้ำเกลือ รับประทานแล้วจะได้รสชาติที่รู้สึกเบาสบาย สดชื่น

สำรับกับข้าวจานหลักมีให้เลือกครบสำรับ ทั้ง น้ำพริก แกง ต้มจืด ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ น้ำพริกหอมกลิ่นมะกรูดหาทานได้ยาก รสชาติคล้ายคลึงน้ำพริกกะปิ แต่เด่นด้วยการใช้มะกรูดมาเป็นตัวชูรสเปรี้ยว ทำให้มีกลิ่นหอมของมะกรูดที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น เป็นตำรับที่ท่านผู้หญิงประสานสุขได้มาจากวังวรดิศ โรยด้วยแคบหมูแบบครัมเบิ้ล (Crumble) ที่เวลารับประทานคู่กับน้ำพริกจะให้ความรู้สึกกรุบกรอบ ทานคู่กับผักเคียงตามฤดูกาล

อีกหนึ่งเมนูที่นำความเป็นไทยมาผสานกับวัตถุดิบฝรั่งด้วยการนำ แกงมัสมั่น เมนูอาหารที่ครองแชมป์ติดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเป็น “ราชาแห่งเครื่องแกง” มาผสมผสานกับความเปรี้ยวของ ส้มซันคิส แทนน้ำมะขามเปียก รังสรรค์เป็น แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม ให้รสชาติที่หอม เปรี้ยว หวาน หอมกลิ่นส้ม

แกงฮังเล อาหารชาวเหนือ หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่าง ข่า ขมิ้น หากใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจ ด้วยรสชาติ 4 รสกลมกล่อม ทั้ง เผ็ด หวาน เปรี้ยว และเค็ม ที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นชิ้นโต เคี้ยวจนนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับกระเทียมโทนดอกอร่อยเหาะ

ปิดท้ายกับ 2 เมนู ชื่อแปลกที่ต้องได้ลองสักครั้ง อย่าง ไก่สำอาง หอมกรุ่นกลิ่นกะทิเคล้ากลิ่นขมิ้น ครบรสด้วย น้ำตาล น้ำปลา มะนาว ทานคู่กับ ขิงหั่นฝอยทอด และน้ำมันพริก อาหารสำรับแบบไทยๆที่ขาดไม่ได้ แกงจืด หรือ ต้มจืด กับเมนู แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก หอมหวานด้วยน้ำสต๊อกซดคล่องคอ เนื้อหมูบดปั้นก้อนที่ปรุงรสด้วยกระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว พริกไทย เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรับของเม็ดแมงลัก จัดเสิร์ฟสไตล์ ไซฟอน เพื่อสร้างสุนทรียแห่งกลิ่นอโรมาของสมุนไพรไทยขณะลิ้มรสความอร่อยของเมนูสุดพิเศษนี้

เพลิดเพลินกับ 10 เมนูพิเศษจากโครงการหนังสือ “บันทึก นึกอร่อย” กับรอยัลโอชา ตำรับอาหารชาววังของ ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล แบบ อาลาคาร์ท (à la carte) หรือ  แบบ 6 คอร์สเมนู ในราคา 4,000++ บาท หรือ  Chef’s Table 10 คอร์สเมนู ในราคา 6,000++ บาท  ได้ที่ ณ รอยัล โอชา ถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30 – 23.00 น.

สำหรับผู้สนใจลิ้มลองเมนูสไตล์  Chef’s Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สอบถามรายละเอียดได้ทาง โทร. 02-256-6555 หรืออีเมล [email protected]

Posted on

ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมี่ยม รสชาติล้ำเลิศ สูตรต้นตำรับเฉพาะจาก “รอยัล โอชา”

ขนมไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha ของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ดีที่สุดระดับพรีเมียมในกรุงเทพ

ขนมไหว้พระจันทร์

เมื่อพูดถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นภาพของขนมไหว้พระจันทร์ทรงกลม ที่มาพร้อมกับลวดลายสวยงาม และรสชาติสุดพิเศษที่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องหรูหรา ย่อมเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ ไม่ว่าจะเพื่อใช้ในพิธีกรรม การมอบให้ญาติผู้ใหญ่ หรือเป็นของขวัญให้กับคนสำคัญ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความทันสมัย และวิถีชีวิตแบบสากล ดังนั้น การเลือกขนมไหว้พระจันทร์ที่ทั้งสวย หรู รสเลิศ และมีความหมาย จึงกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกรสนิยมของผู้ให้ได้อย่างชัดเจน

โดยหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่กำลังมองหาขนมไหว้พระจันทร์ที่ไม่เหมือนใคร คือ “ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อของร้านอาหารไทย Fine Dinign ระดับพรีเมียมที่โด่งดังในกรุงเทพ และขนมไหว้พระจันทร์ของที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงขนมประจำเทศกาลไหว้พระจันทร์เท่านั้น แต่เปรียบเสมือนงานศิลปะที่สื่อถึงวัฒนธรรมไทยผสานกับกลิ่นอายของจีน และความหรูหราทันสมัย ทั้งในด้านรูปลักษณ์ การออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ รสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไปจนถึงการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี เพื่อมอบประสบการณ์การลิ้มรสที่เหนือระดับ

ดังนั้น ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha จึงไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความงดงามของขนมไหว้พระจันทร์ผ่านงานฝีมืออันประณีตเท่านั้น แต่ยังยกระดับขนมดั้งเดิมให้เป็น “Fine Dining in a Box” ด้วยการรังสรรค์เมนูขนมฟิวชั่นที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัยในรูปแบบที่สามารถพกพา และมอบเป็นของขวัญได้อย่างเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการผสมผสานระหว่างความทรงจำ วัฒนธรรม และรสนิยม ที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha กลายเป็นของขวัญสุดพรีเมียมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลนี้ และในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมทุกคนมาดูกันว่าขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha แตกต่างจากที่อื่นยังไง มีไส้ขนมไหว้พระจันทร์อะไรบ้าง มีกี่แบบ และราคาเท่าไหร่ ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. ขนมไหว้พระจันทร์ที่ไม่ใช่แค่ขนม แต่เป็นศิลปะกับแนวคิด “Fine Dining in a Box” จาก Royal Osha

ขนมไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์” เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และถือเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่จัดขึ้นในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติจีน โดยผู้คนมีความเชื่อกันว่ารูปทรงกลมของขนมไหว้พระจันทร์นั้นเป็นตัวแทนของความกลมเกลียว ความสมดุล ความสมบูรณ์ และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แน่นแฟ้น นอกจากนั้นยังเป็นขนมที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานมากมายที่เล่าขานเกี่ยวกับเทพธิดาฉางเอ๋อผู้เหาะขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ ผู้ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตามตำนานจีน และเรื่องราวของเธอเริ่มต้นจากการที่สามีของเธอ “โฮ่วอี้” นักยิงธนูผู้กล้าหาญที่ช่วยโลกด้วยการยิงดวงอาทิตย์ 9 ดวงที่เผาโลกจนร้อนระอุ เหลือไว้เพียงดวงเดียว จึงทำให้จักรพรรดิแห่งสวรรค์มอบยาอายุวัฒนะให้โฮ่วอี้ เมื่อกินแล้วจะกลายเป็นเทพ และมีชีวิตอมตะ แต่โฮ่วอี้ไม่อยากทิ้งฉางเอ๋อ จึงเก็บยาไว้ และวันหนึ่งมีผู้ร้ายพยายามขโมยยา จึงทำให้ฉางเอ๋อตัดสินใจกินยา เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ทำให้เธอลอยขึ้นสู่ดวงจันทร์ และไม่อาจกลับลงมาได้อีก และตั้งแต่นั้นมา จึงเชื่อกันว่าในคืนพระจันทร์เต็มดวง โดยเฉพาะช่วง เทศกาลไหว้พระจันทร์ เทพธิดาฉางเอ๋อจะปรากฏตัวอยู่บนนั้น จึงทำให้ผู้คนนั้นทำการไหว้พระจันทร์ เพื่อแสดงความเคารพ พร้อมขอพรให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง และครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข และด้วยความเชื่อเหล่านี้จึงส่งผลให้กลายเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ และมีขนมไหว้พระจันทร์ที่เป็นขนมประจำเทศกาลนี้จนถึงในปัจจุบัน

โดยขนมไหว้พระจันทร์ในอดีตนั้นจะมีไส้ดั้งเดิม เช่น ถั่วแดง เม็ดบัว หรือไข่เค็ม และมีลวดลายบนผิวหน้าขนมที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคล แต่เมื่อเวลาผ่านไปนั้นการพัฒนาทั้งในด้านรสชาติ การตกแต่ง และบรรจุภัณฑ์ก็ได้มีเปลี่ยนแปลงให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เช่น มีไส้ให้เลือกอย่างหลากหลาย มีบรรจุภัณฑ์ที่หรูหรามากขึ้น หรือมีลวดลายบนหน้าขนมที่แปลดใหม่ จึงทำให้ขนมไหว้พระจันทร์นั้นกลายเป็นของขวัญสุดพิเศษ และหรูหราที่แฝงไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้บริโภคใส่ใจทั้งเรื่องรสชาติ รูปลักษณ์ และประสบการณ์ที่ได้จากการรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ด้วย

และ Royal Osha ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทย Fine Dining ในกรุงเทพที่ได้ยกระดับขนมไหว้พระจันทร์ให้เหนือกว่าเพียงขนมมงคลทั่วไป ด้วยแนวคิด “Fine Dining in a Box” ที่นำเอาศิลปะของการรับประทานอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งมาใส่ไว้ในกล่องของขวัญหรูหรา ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha ไม่ได้แค่สะท้อนวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงความเป็นไทยร่วมสมัย ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบไทยคุณภาพสูง และเทคนิคการปรุงที่พิถีพิถันไม่ต่างจากการรังสรรค์อาหารจานหลักในร้านอาหารชั้นเลิศ อีกทั้งรูปลักษณ์ของขนมแต่ละชิ้นถูกออกแบบอย่างวิจิตรบรรจง มีลวดลายที่สะท้อนความงามของศิลปะไทย พร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์ที่หรูหรา เปรียบเสมือนกล่องของขวัญที่ผู้รับจะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และรสนิยมของผู้ให้ รวมถึงรสชาติของขนมแต่ละไส้ขนมไหว้พระจันทร์ก็ถูกคิดค้นอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบไทยกับเทคนิคการอบแบบดั้งเดิม หรือการแต่งกลิ่นหอมที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เหล่านักชิมไม่เคยสัมผัสกันมาก่อน

ดังนั้น ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และความหมายเช่นนี้ ทาง Royal Osha จึงไม่เพียงแค่รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์สำหรับการบริโภคออกมาเท่านั้น แต่ยังออกแบบมาให้เป็น “ของขวัญทางวัฒนธรรม” ที่ส่งต่อทั้งรสชาติ ความงดงาม และความหมายจากผู้ให้ถึงผู้รับ และทำให้การได้รับขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha เสมือนได้รับทั้งงานศิลป์ ความพรีเมียม และความอร่อยที่ส่งตรงจากร้านอาหารไทย Fine Dining ในรูปแบบที่จับต้องได้แบบง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา

> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Story ของ Royal Osha

2. ขนมไหว้พระจันทร์ Royal Osha มีกี่แบบ และราคาเท่าไหร่บ้าง?

ขนมไหว้พระจันทร์

สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทุกๆ ปี ด้วยการนำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาผสมผสานกับวัฒนธรรมของจีน จนได้ออกมาเป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์  อีกทั้งยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามลายตามสไตล์รอยัล โอชา ที่นำลายเส้นรูปหนุมาน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทางร้านรอยัล โอชามาประดิษฐ์ประดอยไว้บนขนมไหว้พระจันทร์ และแสดงให้ถึงความประณีต และผสมผสานระหว่าง 2 วัฒนธรรมไว้ได้อย่างลงตัว ที่ไม่ว่าจะนำมาเป็นของไหว้ หรือของขวัญในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ทางรอยัล โอชา ก็ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์พรีเมียม และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนอย่างเช่นเคย ซึ่งมีให้เหล่านักชิมได้เลือกกัน 2 แบบ ได้แก่ 

  • Classic Mooncake เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่มีความกระทัดรัด พกพาสะดวก ด้วยการเลือกใช้กล่องสีขาวล้วนรูปทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมการออกแบบที่สวยงาม เรียบง่าย แต่ยังคงความพรีเมียม และความหรูหราตามแบบฉบับของรอยัล โอชา 
  • Premium Mooncake เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่มาในตอนเซปต์ “Eternal of Moonlight” หรือประกายแห่งแสงจันทร์ ด้วยการเลือกใช้ silhouette เส้นสีทอง ดุจประกายแสงแห่งจันทราลงบนกล่องกลมสีขาวบริสุทธิ์ ที่สื่อถึงดวงจันทร์เปล่งประกายในยามค่ำคืน เปรียบดั่งคำอวยพรจากดวงจันทร์อันเป็นสิริมงคลทั้งผู้ให้ และผู้รับ 

อีกทั้งขนมไหว้พระจันทร์ทั้งแบบ Classic และแบบ Premium นั้นทางเชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef  แห่งรอยัล โอชา ที่เป็นเชฟมือทองของวงการอาหารไทย และมีประสบการณ์มากว่า 40 ปี นั้นก็ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ “หมูสามรสไข่เค็ม”  ให้มาเป็นหนึ่งในไส้พิเศษของขนมไหว้พระจันทร์ด้วย ซึ่งไส้ขนมไหว้พระจันทร์ไส้นี้จะมีความจัดจ้านตามสไตล์ของอาหารไทย ที่เข้ากันได้ดีกับขนมไหว้พระจันทร์อย่างลงตัว และถือว่าเป็นรสชาติที่สร้างความแตกต่างของไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่แปลกใหม่ให้กับขนมไหว้พระจันทร์ให้เหล่านักชิมชาวไทยได้ลิ้มลองก่อนใคร

สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ของ Royal Osha ทั้ง 2 รูปแบบนั้นก็จะแตกต่างกันทั้งราคา และสิ่งของภายในกล่อง โดยในแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • Classic Mooncake ภายใน 1 เซ็ตจะประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์ 8 ชิ้น มาพร้อมกับกล่องทรงสี่เหลี่ยม พร้อมหูหิ้วอย่างหรูหราสวยงาม และมีราคาอยู่ที่กล่องละ 1,188 บาท 
  • Premium Mooncake ภายใน 1 เซ็ตจะประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์ 8 ชิ้น มาพร้อมกับการบรรจุลงในตลับสีทอง อีกทั้งยังมี Organic Oolong tea Royal Osha selection หรือชาอู่หลงหอมหมื่นลี้มาภายในกล่องทรงกลมที่นิยมนำมาดื่มคู่กันกับขนมไหว้พระจันทร์ และมีราคาอยู่ที่กล่องละ 2,988 บาท

ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาของขวัญพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า เพื่อมอบเป็นของขวัญให้คนสำคัญในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ การเลือกซื้อ Boxset ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ก็ถือว่าสามารถตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว และสามารถแวะมาจองสินค้าล่วงหน้า สั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย 

 

> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

3. ขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha มีไส้ขนมไหว้พระจันทร์อะไรบ้าง?

ขนมไหว้พระจันทร์

สำหรับไส้ขนมไหว้พระจันทร์ของขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha นั้นมีให้นักชิมได้เลือกชิมกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะไส้ขนมไหว้พระจันทร์อย่าง “ไส้หมูสามรสไข่เค็ม” ที่ถือว่าเป็นไส้ขนมไหวพระจันทร์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็น Signature ของ Royal Osha เลยก็ว่าได้ โดยมีส่วนประกอบของของหมูฝอยที่ผัดกับซอส 3 รส ได้แก่ รสชาติเปรี้ยว รสชาติหวาน และรสชาติเผ็ด ที่เป็นรสชาติต้นตำรับของรอยัล โอชา มาพร้อมกับไข่เค็มที่มีความมัน และเค็มกำลังพอดี ตัดกับรสชาติเปรี้ยว หวาน และเผ็ดได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ และผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันอย่างพิเศษ และใส่ใจในทุกขั้นตอน จึงทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ไส้หมูสามรสไข่เค็มของรอยัล โอชานั้นมีความพิเศษในรสชาติ และเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนอย่างแน่นอน

นอกจากขนมไหว้พระจันทร์ไส้หมูสามรสแล้ว ก็ยังมีไส้ขนมไหว้พระจันทร์รสชาติอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันตามความชอบอีกด้วย โดยมาพร้อมกับ 3 รสชาติ ได้แก่ ไส้คัสตาร์ด ไส้ทุเรียนไข่เค็ม และไส้งาเม็ดบัว ซึ่งแต่ละไส้นั้นก็จะเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพดี เพื่อให้ไส้ที่มีความหอม เนียนนุ่ม ละมุน เมื่อรับประทานแล้วเข้ากันกับเนื้อของขนมไหว้พระจันทร์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งภายในเซ็ตของขนมไหว้พระจันทร์นั้นก็ยังมาพร้อมกับ Organic Oolong tea Royal Osha selection หรือชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ ที่มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานกำลังดี จึงทำให้สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับขนมไหว้พระจันทร์ และไม่เพียงแค่เข้ากันเท่านั้น แต่การดื่มชาอู่หลงหอมหมื่นลี้คู่กับขนมไหว้พระจันทร์นั้นยังเป็นวัฒนธรรม และประเพณีดั้งเดิมของจีนที่เน้นความสมดุล และความกลมกลืนทั้งในรสชาติ และทางความหมายด้วย ดังนั้น การเลือกซื้อเซ็ตขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha นั้นจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ หรือของฝากให้บุคคลสำคัญ หรือจะมาซื้อรับประทานเองก็เหมาะเป็นอย่างมาก และสำหรับใครที่สนใจอยากจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์สุดพรีเมียมจาก Royal Osha ก็สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้แล้ว วันนี้! ผ่าน Line Official : @royalosha หรือช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

 

> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

4. สั่งจอง หรือสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ก่อนใครได้แล้ว วันนี้!

ขนมไหว้พระจันทร์

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะลิ้มลองขนมไหว้พระจันทร์ หรืออยากจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์ไว้เป็นของฝากในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็สามารถแวะมาสั่งจอง หรือสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จาก Royal Osha ได้แล้ววันนี้! ที่รังสรรค์จาก “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟอาหารไทยฝีมือระดับปรมาจารย์แนวหน้าของเมืองไทย ที่ได้ปรุงแต่งขนมไหว้พระจันทร์มาอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การทำไส้ไหว้พระจันทร์ ไปจนถึงการเลือกบรรจุภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดความเป็นไทยไว้ในทุกสัมผัสให้นักชิมได้ลิ้มลอง โดยสามารถสั่งจอง สั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

นอกจากขนมไหว้พระจันทร์แล้ว นักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติยังสามารถแวะมารับประทานอาหารไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha ได้ตลอดทั้งปี โดยมีเมนูให้เลือกทั้งแบบ A La Carte และ Set Menu และยังมีเมนูที่สลับสับเปลี่ยนตามฤดูกาลจากการเลือกใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal ทำให้มีเมนูอาหารใหม่ๆ ให้นักชิมได้ลิ้มลองกันอย่างไม่มีเบื่อ และสามารถตอบโจทย์สไตล์การรับประทานอาหารของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส รวมถึงยังมีบรรยากาศภายในร้านที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทย และสามารถเดินทางได้ง่าย โดยมีที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ดังนั้น นักชิมที่คนไหนที่อยากจะแวะมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่ Royal Osha ก็สามารถติดต่อสำรองที่นั่งล่วงหน้าผ่านช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha

ผู้สนใจ Premium Mooncake และ Classic Mooncake ขนมไหว้พระจันทร์ตำรับ รอยัล โอชา สามารถสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ได้ตั้งแต่ช่วง เดือนกรกฎาคม –  กันยายน สอบถามรายละเอียดได้ที่