เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

Royal Osha ร้านอาหารไทย Fine Dining ที่รับรางวัลมิชลินมากถึง 6 ปีซ้อน

ถ้าหากพูดถึง “รางวัลมิชลิน” ที่เป็นรางวัลที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะว่ารางวัลมิชลินนั้นเป็นรางวัลที่สามารถการันตีได้ถึงคุณภาพของร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ด้วยเกณฑ์การคัดเลือกที่ค่อนข้างเข้มงวด ตั้งแต่ในเรื่องของวัตถุดิบ การปรุง การนำเสนอ ไปจนถึงการบริการ และรายละเอียดต่างๆ ที่ผ่านการตัดสินจากเหล่านักชิมจาก Michelin Guide ที่แฝงตัวเข้าไปรับบริการ จึงทำให้รางวัลมิชลินนั้นเป็นอีกหนึ่งรางวัลยอดนิยม ที่เป็นตัวช่วยตัดสินใจในการเลือกร้านอาหารของเหล่านักชิม และ Royal Osha ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยที่ได้รับรางวัลมิชลินมามากถึง 6 ปีซ้อน ที่นักชิมอาหารไทยตัวยงต้องห้ามพลาดที่แวะเวียนมาลิ้มลองเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่มีความแปลกใหม่ แต่ยังความเป็นไทยให้นักดื่มได้สัมผัสกันในทุกคำ

1. “รางวัลมิชลิน” เครื่องการันตีคุณภาพร้านอาหาร ที่เป็นที่ยอมรับของนักชิมทั่วโลก

Michelin Award

รางวัลมิชลิน” หรือรางวัล Michelin Guide เป็นรางวัลที่เกิดจากการทำหนังสือคู่มือในการเดินทาง หรือ Guide Book ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยบริษัทยางรถยนต์จากฝรั่งเศสอย่าง Michelin ที่ภายในหนังสือนั้นจะมีข้อมูลของการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารต่างๆ ที่ควรค่าแก่การแวะชิม เมื่อได้เดินทางผ่านในเส้นทางๆ นั้นๆ โดยเฉพาะร้านอาหารที่จะมีการจัดอันดับด้วยการใส่สัญลักษณ์ต่างๆ หรือการรีวิวสั้นๆ  ที่จะมีตั้งแต่ร้านอาหารหรูหรา, Fine Dining, Street Food หรือร้านอาหารทั่วไป เพราะว่ารางวัลมิชลินนั้นสร้างขึ้นมาเพื่อการันตีคุณภาพของร้านอาหาร และทุกร้านนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับ Michelin Guide ได้ทั้งหมด โดยรางวัลมิชลินนั้นสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

  • รางวัลมิชลิน 1 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 2 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่มีความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางออกนอกเส้นทาง เพื่อหยุดแวะชิม
  • รางวัลมิชลิน 3 ดาว เป็นรางวัลมิชลินที่การันตีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกล เพื่อไปชิมสักครั้ง


โดยในทุกๆ การประเมินรางวัลมิชลินนั้นก็จะมีหลักเกณฑ์ในการประเมินที่เท่าเทียมกันในทุกร้าน และจัดประเมินจากคุณภาพ วัตถุดิบ และบริการตามจริง ดังนั้น รางวัลมิชลินจึงเป็นรางวัลที่เหล่านักชิมนั้นให้ความเชื่อถือ และมั่นใจ และใช้เป็นตัวช่วยในการการันตีคุณภาพ รสชาติอาหาร และบริการ และช่วยให้นักชิมสามารถตัดสินใจเลือกร้านอาหารได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

2. เกณฑ์การคัดเลือกรางวัลมิชลิน ที่ผ่านการตัดสินอย่างเป็นกลางจากนักชิม Michelin Guide ตัวจริง

การคัดเลือกร้านอาหารที่จะได้รับรางวัลมิชลินก็จะมีเกณฑ์การคัดเลือกของทาง Michelin Guide ที่จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมดในร้านอาหารทุกรูปแบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปตามมาตรฐานของทาง Michelin ที่สามารถการันตีคุณภาพของร้านอาหารได้ตามจริง และตรงไปตรงมามากที่สุด และถ้าหากร้านอาหารมีคุณสมบัติครบถ้วน และตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็ถึงจะได้รับรางวัลมิชลิน โดยเกณฑ์การคัดเลือก และการประเมินของรางวัลมิชลิน มีดังนี้
  • คุณภาพของวัตถุดิบ เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ว่ามีความสด ใหม่ สะอาด และปลอดภัยตามมาตรฐานหรือไม่
  • เทคนิคการปรุงแต่ง เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากเทคนิคในการปรุงแต่ง และรังสรรค์เมนูของเชฟว่ามีความเชี่ยวชาญ ชำนาณ ประณีต และสามารถดึงรสชาติ และจุดเด่นของวัตถุดิบออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
  • การนำเสนออาหารของเชฟ เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากการนำเสนออาหารของเชฟว่าสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านออกมาทางอาหารได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าเชฟแต่ละคนนั้นจะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้เมนูอาหารที่ออกมานั้นสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันตามไปด้วย
  • ความคุ้มค่าคุ้มราคา เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากการราคาอาหารว่ามีความคุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ ที่จะดูจากความเหมาะสมของวัตถุดิบ และรสชาติ รวมถึงบริการที่นักชิมจะได้รับจากร้านอาหารนั้นๆ ด้วย
  • การรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลาย เป็นเกณฑ์ที่ประเมินจากความเสมอต้นเสมอปลายที่ทางร้านอาหารจะต้องทำการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานในทุกๆ ด้านให้มีความคงที่ ทั้งเรื่องวัตถุดิบ รสชาติ การปรุงแต่ง การนำเสนอ ราคา และบริการ เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานที่ผู้ประเมินได้ทำการประเมินไว้ และตรงกับความคาดหวังของทาง Michelin Guide
โดยในส่วนของผู้ประเมินนั้นจะเป็น “ผู้ตรวจสอบของทาง Michelin Group” ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำงาน หรือคลุกคลีอยู่ในวงการอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม หรือสายงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้ทุกการประเมินนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเกิดจากจรรยาบรรณ ความเข้าใจ และความรู้จริงของผู้ประเมิน และที่สำคัญ คือ ผู้ประเมินจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งสิ้น รวมถึงทำการชำระค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารเต็มจำนวน และจะเข้าการประเมินคุณภาพของร้านแบบไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับการปฏิบัติ หรือสิทธิพิเศษเหนือจากลูกค้าทั่วไป และในแต่ละการประเมินนั้นจะเป็นการประเมิน และตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้ตรวจสอบหลายๆ คนที่แวะเวียนเข้าไปใช้บริการ ดังนั้น การประเมินคุณภาพ และมาตรฐานของรางวัลมิชลินนั้นจึงเป็นรางวัลที่มีความน่าเชื่อถือ และทำให้นักชิมมั่นใจได้เลยว่าร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินนั้นมีคุณภาพ และมาตรฐานสมกับที่ได้รับรางวัลอย่างแน่นอน

3. Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ที่ได้รับรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อน และรางวัลการันตีอื่นๆ อีกมากมาย

Michelin award

นอกจากรางวัลมิชลินที่ทาง Royal Osha ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน ก็ยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ว่า Royal Osha เป็นร้านอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ที่มีเมนูอาหารรสชาติครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย ที่สามารถตอบโจทย์นักชิมที่ชื่นชอบอาหารไทยทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี โดยรางวัลการันตีที่ทาง Royal Osha ได้รับ มีดังนี้

  • รางวัลมิชลิน หรือ Michelin Guide เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 6 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2019, 2020, 2021, 2022, 2023 และ 2024 ที่มีการคัดเลือกจากคุณภาพวัตถุดิบ, เทคนิคการปรุงอาหาร, รสชาติอาหาร, ความคิดสร้างสรรค์ และความเสมอต้นเสมอปลายของร้านอาหารมิชลิน
  • รางวัล Wongnai และ User’s Choice Wongnai เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 5 ปี ได้แก่ ปี 2021, 2020, 2018, 2017 และ 2016 ที่มีการคัดเลือกจากรีวิวของผู้ที่เคยรับประทาน และมีประสบการณ์จริงเท่านั้น และรางวัลนี้จะมอบให้กับร้านอาหารที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในด้านอาหารของคนไทยโดยเฉพาะ
  • รางวัล Thailand Tatler Best Restaurants เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 3 ปี ได้แก่ ปี  2020, 2018 และ 2017 ที่ได้รับการคัดเลือกจากหนังสือ Thailand Tatler Best Restaurants ที่ได้รวบรวมร้านอาหารชั้นเลิศ และรสชาติยอดเยี่ยมระดับ 5 ดาว ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกคนสำคัญ หรือนักท่องเที่ยว ที่มีต่อร้านอาหารไทยได้เป็นอย่างดี
  • รางวัล Thai Select Premium เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับมา 2 ปี ได้แก่ ปี 2022 และปี 2019 ที่มีการคัดเลือกจากคุณภาพยอดเยี่ยม มีการตกแต่งสวยงาม และมีบริการดีเยี่ยม โดยรางวัลนี้จะต้องได้รับคะแนนมากกว่า 90 คะแนนขึ้นไป และจะต้องเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายเฉพาะอาหารไทยแท้เท่านั้น
  • รางวัล HELLO! Taste Award เป็นรางวัลที่ทาง Royal Osha ได้รับในปี 2022 ที่มาจากการเฟ้นหาร้านอาหารในดวงใจของเหล่านักชิม และเซเลบริตี้ของนิตยสาร HELLO! ที่สะท้อนถึงคุณภาพ รสชาติ และหน้าตาของอาหารที่มีความพรีเมียมในทุกๆ ด้านจนสามารถครองใจเหล่านักชิมได้

 

ด้วยรางวัลการันตีทั้งรางวัลมิชลิน และรางวัลอื่นๆ ที่ทาง Royal Osha ได้รับนั้นนักชิมสามารถมั่นใจได้เลยว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่ Royal Osha จะสามารถสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่มีความพรีเมียมได้ในทุกอณู ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยแท้สไตล์ Fine Dining ก็สามารถสำรองที่นั่งได้เลย ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

4. คัดเลือกวัตถุดิบฤดูกาล สด ใหม่ สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานของรางวัลมิชลิน

การคัดเลือกวัตถุดิบของทาง Royal Osha นั้นจะเป็นการใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย ที่ตรงกับตามเกณฑ์การประเมินของรางวัลมิชลินที่จะต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี โดยวิธีการเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” เพื่อทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมาผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย ที่มาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ด้วยการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยการนำวัตถุดิบตามฤดูกาล และพืช ผัก สมุนไพรไทย มาผ่านการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับของอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างชัดเจน ที่จะช่วยเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยได้อย่างลงตัว และยังมีอาหารครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆตามแต่ละภาค ทำให้อาหารไทยทุกเมนูของ Royal Osha นั้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ที่นักชิมจะได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่เมนูอาหารของ Royal Osha นั้นปรุงแต่งมาจากวัตถุดิบตามฤดูกาล จึงทำให้เมนูของ Royal Osha จะแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารได้อย่างหลากหลาย และได้ดูแลสุขภาพตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่การรับประทานอาหารตามฤดูกาลนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น นักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทยเป็นพิเศษ ก็สามารถแวะเวียนมาลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ได้ที่ Royal Osha ตลอดทั้งปี

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

5. รังสรรค์ทุกเมนูจากเชฟอาหารไทยมือทอง ที่นำเสนอทุกเมนูอย่างประณีตสมกับที่ได้รางวัลมิชลินมากถึง 6 ปี

Michelin Award

นอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพตามหลักเกณฑ์ของ Michelin Guide ในทุกเมนูของ Royal Osha ก็ได้ผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยมือทองในระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ และในปัจจุบันก็เป็น Executive Chef ประจำที่ Royal Osha โดยจุดเริ่มต้นของ Royal Osha นั้นก็มาจากความมุ่งมั่นของเชฟวิชิต มุกุระ ที่อยากจะลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่มีความท้าทาย และช่วยยกระดับวงการอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักของทั่วโลกมากขึ้น จึงได้จับมือกับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล เพื่อสร้างร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha ขึ้นมา ที่จะได้ส่งต่อความอร่อยของอาหารไทย ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่าอาหารไทยนั้นมีความแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ ตรงที่มีครบความเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงาม และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรพื้นบ้านมากปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย และดีต่อสุขภาพ ที่ถือว่าเป็น Signature ของอาหารไทย และไม่เพียงแค่ความตั้งใจในการเผยแพร่อาหารไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกเท่านั้น แต่เชฟวิชิต มุกุระ ยังได้นำประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี รวมถึงประสบการณ์ในการเป็นอาจารย์สอนที่ โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่ได้สร้างเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการอาหารอีกมากมาย จึงทำให้ในทุกเมนูของ Royal Osha นั้นมีรสชาติ หน้าตา และเอกลักษณ์ที่บ่งบอกได้ถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่ได้ถ่ายทอดผ่านทางอาหาร และได้นำเสนอไปยังนักชิมได้อย่างเต็มที่ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกรางวัลมิชลินที่ทำให้ทาง Royal Osha ได้รับรางวัลมิชลินมามากถึง 6 ปีซ้อน ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสความพิถีพิถัน ความประณีต และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาหารไทยรางวัลมิชลินที่ Royal Osha ก็สามารถแวะเวียนมาชิมเมนูอาหารที่มีทั้งแบบ Course และ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกสรรกันตามสไตล์ที่ชื่นชอบรับประทานได้เลย

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

6. แนะนำเมนูอาหารรางวัลมิชลินจาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด

สำหรับเมนูอาหารไทยรางวัลมิชลินจาก Royal Osha นั้นก็มีให้นักชิมเลือกรับประทานทั้งแบบ Course ที่เชฟได้ทำการรังสรรค์มาเป็นอย่างดีในแต่ละฤดูกาล และ A La Carte ที่มีให้นักชิมได้เลือกรับประทานเมนูตามใจชอบ โดยเมนูแนะนำรางวัลมิชลินที่นักชิมอาหารไทยต้องห้ามพลาด มีดังนี้

  • เมี่ยงคำกุ้ง, ปู หรือตับห่าน เป็นเมนูที่นักชิมสามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานเป็นกุ้ง ปู หรือตับห่าน ที่ผ่านการคัดสรรมาแบบสด ใหม่ และสะอาด เสิร์ฟคู่กับกลีบดอกบัวที่มีความกรอบ และเข้ากันกับสมุนไพรนานาชนิดได้เป็นอย่างดี และเพิ่มความกลมกล่อมด้วยซอสมะขามเผ็ด ที่ช่วยให้ได้รสชาติเมี่ยงคำตามฉบับไทยแท้
  • กุ้งแช่น้ำปลา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากกุ้งลายเสือตัวโต หวาน กรอบ ไม่คาว ที่แช่มาในน้ำปลาปรุงรสอร่อย กลมกล่อม ที่มีแตงกวา พริกเขียว มะนาว และกรานิต้า ที่ช่วยให้ได้รสชาติจัดจ้าน และเข้มข้นในทุกคำ
  • น้ำพริกไข่ปู เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากไข่ปูม้า ที่ผ่านการปรุงสุกให้เป็นน้ำพริกรสชาติจัดจ้าน เสิร์ฟคู่กับผักนานาชนิด ที่มีความกรอบ หวาน อร่อย เมื่อรับประทานแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเป็นน้ำพริกไข่ปูตามแบบฉบับเครื่องจิ้มไทยโบราณ
  • ต้มแซ่บเนื้อน่องลาย เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อน่องลายชั้นดี ที่มีความเหนียวนุ่มกำลังดี ไม่คาว ผ่านการปรุงสุกในน้ำต้มแซ่บที่ปรุงด้วยสมุนไพรนานาชนิด และพริกแห้ง ที่ให้รสชาติเผ็ดจัดจ้านถึงใจ และเข้ากันกับเนื้อน่องลายได้อย่างกลมกล่อม
  • แพนงแก้มวัว หรือไก่ เป็นเมนูที่นักชิมสามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานเป็นแก้มวัว หรือไก่ ที่จะนำมาปรุงสุกด้วยการแกงในเครื่องแกงแพนงไทยโบราณ ที่มีความหอม เผ็ด จัดจ้าน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี
  • หอยเชลล์ผัดน้ำพริกเผา เป็นเมนูที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์ฮอกไกโด ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการผัดในน้ำพริกเผาชั้นดีที่มีความเผ็ด และหวานกำลังดี พร้อมกับใบกะเพราที่เพิ่มความหอมชวนหิว รับประทานคู่กับข้าวสวย หรือรับประทานเล่นก็อร่อยลงตัว
  • ทับทิมกรอบกรานิต้า เป็นเมนูอาหารหวานที่มีส่วนประกอบของทับทิมกรอบที่มีความกรอบ หวาน นุ่ม หนึบหนับ แช่มาในน้ำกะทิที่มีความหอม หวาน และมัน ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี และเป็นเมนูอาหารหวานที่ช่วยปิดมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างต้น ทาง Royal Osha ก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้นักชิมได้เลือกกันอย่างหลากหลาย รวมถึงใน Set Menu ของแต่ละฤดูกาล ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวางจำหน่ายในบ้างช่วงเท่านั้น ดังนั้น นักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองเมนูต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามการอัปเดตได้ที่ Facebook : Royal Osha Bangkok

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Menu ของ Royal Osha

7. ลิ้มลองอาหารไทยแท้ระดับรางวัลมิชลิน 6 ปีซ้อนได้แล้ว วันนี้! ที่ Royal Osha

Michelin Award

ถ้าหากนักชิมคนไหนที่อยากจะแวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยแท้ในสไตล์ Fine Dining ที่ Royal Osha การันตีคุณภาพ รสชาติ บริการ และความคุ้มค่าคุ้มราคาจากรางวัลมิชลินที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน ด้วยเมนูอาหารไทยที่รังสรรค์มาจากวัตถุดิบพรีเมียมแบบ Seasonal และผ่านปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารไทยมือทองแนวหน้าของเมืองไทยอย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างเต็มเปี่ยม มีความครบรส ครบเครื่อง ครบองค์ประกอบ มีความกลมกล่อม ทำให้เมนูอาหารไทยที่นักชิมได้ลิ้มลองกันนั้นมีหลากหลายสไตล์ และสามารถเข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ได้ง่าย สามารถตอบโจทย์นักชิมได้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เหมาะกับการรับประทานในทุกโอกาส เดินทางง่าย ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สะดวกสบาย ดังนั้น นักชิมที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยที่มีความแปลกใหม่ แต่ยังคงความเป็นไทยไว้เต็มเปี่ยม สามารถติดต่อสอบถาม หรือสำรองที่นั่ง ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha