เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

  •  

ข้าวแช่” เมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดูจาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารตัวจริงต้องห้ามพลาด

ถึงแม้ว่าในช่วงฤดูร้อนนั้นจะเป็นช่วงที่มีเทศกาลสงกรานต์ในการช่วยดับร้อน และมีวันหยุดยาวที่หลายๆ คนจะได้กลับบ้านเยี่ยมครอบครัว หรือท่องเที่ยวได้แบบสบายใจ แต่ว่าในช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่อากาศ และอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อนไปจนถึงร้อนมาก จนทำให้ทุกคนจะต้องมองหาวิธีดับร้อนที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำ การดื่มน้ำเย็นๆ หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยให้ร่างกายมีความสดชื่นจากภายในสู่ภายนอก อย่างเช่น “ข้าวแช่” ที่เป็นเมนูช่วยคลายร้อนยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน เพราะว่าเมนูข้าวแช่นั้นมีทั้งความหอม ความเย็น และความอร่อย ทำให้เวลารับประทานเข้าไปนั้นจะสัมผัสได้ถึงความหอมชื่นใจ เย็นสดชื่น และอิ่มอร่อยได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมไปทำความรู้จักกับ “ข้าวแช่” ตำรับรอยัล โอชา ที่เป็นเมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดูจาก Royal Osha ว่าคืออะไร มีเครื่องเคียงอะไรบ้าง มีวิธีการรับประทานอย่างไร พร้อมแนะนำเมนูอาหาร Fine Dining ใน Set Menu คิมหันต์ฤดู ที่จะช่วยให้นักชิมได้ดับร้อนจากอากาศร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

1. “ข้าวแช่” คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเมนูที่ต้องรับประทานในช่วงหน้าร้อน

Khao Chae

ข้าวแช่” คือ ข้าวหุงสุกที่แช่อยู่ในน้ำลอยดอกไม้ไทยที่รับประทานคู่กับเครื่องเคียง และเครื่องแนม เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม และเมื่อรับประทานแล้วจะสัมผัสได้ถึงความหอม และสดชื่น ที่สามารถช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดี โดยข้าวแช่นั้นได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญตั้งแต่ในช่วงรัชกาลที่ 3 ที่ในภาษามอญเรียกว่า “เปิงด้าจก์” มาจากคำว่า เปิง แปลว่า ข้าว และ ด้าจก์ แปลว่า น้ำ ที่ชาวมอญใช้ในการเซ่นไหว้ และประกอบพิธีบูชาเทวดา เพื่อทำการขอพรให้มีทายาทสืบสกุลในวันมหาสงกรานต์ของชาวมอญ และในช่วงรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น (เจ้าจอมเชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา หรือเจ่ง คชเสนี) ที่เป็นพระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 ก็ได้นำข้าวแช่ขึ้นถวายเป็นเครื่องต้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้เมนูข้าวแช่เป็นที่นิยมในวัง และเมื่อเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นติดตามไปถวายงานพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระราชวังพระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้ทำการถ่ายทอดการทำข้าวแช่ชาววังไปยังห้องเครื่อง และหลังจากนั้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 หม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ที่เป็นข้าหลวงประจำห้องเครื่องในช่วงสมัยนั้น ก็ได้ทำการเผยแพร่ข้าวแช่จากห้องเครื่องก็ได้ไปสู่ชาวเมืองเพชรบุรี ทำให้ข้าวแช่ที่เป็นอาหารชาววัง ก็ได้กลายเป็นอาหารที่สู่สาธารณชน และได้รับความนิยมจนถึงในปัจจุบัน และด้วยความที่ข้าวแช่ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีสงกรานต์ของชาวมอญ และนิยมรับประทานกันในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม ที่เป็นช่วงฤดูร้อน เพราะว่าข้าวแช่สามารถช่วยคลายร้อนให้ความรู้สึกหอม เย็น สดชื่น และชื่นใจเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตั้งแต่ในช่วงสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันนิยมนำข้าวแช่มารับประทานกันในช่วงหน้าร้อนนั่นเอง

2. เครื่องเคียงของข้าวแช่มีอะไรบ้าง? และทำไมถึงต้องรับประทานข้าวแช่คู่กับเครื่องเคียง

การรับประทานข้าวแช่นั้นจะต้องรับประทานคู่กับเครื่องเคียง และเครื่องแนม เพื่อช่วยให้ข้าวแช่มีรสชาติที่อร่อย กลมกล่อม หอมเย็น ชื่นใจ ตามสไตล์ของข้าวแช่โบราณ โดยส่วนใหญ่นั้นเครื่องเคียงของข้าวแช่ก็จะมีให้เลือกรับประทานหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกกะปิ หมูฝอย หอมแดงสอดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ไชโป๊วผัดหวาน และลูกไข่เค็ม เป็นต้น ซึ่งเครื่องเคียงของข้าวแช่ แต่ละอย่างนั้นมีรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกกะปิ เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากเนื้อปลาช่อน หรือปลาดุกย่าง ผสมผสานเข้ากันกับตะไคร้ กระชาย หัวหอม กะปิ และหัวกะทิ แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก ชุบไข่ผสมแป้งสาลี และทอดให้สุกจนได้สีเหลืองสวย
  • หมูฝอย เป็นเครื่องเคียงที่ทำจากเนื้อหมูที่ผ่านการต้ม และนำมาฉีกเป็นฝอย แล้วจึงนำไปทอดกับน้ำตาล เพื่อให้ได้รสชาติหวานกำลังดี
  • หอมแดงสอดไส้ เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากเนื้อปลาช่อน หรือปลาดุกย่าง โขลกเข้ากันกับสมุนไพรจนเหนียว แล้วจึงค่อยนำไปปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก สอดใไส้ในหอมแดงที่คว้านเนื้อออก ชุบไข่ผสมแป้งสาลี และทอดให้สุกจนได้สีเหลืองสวย
  • พริกหยวกสอดไส้ เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากเนื้อกุ้ง หรือเนื้อหมูติดมันที่สับจนเนื้อเนียนละเอียด เพื่อนำไปปรุงรส พร้อมกับนึ่งจนสุก แล้วจึงค่อยนำไปห่อด้วยพริกหยวก และไข่ที่ทำทอดออกมาเป็นแพ
  • ไชโป๊วผัดหวาน พอขึ้นเงา โรยกระเทียม เป็นเครื่องเคียงที่มาจากไชโป๊วผัดหวานเข้ากันกับน้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลโตนด แล้วจึงปรุงรส เพื่อให้ได้รสชาติที่มีความหวาน และความเค็มเข้ากันอย่างลงตัว
  • ลูกไข่เค็ม เป็นเครื่องเคียงที่ทำมาจากลูกไข่แดงเค็มที่นำมาปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก ชุบไข่ผสมแป้งสาลี และทอดให้สุกจนได้สีเหลืองสวย


นอกจากเครื่องเคียงของข้าวแช่ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็อาจจะมีเครื่องเคียงเพิ่มเติมอื่นๆ ด้วย ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละคน และก็ยังมาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้แกะสลัก เช่น มะม่วงเปรี้ยว แตงกวา พริกชี้ฟ้า ต้นหอม ดอกกระชาย หรือมันแกว เป็นต้น ที่เมื่อนำมารับประทานคู่กับช้าวแช่แล้ว ก็จะได้รสชาติที่เข้ากันได้ดี หอมสดชื่น และกลมกล่อม ที่นักชิมจะได้สัมผัสความอร่อยสไตล์ไทยโบราณได้ในทุกคำ

3. ข้าวแช่มีวิธีรับประทานอย่างไร? ถึงจะสัมผัสความอร่อยตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างถูกต้อง

ถึงแม้ว่าข้าวแช่นั้นจะเป็นเมนูอาหารที่มีความหอม สดชื่น และอร่อยกลมกล่อม ที่นักชิมนิยมนำมารับประทานกันในช่วงหน้าร้อน และดูเหมือนจะสามารถรับประทานแบบไหนก็ได้ แต่ความจริงนั้นการรับประทานข้าวแช่ก็มีขั้นตอนในการรับประทานที่จะช่วยให้นักชิมสัมผัสได้ถึงความอร่อยตามสไตล์ไทยโบราณได้อย่างถูกต้อง โดยขั้นตอนในการรับประทานข้าวแช่ มีดังนี้

  • รับประทานเครื่องเคียงคาว เป็นขั้นตอนในการรับประทานข้าวแช่ที่จะต้องเริ่มจากการรับประทานเครื่องเคียวที่เป็นของคาวก่อน เช่น ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ พริกหยวกสอดไส้ และลูกไข่เค็ม เป็นต้น
  • รับประทานข้าวแช่ หลังจากรับประทานเครื่องเคียงคาวแล้ว ให้นักชิมทำการรับประทานข้าวแช่ต่อได้เลย เพื่อเป็นการเพิ่มความสดชื่น และเมื่อผสมผสานกับรสชาติของเครื่องเคียงคาวก็จะช่วยให้ได้ความกลมกล่อมมากขึ้น
  • รับประทานเครื่องเคียงหวาน เมื่อรับประทานข้าวแช่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้รับประทานเครื่องเคียงที่เป็นของหวานต่อได้เลย เช่น หมูฝอย และไชโป๊วผัดไข่ และหลังจากรับประทานแล้ว ก็สามารถรับประทานข้าวแช่ต่อได้เลยเช่นกัน
  • รับประทานเครื่องแนม หลังจากรับประทานเครื่องเคียงคาวหวาน และข้าวแช่แล้ว ก็ให้รับประทานเครื่องแนม เช่น มะม่วงเปรี้ยว แตงกวา พริกชี้ฟ้า หรือต้นหอม เป็นต้น เพื่อช่วยให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมขึ้น


ทั้งนี้ การรับประทานช้าวแช่นั้นไม่ควรทำการตักเครื่องเคียงใส่ลงในข้าวแช่ เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของข้าวแช่หายไป และจะทำให้รสชาติของเครื่องเคียง ทั้วคาว และหวานปะปนอยู่ในข้าวแช่ และส่งผลให้นักชิมไม่สามารถรับรู้รสชาติที่แท้จริงของข้าวแช่ และเครื่องเคียงแต่ละชนิดได้อย่างเต็มที่

4. เมนู “ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา” มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่าง ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างประณีตจากเชฟแถวหน้าของเมืองไทย

เมนูข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา เป็นเมนูดับร้อนประจำคิมหันต์ฤดู หรือฤดูร้อนของ Royal Osha ที่ผ่านการรังสรรค์มาอย่างประณีตจากเชฟแถวหน้าของเมืองไทย ได้แก่ “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef แห่ง Royal Osha ที่มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงอาหารไทยมามากกว่า 40 ปี โดยข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา นั้นได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาด้วยการนำข้าวหอมมะลิเสาไห้ชั้นดี ลอยในน้ำดอกไม้ไทย ที่มีการเลือกใช้น้ำแร่ที่มีค่า pH 8.8 เพื่อทำการแช่ข้ามคืน ที่จะช่วยสกัดกลิ่นหอมของดอกชมนาดได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้ได้กลิ่นน้ำลอยดอกไม้ไทยที่มีความหอมคล้ายคลึงกับดอกมะลิ และใบเตย มาพร้อมกับเครื่องเคียง 7 อย่างตามแบบฉบับของข้าวแช่ชาววัง ที่ผ่านการปรุงรส และสร้างสรรค์มาอย่างประณีตตามตำรับของ Royal Osha จนได้เครื่องเคียงที่มีรสชาติที่มีอร่อย กลมกล่อม ตามแบบฉบับของข้าวแช่ไทยโบราณ แต่มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Royal Osha ไว้ในทุกสัมผัส โดยเครื่องเคียงของข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ทั้ง 7 อย่าง มีดังนี้

  • ลูกกะปิ
  • หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง
  • พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง
  • ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด
  • หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม
  • ปลายี่สนผัดหวาน
  • หัวไชโป๊วผัดหวาน 

โดยในทุกเมนูเครื่องเคียงนั้นรังสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่ได้เลือกสรรมาเป็นอย่างดี มาพร้อมกับเครื่องแนมที่เป็นผัก และผลไม้ ที่ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต เพื่อช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้กับรสชาติของข้าวแช่มากขึ้น อย่างเช่น กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก เป็นต้น

5. นอกจากเมนูข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ยังมีเมนูอาหาร Fine Dining ในคิมหันต์ฤดูให้นักชิมได้เลือกลิ้มลอง

Khao Chae

สำหรับนักชิมที่สนใจอยากจะดับร้อนด้วย “ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา” และอยากจะลิ้มลองเมนูอาหาร Fine Dining ที่สามารถช่วยคลายร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทาง Royal Osha ก็มีเมนูอาหาร Fine Dining ที่เป็น Set Menu คิมหันต์ฤดู ที่เชฟวิชิต มุกุระ ได้รังสรรค์ขึ้นมาให้ทุกเมนูสามารถช่วยคลายร้อนให้กับชักชมได้แบบจัดหนักจัดเต็ม ซึ่งแต่ละเมนูนั้นก็มีการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลผสมผสานเข้ากันกับสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ช่วยให้นักชิมได้คลายร้อน อิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน โดยเมนูอาหาร Fine Dining จาก Set Menu คิมหันต์ฤดู มีดังนี้

  • ทองม้วนต้มยำกุ้งคาเวียร์ เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการผสมผสานกันระหว่างของคาว และของหวาน ที่นำทองม้วนมาสอดไส้ด้วยเนื้อกุ้งนุ่มเด้งผสมผสานกับมูสต้มยำ เพิ่มสีสันให้น่ารับประทานมากขึ้นด้วยซอสมะม่วง ใบมะกรูดกรอบ และดอกไม้ ทำให้นักชิมสามารถสัมผัสได้ถึงความกรอบของทองม้วนที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้ง และมูสต้มยำ และหอมกรุ่นไปด้วยสมุนไพร
  • แตงโมหอยสังข์กับบีทรูทปลาแห้ง เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการนำแตงโมมาหั่นเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า ตกแต่งด้านบนด้วยหอยสังข์ พร้อมกับโรยเกลือหิมาลายาเล็กน้อย แล้วจึงค่อยนำไปย่าง เพื่อให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด บีทรูท และปลาแห้ง เพื่อช่วยให้ได้รสชาติที่มีความจัดจ้านกำลังดี และมีความกลมกล่อมอย่างลงตัว
  • ยำผักหวานป่ากับสแกลลอปฮอกไกโด เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาจากผักหวาน ที่นำมายำกับกะทิ และเครื่องกรอบต่างๆ มาพร้อมกับสแกลลอปฮอกไกโดที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการจี่ และโรยเกลือหิมาลายา ทำให้ได้รสชาติหวาน มีความสดใหม่ และนุ่มเด้ง ที่ผสมผสานเข้ากันจนได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม และลงตัวเป็นอย่างมาก
  • ต้มโคล้งปลากรอบแบบใสกับยำสายบัวพริกหวานและกุ้งสเปน เป็นเมนูอาหารที่ประกอบไปด้วยต้มโคล้งปลากรอบแบบใส มาพร้อมกุ้งสเปนที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการจี่ และโรยเกลือหิมาลายา และนำส่วนหัวทอดแบบเทมปุระ เพื่อนำมารับประทานคู่กับยำสายบัวพริกหวานที่มีน้ำยารสชาติเข้มข้น ทำให้นักชิมได้สัมผัสรสชาติที่มีความเข้มข้น และจัดจ้านที่มีความกลมกล่อม
  • ล็อบสเตอร์ผัดฉ่า แกะย่างจิ้มแจ่วข้าวหอมมะลิแดง เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาแบบ Surf & Turf ที่ผสมผสานระหว่างอาหารทะเล และเนื้อไว้ในจานเดียวกัน โดยมีล็อบสเตอร์ที่มาพร้อมกับซอสผัดฉ่า รสชาติเข้มข้นถึงใจ ตัดด้วยเนื้อแกะย่างที่มีความสุกระดับ Medium Rare รสชาติจัดจ้านแบบน้ำจิ้มแจ่ว เสิร์ฟคู่กับข้าวหอมมะลิแดง ที่จะช่วยให้ได้รสชาติที่มีความอร่อย และมีความจัดจ้านกำลังดี
  • เจลลี่ส้มฉุนผลไม้กับมะกรูดเชื่อม เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นสไตล์ลอยแก้ว ด้วยการนำส้มซ่ามาทำเป็นลอยแก้ว ผสมผสานกับระหว่างผลไม้ไทย และผลไม้ญี่ปุ่นตามฤดูกาล รับประทานคู่กันกับมะกรูดเชื่อมเนื้อใส พร้อมกับโรยหน้าด้วยหอมเจียวรมควัน และขิงซอย ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น และล้างปากปิดมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
  • พุดดิ้งนมสดกับไอศกรีมชาไทยและเบอร์รี เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการผสมผสานระหว่างพุดดิ้งนมสดที่มีความหอม หวาน และมัน กับไอศกรีมชาไทยที่มีความหอมชาไทยเป็นเอกลักษณ์เข้าด้วยกัน พร้อมกับตัดเลี่ยนด้วยเบอร์รีชนิดต่างๆ ที่มีรสชาติหวานฉ่ำอมเปรี้ยวกำลังดี ที่ช่วยปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ทั้งนี้ Set Menu ของคิมหันต์ฤดู และฤดูกาลอื่นๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการรังสรรค์ทุกเมนูนั้นมีการคัดสรร และเลือกใช้ตามฤดูกาล ดังนั้น นักชิมคนไหนที่อยากจะสัมผัส หรือลิ้มลองความอร่อยของเมนูอาหาร Fine Dining ที่ Royal Osha สามารถติดตามเมนูอาหารประจำฤดู สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้เลยที่ Facebook : Royal Osha Bangkok หรือคลิก ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

6. ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา จะ Dine in หรือ Take Away ก็ช่วยดับร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับนักชิมคนไหนที่อยากจะสัมผัสความสดชื่นรื่นรสแห่งคิมหันต์ฤดู จากสำรับข้าวแช่ชาววัง ตำรับรอยัล โอชา ก็มีให้นักชิมได้เลือกรับประทานกัน 2 แบบ ได้แก่ แบบ Dine in หรือรับประทานที่ร้าน และ Set Take Away สำหรับการรับประทานที่บ้าน หรือซื้อเป็นของขวัญ ของฝาก โดยรายละเอียดของการเลือกรับประทานข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ในแต่ละรูปแบบ มีดังนี้

  • Dine in เป็นสำรับของข้าวแช่รอยัล โอชา ที่มีราคาอยู่ที่ 1,250 บาท ต่อ 1 คน โดยจะประกอบไปด้วยข้าวแช่ และเครื่องเคียง 1 สำรับ, ของว่าง 2 อย่าง และลอยแก้ว ที่ให้นักชิมได้สัมผัสความอิ่มอร่อย และคลายร้อนกันแบบจัดเต็ม
  • Take Away เป็นสำรับของข้าวแช่รอยัล โอชา ที่มีราคาอยู่ที่ 2,250 ต่อ 1 เซ็ท โดยจะประกอบไปด้วยข้าวแช่ และเครื่องเคียง 1 สำรับ ที่มีปริมาณเหมาะกับการรับประทาน 2 คน บรรจุลงในกล่องสีแดงสุดหรูหรา และพรีเมียม มาพร้อมกับ Voucher สำหรับรับประทานขนมหวานประจำวันภายในร้าน เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ หรือของฝากในโอกาสต่างๆ เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ราคาในการรับประทานข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา แบบ Dine in หรือรับประทานที่ร้าน อาจมีการเปลี่ยนแปลง และสำหรับสำรับข้าวแช่แบบ Set Take Away จะต้องทำการสั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน และ Voucher ที่ได้รับภายในกล่องนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha

7. ดับร้อนด้วย “ข้าวแช่” ตามแบบวิถีของ Royal Osha สั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่งได้แล้ว วันนี้!

Khao Chae

สำหรับในช่วงคิมหันต์ฤดู หรือช่วงฤดูร้อนนั้นเป็นช่วงที่อากาศของประเทศไทยมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง ที่ในบางวันมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ทำให้อากาศมีความร้อน และอบอ้าว ที่ส่งผลให้ร่างกายร้อนตามไปด้วย ดังนั้น การดับร้อนด้วย “ข้าวแช่” ถือว่าเป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยดับร้อนได้จากภายในสู่ภายนอก ที่จะทำให้นักชิมได้ทั้งอิ่ม อร่อย และดับร้อนได้อย่างดีเยี่ยม และสำหรับนักชิมคนไหนที่สนใจอยากจะดับร้อนด้วยข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ตามแบบวิถีของ Royal Osha สามารถสั่งซื้อข้าวแช่ แบบ Set Take Away หรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อลิ้มลองข้าวแช่แบบ Dine in หรือถ้าหากอยากดับร้อนแบบ Full Course ที่ทุกเมนูนั้นถูกรังสรรค์ขึ้นมา ที่ให้นักชิมได้อิ่มอร่อย ดับร้อน และดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถเลือกรับประทานเมนูอาหาร Fine Dining ที่เป็น Set Menu ของคิมหันต์ฤดูแบบจัดเต็มได้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สั่งซื้อ หรือสำรองที่นั่ง ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Line Official : @royalosha
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-256-6555 หรือ 085-489-0571
  • Facebook : Royal Osha Bangkok
  • เว็บไซต์ : www.royalosha.com 

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha