เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
มีร้านอาหารมากมายในกรุงเทพมหานคร แต่ร้านไหนจะเป็นร้านอาหารไทย และเป็นร้านอาหาร Fine Dining ที่ได้การยอมรับเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ เพราะไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติมากหน้าหลายตาที่เดินทางมาแวะเวียนที่กรุงเทพฯ ก็จะร่วมเป็นผู้ตัดสินในเรื่องคุณภาพอาหารที่ดีที่สุดนี้กัน และแน่นอนว่าร้าน Royal Osha จะถูกนับเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพด้านไหน Royal Osha ก็มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และประสบการณ์สุดพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับจากการเข้ามาทานอาหารที่ร้าน แต่การจะเข้าไปอยู่ในหมวดร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ก็มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และมีคู่แข่งหลากหลายสัญชาติที่จะมาแข่งกับอาหารไทยเช่นกัน
ในกรุงเทพมหานครมีอาหารเยอะมาก ซึ่งเยอะในที่นี้ไม่ได้เยอะแค่เพียงจำนวน แต่เยอะในเรื่องของความหลากหลายของประเภทอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัญชาติต่าง ๆ อาหาร Fine Dining, อาหารฟาสต์ฟู้ด, อาหารโฮมเมด และ อาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกทานกันตามความชอบและความถนัดของแต่ละคน แต่สุดท้ายแล้วอาหารที่คนไทยซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ นิยมทานกันมากที่สุดก็คืออาหารไทย เพราะด้วยรสชาติอาหารที่คุ้นเคย และความครบเครื่อง ทั้งรสเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม เป็นอาหารประเภทที่คนไทยกินได้เรื่อย ๆ หากเทียบกับอาหารสัญชาติอื่น ซึ่งการแข่งขันในส่วนนี้ก็มีหลายตลาดที่ยังต้องแข่งขันกันใน market section ของตัวเองต่อไป อย่างตลาดอาหารตามสั่งที่ราคาถูกลงมาหน่อยเนื่องจากใช้วัตถุดิบที่คุณภาพรองลงมา แต่สำหรับอาหารพรีเมียมที่วัตถุดิบมีราคาแพง ค่าอาหารจึงมีราคาสูงตาม
และทางร้าน Royal Osha ก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยระดับพรีเมียม แบบ Thai Fine Dining ที่มีการแข่งขันที่สูง แตกต่างจากการแข่งขันของอาหารตลาดอื่น เพราะอาหาร Thai Fine Dining เป็นร้านอาหารที่เหมาะกับการมาทานในวาระโอกาส นัดสำคัญต่าง ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้บริโภคจะไม่ได้มาทานอาหารที่ร้านทุกวัน ด้วยรสชาติและการบริการที่ดีเยี่ยม ระบบการสำรองที่นั่งก่อนเข้ามารับบริการ และราคาค่าใช้จ่ายของอาหารที่สูง ซึ่งมาจากมาความพิถีพิถันในการเตรียมอาหารและการดำเนินการทุกอย่าง และยังมาจากคุณภาพอาหารที่ผ่านการยอมรับ และได้รับรางวัล Michelin Guide
> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha
ด้วยการแข่งขันที่สูง สิ่งที่ร้านอาหารจะต้องมีและทำให้ได้ เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพมีหลายข้อหลายปัจจัยที่จะใช้ในการพิจารณา เพราะว่าตัวเลือกที่ผู้บริโภคสามารถเลือก และเปลี่ยนไปทานมีเยอะมาก และยิ่งเข้าถึงได้ง่ายขึ้นไปอีก ด้วยระบบขนส่งดิลิเวอรี่ทั้งหลาย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การทานอาหารให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดคือการทานอาหารตอนปรุงเสร็จใหม่ ๆ ร้อน ๆ แปลว่าร้านอาหารนั้นจะต้องมีหน้าร้านมีที่นั่งให้ลูกค้าได้ใช้เวลาทานอาหารสด ๆ ร้อน ๆ ในร้านได้ และในขณะเดียวกันปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องมีสำหรับร้านอาหารที่ดีที่สุด คือ
และทุกข้อที่กล่าวมาร้าน Royal Osha มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกข้อ นอกจากนั้นทางร้านยังสามารถคงมาตรฐานอันดีของคุณภาพของทุก ๆ ข้อไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ มีแต่คุณภาพจะยิ่งสูงขึ้น ด้วยการปรับปรุงสูตรและเมนูใหม่ ๆ ที่คิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและความชอบของลูกค้า
> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Royal Osha
Fine Dining มีที่มาจากร้านอาหารระดับพรีเมียมสัญชาติฝรั่งเศสที่พร้อมเสิร์ฟคอร์สเมนูอันหรูหรา สไตล์ฝรั่งเศสแบบสเต๊ก สลัด และเมนูตามสไตล์เดิม ซึ่งตลาด Fine Dining นับเป็นตลาดที่กว้างมากพอสมควร ในขณะที่มีราคาสูง แต่ในปัจจุบันที่ทั่วโลกเชื่อมต่อกันได้และมีการฟิวชั่นเกิดขึ้นในทุกวงการ สูตรอาหาร Fine Dining ก็ไม่จำเป็นต้องตายตัวและจำกัดอยู่ในกรอบเดิม ๆ จึงได้เกิดการฟิวชั่นอาหารไทยเข้าไปใน Fine Dining ที่ได้การยอมรับในระดับสากล ด้วยรสชาติที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นของวัตถุดิบอาหารไทย การใช้ผัก สมุนไพร ผลไม้ไทย และเครื่องปรุง เครื่องเทศสด ๆ ของไทย ก็มีบทบาทสำคัญในการชูรสชาติต่าง ๆ มากขึ้น จากเดิมที่เราคุ้นเคยกับรสชาติอาหารไทยอยู่แล้ว อาหาร Thai Fine Dining จะยิ่งเผยรายละเอียดในรสชาติอาหารไทยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น กลิ่นสมุนไพรและรสเครื่องเทศในอาหาร Fine Dining จะชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่ออาหารไทยสไตล์ Fine Dining ได้บุกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการแข่งขันของร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อาหารไทยระดับคุณภาพ ที่รสชาติไม่ซ้ำใคร และระบบการดูแลลูกค้าที่เข้มงวดเพื่อมอบประสบการณ์การทานอาหารที่ดีที่สุด จึงตอบโจทย์ทุกข้อของ Bangkok best restaurant
> คลิก ที่นี่ เพื่อดูประวัติความเป็นมาของ Royal Osha
หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ อย่าง Royal Osha ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองในย่านเพลินจิต ถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี ทำเล ณ กลางกรุงที่สามารถเดินทางไปถึงได้ไม่ยาก ด้วยรถสาธารณะหรือขับรถไปจอดที่ร้านก็ได้ ระบบการเข้ารับบริการของทางร้าน ต้องผ่านการจองคิวล่วงหน้าเท่านั้น เพราะว่าทางร้านต้องเตรียมต้อนรับลูกค้าให้ดีที่สุด ครบที่สุด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดตั้งแต่หน้าประตู จนลูกค้าเดินทางกลับ กระบวนการจองอาจจะดูเหมือนมีพิธีรีตองแต่เป็นระบบที่ Fine Dining ทั่วโลกนิยมใช้ เพื่อการให้บริการที่ดีและน่าประทับใจกับลูกค้า
วัตถุดิบในการสร้างสรรค์แต่ละเมนูของทางร้าน ถูกส่งตรงมาจากผลผลิตในภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ทั้งผัก ผลไม้ สมุนไพร และเครื่องปรุงอื่น ๆ จะเข้ามายังครัวกลางที่กรุงเทพมหานครเพื่อปรุงรสชาติตามสูตรอาหารไทย Fine Dining ด้วยรสชาติที่เข้มข้นสมเป็นอาหารไทยนี้ Royal Osha ได้เป็นสื่อกลางในการส่งมอบรสอาหารไทยที่ดีเลิศให้กับผู้บริโภค จากรสชาติอาหารไทยภาคหนึ่งให้กับคนอีกภาคหนึ่ง และส่งต่อรสชาติอาหารไทย และเมนูที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก อย่างเช่น Meuang Kham Bua Lhuang, Lemongrass And Blue River Prawn Salad, Khao Chae: Rice in chilled jasmine water with assorted condiments, Southern Style Rice and Fresh Herbs Salad with Fried Fish และเมนูของหวาน อย่าง Khanom Kho (Sweet Coconut Dumplings) เป็นต้น
ใครที่สนใจเข้ามารับบริการกับ Bangkok best restaurant และเก็บประสบการณ์การทานอาหารมื้อพิเศษสุดเพอร์เฟกต์จากร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่เป็นหนึ่งในร้านอาหารคุณภาพดีที่สุดของกรุงเทพมหานคร ที่ Royal Osha สามารถจองคิวเข้ามาที่ร้านได้เลย ร้านเปิดให้บริการมื้อกลางวันและมื้อเย็นเป็นหลัก
> คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha
ทุกเมนูอาหารของ Royal Osha เป็นเมนูที่ผ่านการรังสรรค์จากเชฟที่มีฝีมือ และมากประสบการณ์ นั่นก็คือ “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef ของ Royal Osha ที่มีประสบการณ์ในด้านการทำอาหารมานานกว่า 40 ปี และประสบความสำเร็จในด้านอาหารจนหลายๆ คนเรียกว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ โดยเชฟวิชิต มุกุระ นั้นกว่าจะเป็นระดับปรมาจารย์ได้ ก็เคยผ่านการเป็นลูกมือช่วยงานในครัวของคุณแม่มาก่อน และได้ก็ค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบในการทำอาหาร จึงมีจุดมุ่งหมายที่เป็นเชฟในระดับแนวหน้าของเมืองไทยให้ได้ ซึ่งเชฟวิชิตก็ได้เริ่มต้นจากการทำงานเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ” ที่เชฟวิชิตได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี และได้ตำแหน่งเชฟใหญ่ที่ต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน ในวัย 24 ปีเท่านั้น รวมถึงยังได้มีการมีการเปิดโรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (School of the Oriental Hotel Apprenticeship Programme หรือ OHAP) มีหลักสูตร Oriental Professional Thai Chef Programme หรือ OPTC ที่เชฟวิชิตรับหน้าที่เป็นอาจารย์สอน และสร้างเชฟรุ่นใหม่ๆ ประดับวงการอาหาร และช่วยยกระดับแวดวงร้านอาหารของเมืองไทยได้อย่างมากมาย และหลังจากทำงานเป็นเชฟใหญ่ได้ 27 ปี ก็ได้ลาออกไปช่วยดูแลธุรกิจร้านอาหารของครอบครัว แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้กลับมาทำงานเป็นเชฟในสายโรงแรมเช่นเดิม และยังเคยไปสอนทำอาหารที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย แต่เมื่อถึงในช่วงอายุหนึ่ง เชฟวิชิตก็มีความรู้สึกว่าไม่อยากทำสิ่งเดิมๆ อีกต่อไป และมองหาสิ่งท้าทายใหม่ๆ จนได้มาจับมือสร้างร้านอาหารไทย Fine Dining อย่าง Royal Osha กับคุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และคุณเกวลิน พิทยานุกุล โดยเชฟวิชิต มุกุระ มีความคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ เพราะว่ามีครบเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีครบทั้งสี และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีความสามารถในเรื่องการใช้สมุนไรพมาปรุงอาหารอีกด้วย ทำให้อาหารไทยนั้นมีความซับซ้อน และแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ” จึงเป็นความตั้งใจที่เชฟวิชิตมีต่อร้าน Royal Osha และความต้องการที่จะทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ได้สืบสานการทำ การปรุงอาหาร และความดั้งเดิมแบบไทยๆ ให้ด้านอาหาร เพื่อให้วัฒนธรรมในด้านอาหารไทยยังคงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน และด้วยความตั้งใจ และความมุ่งมั่นของเชฟวิชิต ที่มาพร้อมกับประสบการณ์มากกว่า 40 ปี จึงทำให้เชฟวิชิตได้พา Royal Osha สู่การเป็นร้านอาหาร Fine Dining เป็น Bangkok best Restaurant และได้รับรางวัล Michelin Guide มาถึง 6 ปีซ้อน
ดังนั้น นักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทยที่ได้รับการรังสรรค์ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจ สามารถแวะมาชิมได้ที่ Royal Osha ที่มีเมนูอาหารไทย 4 ภาคที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และเสน่ห์ของอาหารไทย ที่ผ่านการปรุงในทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เพื่อช่วยยกระดับอาหารไทย และช่วยเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยในมุมมองใหม่ๆ ให้กับชาวไทย และชาวต่างชาติ
> คลิก ที่นี่ เพื่อทำความรู้จักกับเชฟวิชิต มุกุระ แห่ง Royal Osha
“Royal Osha” เป็นร้านอาหาร Thai Fine Dining ที่ทุกเมนูผ่านการรังสรรค์จากเชฟที่มีฝีมือ และมากประสบการณ์ ทำให้รูปร่าง รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของอาหารนั้นสามารถส่งต่อถึงความเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวไทยได้อย่างชัดเจน และเป็นการยกระดับอาหารไทยให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีเสน่ห์ เพื่อให้อาหารไทยนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากยิ่ง จนทำให้ Royal Osha เป็นอีกหนึ่งในร้านอาหาร Bangkok best Restaurant ที่ได้รับรางวัลการันตีอย่างมากมาย เช่น Michelin Guide 6 ปีซ้อน หรือรางวัลการันตีร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และเป็นรางวัลที่เป็นยอมรับของเหล่านักวิจารณ์อาหาร โดยรางวัลการันตีที่ Royal Osha ได้รับ มีดังนี้
โดยรางวัลการันตีแต่ละรางวัลนั้นเป็นรางวัลที่มีความหมายที่สามารถบ่งบอกถึงร้านอาหารได้ ดังนี้
> คลิก ที่นี่ เพื่อดูรางวัลการันตีของ Royal Osha
สำหรับเมนูอาหารของ Royal Osha นั้นจะมีการเสิร์ฟอาหารที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาหารทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน โดยจะมีให้เลือกรับประทานทั้งแบบ A La Carte และแบบ Set Menu ที่จะมีการสลับสับเปลี่ยนเมนูอาหารใหม่ๆ เป็นประจำ เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ที่จะช่วยยกระดับ และเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยให้ดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมนูอาหารของ Royal Osha ที่ขึ้นชื่อสมกับ Bangkok best Restaurant นั้นจะมีให้เลือกทั้ง Stater, Salad, Soup, Main Coures และ Dessert และแต่ละเมนูที่ได้รับความนิยมที่อยู่ใน Royal Osha Winter Set Menu มีดังนี้
> คลิก ที่นี่ เพื่อดูเมนูอาหารของ Royal Osha
สำหรับนักชิม หรือผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทย ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ สามารถแวะมาลิ้มลองอาหารไทยที่มีกลิ่นอาย และเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจนได้ที่ Royal Osha หนึ่งใน Bangkok best Restaurant เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่มีความแปลกใหม่ และพรีเมียม ผ่านการปรุงด้วยเชฟวิชิต มุกุระ ที่เป็นเชฟมากฝีมือระดับปรมาจารย์ ที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้ผู้ที่ได้ลิ้มลองอาหารไทยที่ Royal Osha ทุกเมนู