เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

ทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กับเมนูคอร์สที่ Royal osha

การรับประทานอาหารแบบ “Chef Table” เป็นสไตล์การรับประทานอาหารที่นักชิมหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีขั้นตอนในการปรุงอาหาร และการรับประทานที่ไม่เหมือนใคร และยังมีอาหารหลากหลายสัญชาติที่นิยมใช้สไตล์ Chef Table ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารตะวันตก หรือจะเป็นอาหารไทย ก็มีให้นักชิมได้ลิ้มลองเช่นกัน อย่างที่ Royal Osha ก็เป็น 1 ในร้าน Chef Table อาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลชั้นดี และผ่านการรังสรรค์จากเชฟอาหารไทยมือทอง จนได้เมนูอาหารไทยสไตล์ Chef Table ที่มีเอกลักษณ์ และเสน่ห์ของความเป็นไทยอยู่ในทุกสัมผัส โดยในบทความนี้ทาง Royal Osha ก็จะพานักชิมไปทำความรู้จักกับร้าน Chef Table กันมากขึ้นว่าคืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมของนักชิมอย่างแพร่หลาย และมีความแตกต่างจาก Fine Dining และ Omakase อย่างไร พร้อมแนะนำเมนูคอร์ส Chef Table จาก Royal Osha ที่นักชิมอาหารไทยตัวจริงต้องห้ามพลาด

1. ร้าน Chef Table สไตล์การรับประทานอาหารที่รังสรรค์มาแบบตามใจเชฟ

Chef Table Restaurant

Chef Table มีความหมายตรงตัวที่ว่า “โต๊ะของเชฟ” คือ การที่นักชิมนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นขั้นตอนการทำอาหารของเชฟได้อย่างชัดเจน โดยจะเป็นโต๊ะ หรือเคาท์เตอร์ที่จะหันหน้าเข้าพื้นที่ครัวของเชฟ ซึ่งแต่ละเมนูที่นักชิมจะได้รับประทานนั้นก็จะเป็นเมนูที่จะรังสรร์คออกมาแบบตามใจเชฟ ที่จะมีเรื่องราว มีการคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน มีการปรุงอย่างประณีต และละเอียดละออ เพื่อให้ได้เมนูที่มีวัตถุดิบที่ดีที่สุด รสชาติดีที่สุด และสดใหม่ที่สุด และค่อยๆ ทำการเสิร์ฟทีละจาน รวมถึงนำเสนอตามลำดับที่ได้วางไว้ เพื่อให้ได้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่ดีที่สุด และเปิดประสบการณ์ในการสัมผัสศิลปะอีกแขนงหนึ่งผ่านการรับประทานอาหาร และการรับประทานอาหารในสไตล์ Chef Table นั้นก็ยังมีอาหารสัญชาติต่างๆ ให้นักชิมได้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย เช่น อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก หรืออาหารจีน เป็นต้น เพราะว่าการทำอาหารร้าน Chef Table ไม่ได้มีการจำกัดสไตล์ หรือประเภทของอาหาร ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีร้าน Chef Table เกิดขึ้นอย่างมากมาย หลากหลายสไตล์ และได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมอย่างแพร่หลายมากขึ้น

2. ทำไมในปัจจุบันถึงนิยมรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table กันมากขึ้น?

การรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table ในปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าร้าน Chef Table จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในเรื่องของการทำอาหาร การบริการ และบรรยากาศ โดยเริ่มต้นจากการทำอาหารที่นักชิมสามารถเห็นได้เกือบทุกขั้นตอน ทำให้นักชิมรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการทำอาหารกับเชฟ ได้สัมผัสถึงวัตถุดิบที่มีความสด สะอาด และมีการปรุงแบบสดใหม่ ที่จะทำให้รสชาติอาหารที่ได้สัมผัสนั้นมีความอร่อยมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีบรรยากาศที่มีความตื่นเต้น ผ่อนคลาย และได้อรรถรสในการรับประทาน เพราะได้สัมผัสทั้งเสียง และกลิ่นในการทำอาหารแบบใกล้ชิด ค่อยๆ เสิร์ฟที่ละอย่าง เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับรายละเอียดต่างๆ ของอาหารอย่างเต็มที่ และมีจำนวนที่นั่งที่จำกัด ที่ทำให้เชฟสามารถบริการได้อย่างทั่วถึง ที่ทำให้นักชิมรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองด้วย และด้วยจุดเด่น และเอกลักษณ์ของการรับประทานอาหารร้าน Chef Table จึงทำให้นักชิมหันมาเลือกรับประทานอาหารที่ร้าน Chef Table เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

3. ร้าน Chef Table vs Fine Dining vs Omakase แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

Chef Table restaurants

การรับประทานอาหารในร้าน Chef Table, Fine Dining และ Omakase เป็นสไตล์การรับประทานอาหารที่ในแต่ละแบบนั้นต่างได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่ว่านักชิมหลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าการรับประทานอาหารทั้ง 3 สไตล์นี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เลือกรับประทานให้ตรงกับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด โดยการรับประทานแบบ Chef Table นั้นก็จะมีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่กล่าวมาในหัวข้อข้างต้น และในส่วนของ Fine Dining และ Omakase ก็จะมีรายละเอียด และความแตกต่างกัน ดังนี้

  • Fine Dining เป็นการรับประทานอาหารที่จะมีการตกแต่งโต๊ะอย่างหรูหรา และจะมีการเลือกใช้เครื่องใช้ และภาชนะที่มีความหรูหราเช่นกัน มีเมนูให้เลือกทั้งแบบคอร์ส และ A La Carte มีการตกแต่งที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง มีการบริการที่มีมาตรฐานสูง และมีความเป็นทางการ แต่จะเหมือนกับร้าน Chef Table ตรงที่จะมีการเสิร์ฟทีละจาน และมีการจัดลำดับในการเสิร์ฟ เพื่อให้นักชิมสามารถสัมผัสถึงความอร่อย และรายละเอียดของแต่ละจานได้อย่างดีเยี่ยม

 

  • Omakase เป็นการรับประทานอาหารที่เหมือนกันกับร้าน Chef Table ที่จะเป็นเมนูแบบตามใจเชฟ แต่ว่าในภาษาญี่ปุ่นจะใช้คำว่า “Omakase” หรือโอมากาเสะ และจะแตกต่างกันตรงที่เมนูของโอมากาเสะนั้นจะเป็นเมนูซูชิ ซาชิมิ ซุป หรือเมนูอาหารญี่ปุ่นต่างๆ เป็นต้น

4. Royal Osha รูปแบบร้าน Chef Table ที่ปรุงแต่งทุกเมนูจากวัตถุดิบพรีเมียมโดยเชฟอาหารไทยประสบการณ์กว่า 40 ปี

Royal Osha เป็นรูปแบบร้าน Chef Table ที่ปรุงแต่งทุกเมนูจากวัตถุดิบพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และรังสรรค์มาจากเชฟมากฝีมือที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารไทยมากว่า 40 ปี โดยการคัดเลือกวัตถุดิบของ Royal Osha จะเป็นการใช้วัตถุดิบแบบ Seasonal หรือการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด ใหม่ สะอาด และปลอดภัย โดยวิธีการเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นมาจากแนวคิดของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ว่า “Classic Thai Elegance Reinvented” เพื่อทำการถ่ายทอดวัฒนธรรม เรื่องราว วิถีชีวิต และการกิน อยู่ อาศัยของชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับนำนิยามใหม่สไตล์โมเดิร์นมาผสมผสานเข้ากันกับสุนทรียศาสตร์ของรูป รส และกลิ่นของอาหารไทย และให้นักชิมได้อิ่มอร่อย และดูแลสุขภาพตามศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่การรับประทานอาหารตามฤดูกาลนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี และนอกจากนั้นก็ยังมาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “อาหารเป็นยา” ด้วยการนำพืช ผัก และสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยามาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยการนำวัตถุดิบตามฤดูกาล และพืช ผัก สมุนไพรไทย มาผ่านการปรุงรสให้มีความกลมกล่อมตามแบบฉบับของอาหารไทยโบราณที่จะต้องมีครบ 7 รสชาติในอาหาร 1 คำ ได้แก่ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม รสขม รสปร่า รสมัน และรสฝาด เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างชัดเจน ที่จะช่วยเผยเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยได้อย่างลงตัว ทำให้เมนูอาหารของทาง Royal Osha นั้นมีครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน และแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ คิมหันต์ฤดู (ฤดูร้อน), วัสสานฤดู (ฤดูฝน) และเหมันต์ฤดู (ฤดูหนาว) ที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของเมนู เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสกับอาหารได้อย่างหลากหลาย และได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยใหม่ๆ ตามแต่ละภาค ที่นักชิมจะได้สัมผัสถึงเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่  โดยในทุกเมนูนั้นไม่ได้เพียงแค่เลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมเท่านั้น แต่ยังผ่านการรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถันจากเชฟอาหารไทยมือทองในระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef ประจำที่ Royal Osha ที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารมานานกว่า 40 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ที่ต้องการจะส่งต่อความอร่อยของอาหารไทยในสไตล์ร้าน Chef Table ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆ” เพราะว่าอาหารไทยนั้นมีความแตกต่างจากอาหารประเทศอื่นๆ ตรงที่มีครบความเครื่อง มีหลายองค์ประกอบ มีสีสันสวยงาม และรสชาติที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวาน และยังมีการนำสมุนไพรพื้นบ้านมากปรุงเป็นอาหาร ที่ให้ทั้งความอร่อย และดีต่อสุขภาพ จึงได้นำประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่การเป็นเชฟใหญ่ในห้องอาหารไทยที่มีชื่อว่า “ศาลาริมน้ำ”ของโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดาริน ตั้งแต่อายุ 24 ปี ที่จะต้องคุมทีมที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 32 คน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไทยนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นระยะเวลานานถึง 27 ปี เพื่อนำมารังสรรค์ทุกเมนูของ Royal Osha ให้มีรสชาติ หน้าตา และเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ให้นักชิมได้สัมผัสได้ถึงความอร่อยตามแบบฉบับของอาหารไทยแท้ คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Our Chef ของ Royal Osha

5. แนะนำเมนูคอร์สจาก Royal Osha ร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัย

Chef Table restaurant

สำหรับนักชิมที่อยากจะสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยแท้จาก Royal Osha ที่เป็นร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัย ที่ได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน และนำเสนอความเป็นไทยจากเชฟอาหารไทยมากประสบการณ์อย่างเชฟวิชิต มุกุระ จนได้เมนูคอร์สที่มีเมนูอย่างหลากหลายให้นักชิมได้ลิ้มลองกับเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ ดังนี้

  • เนื้อปูม้าสามรสแบบเย็น เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อปูม้าชิ้นโต สดใหม่ หวาน ไม่คาว มาพร้อมกับพริกเขียวที่ช่วยเพิ่มความจัดจ้าน และแอปเปิ้ลที่มาในรูปแบบของกรานิต้า ที่ช่วยให้ได้รสชาติอร่อย กลมกล่อม เข้มข้น และสดชื่น เหมาะกับการเริ่มต้นมื้ออาหารเป็นอย่างมาก
  • แป้งกรอบและมูสตับห่านกับผงต้มยำ เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากแป้งกรอบสูตรเฉพาะของ Royal Osha ที่มีความหอม กรอบ มาพร้อมกับมูสฟัวกราส์ หรือตับห่านอย่างเข้มข้น และโรยด้วยผงต้มยำที่หอมสมุนไพร รสชาติจัดจ้าน เมื่อรับประทานด้วยกันแล้วเข้ากันอย่างลงตัว ที่ช่วยเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
  • แกงกะหรี่กับปูทาระบะย่าง เป็นเมนู Starter ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากปูทาระบะชั้นดี ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างจนได้กลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับแกงกะหรี่เข้มข้นตามฉบับของ Royal Osha ที่ได้เข้ากันกับเนื้อปูสดใหม่ หวาน อร่อยได้อย่างลงตัว
  • ยำทูน่าสมุนไพรกับมาโยยูสุ เป็นเมนู Salad ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อทูน่าที่นำมายำเข้ากันกับสมุนไพรนานาชนิด ให้มีความหอม เข้มข้น จัดจ้าน ตัดด้วยรสชาติเปรี้ยว มัน กลมกล่อมจากซอสมาโยยูสุ เมื่อรับประทานในคำเดียวจะได้รสชาติที่มีความหอม จัดจ้าน และพอดีเป็นอย่างมาก
  • พล่าหอยเชลล์ฮอกไกโด เป็นเมนู Salad ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากหอยเชลล์พรีเมียมจากฮอกไกโดชิ้นโต เนื้อหวานนุ่ม ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่างไฟอ่อนให้มีความสุกกำลังพอดี เสิร์ฟคู่กับพล่าที่มีส่วนประกอบของเครื่องพล่า และสมุนไพรนานาชนิด ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ความหอมสมุนไพร ความเผ็ด ครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของพล่าไทยโบราณ
  • กุ้งแดงสเปนย่างกับแกงเลียงและผักรวม เป็นเมนู Soup ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากกุ้งแดงสเปนตัวโต ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง เสิร์ฟคู่กับแกงเลียงที่มีความหอม หวาน มัน เผ็ดกำลังดี และผักรวมนานาชนิด ที่ช่วยเพิ่มความอร่อยกลมกล่อมมากขึ้น
  • ยำสมุนไพรงาหอมกับแตงโม เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากแตงโมชั้นดี หวานฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับยำสมุนไพรงาหอม ที่ทำให้ได้ทั้งความสดชื่น หวานฉ่ำ จัดจ้าน และหอมกำลังดี ที่รับประทานภายในคำเดียวแล้วจะมอบรสชาติของอาหารไทยโบราณได้อย่างลงตัว
  • ปลาหมึกยักษ์ทอดซอสไข่เค็มกับพริกดองส้ม เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากหนวดปลาหมึกยักษ์พรีเมียม ชิ้นโตเต็มคำ นุ่มหนึบ เนื้อหวาน สดใหม่ ไม่คาว ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการทอด คลุกเคล้ากับซอสไข่เค็มเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับพริกดองส้ม ที่ช่วยให้ได้รสชาติที่มีความกลมกล่อม และจัดจ้านกำลังดี ที่รับประทานด้วยกันแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นที่ครบเครื่อง ครบรสตามแบบฉบับของอาหารไทย
  • เนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียย่างซอสผัดฉ่าและหน่อไม้ฝรั่ง เป็นเมนู Main Course ในคอร์สเมนูที่รังสรรค์มาจากเนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียชั้นดี ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยย่างให้เนื้อมีความหอม ฉ่ำ ไม่เหนียว และไม่แห้งเกินไป เสิร์ฟคู่กับซอสผัดฉ่ารสชาติเข้มข้น และหน่อไม้ฝรั่งที่ผ่านการย่างมาให้มีความหอม นุ่ม เคี้ยวง่าย เข้ากันกับเนื้อได้อย่างอร่อยกลมกล่อม
  • เค้กวานิลลาน้ำผึ้งป่าดอกสาบเสือกับไอศกรีมชาไทยและครัมเบิลข้าวแต๋นน้ำแตงโม เป็นเมนูของหวานในคอร์สเมนูที่มีเค้กวานิลลาหอม หวาน นุ่ม ที่มาพร้อมกับไอศกรีมชาไทยเข้มข้น ราดด้วยน้ำผึ้งป่าดอกสาบเสือ และรับประทานคู่กันกับครัมเบิลข้าวแต๋นน้ำแตงโม ที่ช่วยล้างปาก และปิดมื้ออาหารสุดพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

นอกจากเมนูที่อยู่ในคอร์สเมนูแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารไทยแบบ A La Carte ให้นักชิมได้เลือกรับประทานอีกกว่า 50 เมนู และสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยที่ร้าน Chef Table อาหารไทยร่วมสมัยอย่าง Royal Osha ได้เลยที่ Line Official : @royalosha หรือคลิก ที่นี่

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Menu ของ Royal Osha

6. รีวิว Royal Osha ร้าน Chef Table อาหารไทยแท้จากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติ

นอกจากรางวัลการันตีต่างๆ ที่ทางร้าน Chef Table อย่าง Royal Osha ได้รับ เช่น รางวัล Michelin Guide ที่ได้รับมามากถึง 6 ปีซ้อน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยการันตีได้ถึงคุณภาพ รสชาติ และบริการแล้ว ก็ยังได้รับรีวิวจากนักชิมชาวไทย และชาวต่างชาติที่ได้แวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทยแท้ที่ Royal Osha แบบเสียงจริง ตัวจริง ดังนี้ Annie21 “อาหารไทยมีระดับโดยเชฟวิชิต มีความสร้างสรรค์ สวยงาม คงความเป็นไทยในทุกเมนู และรสชาติก็อร่อยมาก บรรยากาศและการบริการก็ยอดเยี่ยมค่ะ” Coryne S Suzuki “Celebrated a very special birthday here ❤️ Food was outstanding! Both delicious and beautiful! Thank you for the wonderful hospitality and for making this evening so memorable!” WoWVal “Royal Osha เป็นสุดยอดอาหารไทยที่สวยงามวิจิตร รสชาติอาหารไทยที่แปลกใหม่ กับการนำเสนอที่เป็นเลิศ แปลกใจว่าทำไมไม่ได้ดาวมิชลิน” Jennifer Hsu “A very nice, elegant restaurant.  Nice food, beautiful restaurant, and high end service.  Highly recommended.” Yuphavadee “เป็นอาหารไทยที่มีรสชาดอร่อย คงความเป็นไทยๆ แบบฉบับเดิมๆ ทรงคุณค่าให้เด็กรุ่นใหม่ๆได้รู้จักอาหารไทยค่ะ รสมือเชฟ ฝีมือดี สถานที่สวยงาม จัดจานได้สง่า สมเป็น Royal Osha เลยทีเดียวค่ะ” Trairuk “Fine dining, authentic Thai food, out of this world service” Yupin “อาหารอร่อย จัดจานได้สวยงามน่ารับประทานมาก พนักงานบริการดี บรรยากาศภายร้านอบอุ่น สวยงาม เหมาะกับการต้อนรับชาวต่างชาติ และคนพิเศษ แนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ” Cathryn Cole “Great Thai cuisine. Some of the best food I have ever eaten in Thailand.” คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Home ของ Royal Osha

7. เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยในร้าน Chef Table แบบร่วมสมัยได้ที่ Royal Osha

Chef Table restaurant

สำหรับนักชิมที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารไทย และอยากจะเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยร่วมสมัยในสไตล์ร้าน Chef Table ก็สามารถแวะมาลิ้มลองได้เลยที่ Royal Osha ร้านอาหารไทยแท้ที่ทุกเมนูรังสรรค์มาจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และผ่านการปรุงจากเชฟมากฝีมืออย่างเชฟวิชิต มุกุระ ที่ได้ดึงเอกลักษณ์ของวัตถุดิบ และถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านไปในอาหารทุกจาน เพื่อให้นักชิมได้สัมผัสถึงเสน่ห์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มเปี่ยมในทุกคำที่ได้สัมผัส เข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างอร่อยกลมกล่อม ถูกปากนักชิมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มี Location ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับการรับประทานได้ในทุกโอกาส ดังนั้น นักชิมที่อยากจะสัมผัสการรับประทานอาหารไทยในร้าน Chef Table ในสไตล์ร่วมสมัย สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

 

คลิก ที่นี่ เพื่อเข้าสู่หน้า Reservation ของ Royal Osha